Skip to main content


ทั้งเสียงไวโอลิน หนังสือและหลายสิ่งที่ชีวิตเก็บเกี่ยวตกค้างอยู่ภายในทำให้รู้สึกปวดร้าว ปวดแบบแปลบ ๆ หนึบ ๆ และร้าวรอนราวกับหัวใจบอบบางเหลือแสน ความเศร้าอันอ่อนหวาน ไม่อาจหักห้ามบังคับ ทุกคราวที่ไวโอลินโหยไห้หวนหาของซีเคร็ตการ์เดนแว่วดังขึ้น ขณะเปิด บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน
1 หน้าสุดท้าย หนังสือที่เขียนโดยคนสีไวโอลิน คลอด้วยเสียงไวโอลิน หัวใจร่วงร้าวโดยไม่ตั้งใจ ขยับตัวไม่ได้ เบื้อใบ้ ปากปิดสนิท

หนังสือ ดูดดื่มกับหนังสือ บทเพลงหรือภาพเขียน หากที่ใกล้ชิด ดื่มด่ำถึงขนาดคือหนังสือ อ่านด้วยหัวใจเปิดกว้างอย่างเดียวกับครั้งยังเด็ก ดูดดื่ม ...ดูด-ซับ ดื่ม-กินอย่างหิวกระหาย ไม่คัดเลือก กลั่นกรองใด ๆ โอบรับหมดทั้งใจ เช่นที่ร้องไห้รอบแล้วรอบเล่ากับเซเซ่2 เชื่อมั่นสุดหัวใจเด็กหญิงวัยแปดขวบว่า นี่แหละ สิ่งที่มีความหมายมากที่สุด ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าหนังสือ ข้าวปลาอาหาร งานบ้าน ตำราหรือ? หัวใจฝังติดลงไปเช่นเดียวกับใบหน้าจมลงบนแผ่นกระดาษ โลกข้างนอกยังจะมีความหมายอะไร หายไปในใบหน้าโลกที่เรียงรายเป็นตัวพิมพ์สลอน เศร้า อาดูร รวดร้าว ร่ำไห้ หัวเราะ ตื่นเต้น หวาดหวั่น เริงร่า กร้าวแกร่งและเข้มแข็ง หนังสือคือพ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนพ้องของฉัน คือครูบาอาจารย์ที่ทำให้ฉันได้เห็น เข้าใจโลกและชีวิต รวมทั้งความรับรู้ที่ลึกซึ้ง ชอกช้ำเกินกว่าบทสนทนา เรื่องราวในชีวิตจริง จำได้ ความรู้สึกเจ็บปวดโง่เขลาที่ไม่อาจอธิบาย แต่ร่วมรับรู้ลึกเข้าไปราวกับเกิดกับตัวเอง ความอึดอัดขื่นขมน่าสมเพชที่ใต้ถุนสังคมของดอสโตเยฟสกี้3 ความอ่อนโยนดีงามประทับจิตใจของน้องชายคนเล็กแห่งสกุลคารามาซอฟ4 ความเหงาเศร้าของรักหัวใจรอน ๆ บทเพลงแจ๊ส และสาวขาเป๋ผู้สวยซึ้ง มนุษย์หมู่บ้านโลกที่ระเหเร่ร่อนไปกับจิตวิญญาณที่ถูกฉีกกระชากจากตัวเองของมุราคามิ จากนั้นอบอุ่น ผิงแดดอ่อน ๆ ในนิทานแห่งท้องทุ่งจากศตวรรษไกลโพ้น6 ก่อนยกจิตใจสู่ความงามประณีตในบทกวีบริสุทธิ์ ...จะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีหนังสือ! ฉันจะเป็นเช่นทุกวันนี้ได้ยังไงถ้าไม่มีหนังสือ!

 

หนังสือ ...ไม่ใช่กระดาษเปื้อนหมึกที่เย็บเป็นเล่ม ๆ มันเปล่งเสียงร้อง ขบวนแถวถ้อยคำยังตื้นเขินไป มันคือลมหายใจผ่าวร้อนของผู้คน คือความเชื่อ ศาสนา ศรัทธา ปรัชญา ความรัก กิเลสตัณหา การต่อสู้ดิ้นรน ความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและล้มเหลว ความพ่ายแพ้และชัยชนะของพวกเขา เหล่าตัวละคร นั่นล่ะ! คำประกาศก้องถึงความเป็นมนุษย์ อันดราในอนาคตโลกเรียกคืนมนุษยภาพเมื่อได้อ่านได้ฟังบทกวี7 หลูและผมมีชีวิตอยู่ได้แม้ถูกสัมมนาด้วยความสิ้นหวังและงานหนักเพราะหนังสือ คอมมิวนิสต์ชั่วช้า ทุนนิยมหรือลัทธิทางสังคมใด ๆ ชั่วช้า หากมันทำลายความเป็นมนุษย์ อย่างนั้นแล้วมนุษย์คืออะไรเล่า? คือสิ่งที่เจ้าชายสิทธัตถะพยายามข้ามพ้นอย่างนั้นหรือ? หรือคือหัวจิตหัวใจในร่างกายที่ทั้งรักทั้งชัง เหงา ขมขื่น ผิดหวัง ต้องการ ปรารถนา ทำมนุษย์ให้เป็นหุ่นยนต์ เป็นชีวะแห่งงาน เป็นสัตว์ที่ต้องการเพียงข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่กำบัง หรือการหลับนอนผ่อนพักเท่านั้นได้อย่างไร พระเจ้าไม่ได้สร้างดอกไม้ชนิดเดียวบนโลก ดอกไม้อันงามน่ารักบนผืนพิภพสูง ๆ ต่ำ ๆ สลับซับซ้อนและหลากหลายภูมิอากาศมีนับร้อยนับล้านชนิด โอ้เจ้าชีวิตน้อย ๆ ที่แบบบางน่ารัก ดองดึง เทียน พุด แก้ว กุหลาบเถา กุหลาบช่อ แล้วมนุษย์เล่า จะให้คิดทำในแบบแผนเดียวซ้ำซาก สร้างมาตรฐานการหายใจในร่างที่แม้จะคงอยู่ไม่กี่หมื่นชั่วโมงให้เหมือนกันเปี๊ยบเลยล่ะหรือ? ช่างดูถูกความมั่งคั่งและการสร้างสรรค์อัศจรรย์ของจักรวาลเสียนี่กระไร

 

เด็กคนนั้นรับรู้ โลกนี้มั่งคั่งกว้างใหญ่ รุ่มรวยทั้งบาดแผลและความสุข ติดปีกบินท่องทั่วฟ้า เปิดดวงตาวิเศษ แลทะลุทั่วจักรวาลผ่านตัวหนังสือ หนังสือ! หนังสือ! หนังสือ! หนังสือเพาะเชื้อแห่งการปฏิวัติ หนังสือทำให้เด็กหนุ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพียงชั่วข้ามคืน หนังสือปลุกจิตวิญญาณหยั่งรู้ข้ามกาลเวลาฟื้นตื่น ศิลปะและหนังสือนำทางสู่หัวใจ ทวารบาลของวิหารแห่งพระเป็นเจ้า หัวใจต่างหากคือตัวจริงของนักอ่าน วรรณกรรมอ่านด้วยใจ ทุกเรื่องราวไหวสะเทือน เลื่อนไหลแทรกซึมเข้าไปในเส้นเลือด อวัยวะ เนื้อหนัง ไขกระดูกจนชุ่มโชก ต่างจากน้ำ อาหาร หรือโภชะใด หนังสือจะแฝงฝังอยู่กับเราเนิ่นนานยิ่งกว่าเชื้อโรคร้าย เจ็ดปีผ่าน ร่างกายผลัดเซลล์ใหม่ หากไม่ตกตายหรือหลงลืมไป หนังสือที่หัวใจดักจับไว้จะแนบอิงพิงแอบอยู่เช่นนั้น ปักหลักเนิ่นนาน ส่งเสียงสะท้อนจากภายนอกสู่ภายใน กลับไปกลับมาไม่หยุดหย่อน และยังขับเน้นทรงพลังยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวและประสบการณ์ของเราต่อชีวิตและทุกความสัมพันธ์บนโลก เรื่องราวของผู้คนในหนังสือกับประสบการณ์และชีวิตของพวกเขา มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย เราเสพโลกไว้ทั้งสองทาง สะท้อนหากันเหมือนส้อมเสียง ก้องกังวานไปไกล เขย่า สร้างตัวตนและจักรวาลในห้วงจินตนา ความรู้สึกของเราเดินทางไปไกลถึงดวงจันทร์ สะท้อนกลับมาสู่ใจ ดวงจันทร์อันอ่อนใสสุกสกาว ไม่ใช่ดาวเคราะห์บริวารตะปุ่มตะป่ำเยือกเย็นไร้ชีวิต มีองค์ประกอบทางเคมีอะไรบ้างล่ะนั่น...

 

ฉันเสพติดหนังสือขนาดหนักมาหลายเดือนแล้ว ไขว่คว้า ค้นหา หยิบยืมมาอ่านอย่างตะกรุมตะกรามหิวกระหาย ถึงเป็นนักอ่านตลอดมา แต่มีบางช่วงบางคราวที่ว่างเว้นจากการเสพ หนำซ้ำเคยเครียดขำกับคำ ‘อำนาจวรรณกรรม’ อันหรูหรา ทว่า วันนี้ ไม่ขบคิดค้นหาเหตุผลอะไรแล้ว

 

ฉะนั้น...อ่านหนังสือเถิดที่รัก หนังสือคือเพื่อนที่ดีที่สุด คือมิตรสนิทผู้ปลอบประโลม แม้พลังของหนังสือดี ๆ จะเชี่ยวกราก ฉุดกระชากลากถูยิ่งกว่าน้ำไพรไหลบ่า แต่เชื่อเถิด หนังสือมากมายหลายพันหมื่นเล่ม วรรณกรรมมีสำนึกดีงามเสมอ มันส่องสะท้อน สะท้าน สะเทือน แต่ไม่เคยชี้นำ แม้อาจชักจูงใจให้หลงเชื่อเคลิ้มคล้อยไปบ้าง หรือกักขังหน่วงเหนี่ยวเราไว้ในหุบห้วงแห่งความรู้สึก แต่ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงกังวล หัวใจของเธอจะค้นหาทิศทางได้เอง จากเรื่องราวนั้น ๆ จากบทกวีก่อนหน้า จากนิยายเรื่องถัดไป เธออาจต้องปวดร้าวบ้าง บางครั้งมากกว่าคนทั่วไป เธออาจคร่ำเครียด ขบคิดสับสนเหมือนคนบ้า เปลี่ยวเปล่าราวกับอยู่ตัวคนเดียวในโลก อาจหัวเราะแปร่งปร่า เย้ยหยันชีวิต ทั้งหมดเป็นเพียงการตั้งคำถามคลาสสิกซึ่งไม่วันจบสิ้นเรื่องของ ‘การมีชีวิต’ และ ‘การเป็นมนุษย์’ มันเป็นคำถามราคาแพงแต่ก็คุ้มค่า ดุ่มเดินดื่มด่ำไปตามหน้าหนังสือ เราอาจเจ็บปวด ถูกก่นด่าโบยตีไม่จบสิ้น ทว่า แส้ของหนังสือยังกรุณากว่าแส้ของชีวิตจริง

 

ฉันเชื่อ ที่สุดแล้ว ... หนังสือ ศิลปะ และวรรณกรรมไม่นำไปสู่สิ่งอื่นใด นอกจากความรักในมนุษยชาติและชีวิต

"นักอ่านทุกคนค้นพบตัวเอง ผลงานของนักเขียนเพียงเป็นเครื่องมือทางทรรศนะชนิดหนึ่ง ที่ทำให้ผู้อ่านตระหนักถึงสิ่งซึ่งหากปราศจากหนังสือแล้ว เขาอาจไม่มีวันพบได้ในตัวเอง" มาร์แซล พรูสต์8 

 


1
บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน ไต้ซื่อเจี๋ย เขียน โตมร ศุขปรีชา แปล

2 ต้นส้มแสนรัก โจเซ่ วาสคอลซีลอส เขียน มัทนี เกษกมล แปล

3 บันทึกจากใต้ถุนสังคม ดอสโตเยฟสกี้ เขียน ศ.ศุภศิลป์ แปล

4 พี่น้องคารามาซอฟ ดอสโตเยฟสกี้ เขียน สดใส แปล

5 การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก ฮารุกิ มุราคามิ เขียน โตมร ศุขปรีชา แปล

6 หมู่เด็กแห่งทุ่งดอกไม้ อนาโตล ฟรังซ์ เขียน ไกรวัลย์ สีดาฟอง แปล

7 เธอคืออันดรา หลุยส์ ลอเรนซ์ เขียน กิติมา อมรฑัต แปล

จากคอลัมน์ รอบโลกวรรณกรรม วรรณกรรมรอบโลก ,เฟย์, นิตยสารช่อการะเกด 46

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…