Skip to main content

หากใครคิดว่าที่นี่มีเพียงนกน้อยเสียงใส สัตว์โลกน่ารักและวิวงาม ๆ นั้น เขาเข้าใจผิดแล้ว จริงอยู่ นกน้อยสารพันขานรับอรุณ ปลุกเราแต่เช้า ดุเหว่าร้องเสียงใสเวลาใกล้รุ่ง บ่าย นกทุ่งส่งสำเนียงเจื้อยแจ้ว ไพเราะจนไม่ต้องง้อดนตรีของมนุษย์ เย็น เมื่อแดดแสดงลีลาเหนือขุนเขา อีกาพร่ำร้อง กาๆ กระปูดร้องปูด ๆ เตือนพลบ บางวันเหยี่ยวร้องบนฟ้าสูงไกล วู๊ ๆ เสียงใสเหมือนเด็กน้อย ขณะนกกินปลาตัวใหญ่สีขาวบินโฉบต่ำ ๆ ลิ่วลงหาปลาในสระ


ยังมีสัตว์อื่นด้วย หากคุณจะนึกหวาด มีต่อเสือรังใหญ่อยู่บนกิ่งไม้หน้าบ้าน ทางไปห้องน้ำ ผ่านแนวหญ้าที่แม้จะคอยตัดเตียนอยู่เสมอ มีทากดูดเลือดปากหวาน มันกัดเรานิ่ม ๆ แบบไม่รู้สึกตัว วันดีคืนดี ผู้มาเยือนร้องดิ้นทุรน เนื่องจากก้าวทับทางสัญจรของแมงป่องช้าง ในห้องน้ำปูด้วยก้อนหินที่เราช่วยกันขนมาจากข้างถนนตัดใหม่ เป็นที่อาศัยยามลอกคราบของงูยาวสีน้ำตาลเหลือง มันมีกี่ตัวไม่รู้แน่ แต่ชอบมาลอกคราบที่นั่นเสมอโดยเฉพาะหน้าฝน บางครา มีเสียงร้องกรี๊ดตกใจจากสาว ๆ ที่เข้าไปชำระสระสรง ครั้งหนึ่งมันเซ่อซ่าสังเวยชีวิต เลื้อยลงไปติดอยู่ในช่องระบายน้ำ ขึ้นไม่ได้ ลงไม่ได้ แม้เราจะพยายามช่วยอย่างไร แหละหากคุณนึกอยากมาชมช่อลำไยต้นฤดูร้อนนี้ นอกเหนือจากกลิ่นหอมหวานตลบอบอวล คุณยังต้องระมัดระวังอันตรายจากฝูงผึ้ง


กรอบรูปพระแม่ผิวดำของโกแกงแตกมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อฉันยกลงมาทำความสะอาด พบตุ๊กแกตัวมหึมาแอบอยู่ข้างหลัง แล้วยังหนูอีกล่ะ พวกมันหาทางมาทำรังทุกที่ทุกห้องที่สามารถอยู่อาศัย ทุกคืนร้องจี๊ด ๆ ทำเสียงแกรกกราก เที่ยวกัดแทะกระดาษ ค้นหาเศษผ้า เศษพลาสติกสำหรับสร้างรังใหม่ให้ลูกน้อย บางครั้งหมาของเราก็จับมันได้ และรื้อรังฉกทารกตัวแดง ๆ ออกมา ส่วนครัวที่เป็นครัวเคลื่อนย้ายได้ (เรียกให้เก๋ว่า moveable kitchen) เนื่องจากไม่เคยมีที่แท้จริงให้มันนั้น ใต้ตู้เย็นมีงูตัวเขื่องนอนขดอยู่


ก็อยู่ด้วยกันที่นี่แหละเจ้าสัตว์น้อยใหญ่ มันไม่น่าหวาดเท่ากับงูใหญ่ในหัวใจเราหรอก คิดถึงเรื่องอนุมูลอิสระ อ่านแล้วก็นึกขำ ผลการวิจัยล่าสุดบอกว่า มันเป็นสิ่งมีตามธรรมชาติ และจำเป็นสำหรับกระบวนการเคมีในกาย ก็ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และบทความทั้งหลายไม่ได้ต่อต้านมันอย่างเอาเป็นเอาตายหรอกหรือ


เช่นเดียวกับมนุษย์ บางช่วง ชายบ้าถือพร้า ยิ้มร่าสัญจรผ่านไร่ทุกวัน บางเดือน เด็กหนุ่มเสพยาบุกค้นกระท่อมตามสวน ทำร้ายคนเฝ้า ฉกปล้นชิงทรัพย์ตามแต่จะหาได้ ไม่เว้นแม้แต่แผงโซลาเซลล์ หม้อแบ็ตเตอรี่ สวนข้าง ๆ บอกเราว่า ให้หาปืนไว้สักกระบอก อันตรายมีอยู่รอบตัว เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ท่ามกลางความมืด เราไม่รู้หรอกว่าอะไรกำลังรุกคืบเข้ามา


ฉันอยู่ที่นี่ย่างเข้าปีที่สองแล้ว มีบ้างที่ต้องเดินทางจากบ้านหลายวัน หน้าต่างเสื่อที่ปิดกั้นไว้ทำหน้าที่ปกป้องบ้านไปตามยะถา ไม่ได้ประมาท แต่จะทำอย่างไรเล่า ไม่มีคนเฝ้า ไม่มีทรัพย์สินมากมาย เรื่องเคราะห์หามยามร้าย หากโคจรมา ใครเลยจะอาจห้าม ฉันจะอยู่อย่างไร หากวันที่สามี สุภาพบุรุษคนเดียวในบ้านไปค้างอ้างแรมที่อื่น แต่เรากลับมานั่งหวั่นหวาดว่าจะมีผู้คิดมิดีมิร้าย จะนอนหลับสงบใจได้อย่างไร หากในคืนเปลี่ยวนึกเห็นแต่คนบุกรุกกรรโชกทรัพย์


โชคดีที่บ้านเมืองเชียงดาวเป็นถิ่นชนบทสุขสงบ ไม่ว่าจะหมู่บ้านหรือในเขตเมือง ผู้คนยิ้มแย้มทักทาย หากไม่จนยาก หรือถูกครอบงำด้วยความต้องการขาดแคลนเหลือใจ ใครที่ไหนจะอยากฉกชิงวิ่งราว นำชีวิตไปเสี่ยงคุกตะราง

บ่อยครั้ง ในพงหญ้ามีเสียงเขียดร้องแอ๊บยาว แน่แล้วมันถูกกระเดือกเข้าปากงูใหญ่ มีการเข่นฆ่า กินกันและกันของหมู่สัตว์ ที่นี่เป็นทุ่งธรรมชาติ แสดงกฎแห่งธรรมดา หากใช้ชีวิตอยู่จะรู้ว่าไม่ใช่รีสอร์ต ใช่เพียงบ้านน้อยวิวงามต่อหน้าดงดอย ผืนดิน สอนกฎแห่งธรรมชาติและชีวิต


เหมือนในหัวใจ มีขโมยขโจรและสัตว์ดุร้าย มันปล้นคร่าความสงบสุข แต่เราก็ต้องอยู่ร่วมกับมัน ทำความเข้าใจ ละลดวาจาเชือดเฉือน ค้นหารากเหง้าของการคิดร้าย นินทาบ่นว่า ยังดีที่มีธรรมชาติกล่อมเกลา มอบช่วงเวลาสำหรับหยุดคิด เราถอยออกมาอยู่ห่าง จะได้ไม่ทำร้ายโลกมากไปกว่านี้


สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็กนั้นเรื่องธรรมดา แต่คนกินคนไม่ ที่นี่ นอกจากสัตว์มีพิษ งวงงา เขี้ยวเล็บแล้ว เราฝึกเป็นมิตรกับสัตว์ร้ายในใจ...

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เชื่อในพระองค์จึงมุ่งหวังถึงสิ่งดีพร้อม เชื่อในตัวตนบริสุทธิ์ หัวใจสะอาดสมบูรณ์ ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันตั้งใจอย่างดีที่สุด ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำด้วยหัวใจ ถึงอย่างนั้น ภายหลัง มักรู้สึกเสมอว่า ยังมีดีที่สุดมากกว่านั้นรอคอยอยู่ เมื่อได้เห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเอง ขี้เกียจ ขาดวินัย หรือว่าเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น น้องชาย ตัวสูงใหญ่ บางถ้อยเผลอไผล วาดหวังเหรียญเงินและเหรียญทองแดง รางวัลชมเชยนั้นไว้คิดถึงมันยามต้องทำใจปล่อยวางไม่ดีกว่าหรือ เมื่อลงแรงลงใจทำสิ่งใด น่าจะใช้หนทางธรรม อยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม…
รวิวาร
ถ้อยคำทำให้ฉันเต็มอิ่มสดชื่น ถ้อยคำเหมือนฝนโปรยปราย ฉันเขียนถ้อยคำ ทำให้เกิดฝน เขียนตัวเองออกยืนอ้าแขน รับละอองฝนโปรย ฉันอ้าปากเหมือนเด็กน้อย ฝนหยดจิ๋วแตะลงบนลิ้น ความกระหายมากมายไม่อาจดับสิ้น พายุทำให้กระปรี้กระเปร่ามีพลัง พายุสร้างถ้อยคำในตัวฉัน เมื่อพายุพัด สายลมในกายหมุนวน มันได้ยินเสียงกู่ร้อง มันอยากออกไปหาพวกพ้องของมัน มันขับฉัน ผลักไสเท้าทั้งสองให้ออกไปโลดแล่นในทุ่งกว้าง ให้สายลมกรูเกรียวผ่านร่าง บังคับให้ฉันหมุนตัว เต้นระบำกับเกลียวพายุ หัวใจส่งเสียงคำรามเมื่อสายลมกู่ก้องออกจากป่า ลมร้องเริงร่าที่กิ่งไม้ รัวใบไม้แทนระนาดเงินใบเล็ก ๆ พายุโจมตีหลังคา…
รวิวาร
  ฉันรู้ว่า เธอต้องการใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและมั่นคง ผู้หญิงคนนั้น สตรีร่างยักษ์ซึ่งเคยก้มลงมายังเธอ ยิ้มอย่างใจดี แววเอ็นดูท้นอยู่ในดวงตา แล้วต่อมา ร่างของเธอกลับยืดสูง ขยายขึ้น เธอตัวสูงกว่าหญิงคนนั้น การรับรู้ของหล่อนเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่หล่อนต้องคอยกางปีกปกป้อง ทว่า ข้างในเธอกลับยังโหยหาวงแขนนั้น เธออยู่ระหว่างการต้องการการอารักขา และการยืนหยัดด้วยตัวเอง เหมือนรอยต่อระหว่างรัตติกาลและสนธยา มืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนและคนตัวโตอื่น ๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างไร บางครั้งเข้มงวดเหมือนเด็กเล็ก ๆ บางคราวปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นผู้ใหญ่…
รวิวาร
ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ…
รวิวาร
ลมหนาวยังไม่มาเยือน แต่อาคันตุกะมากหน้าแวะเวียนผ่านมาหลายคราแล้ว ชานหน้าบ้านกลายเป็นที่ชุมนุมคารวะดื่มด่ำภูเขา หมาแมววิ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เห่าเสียงเครื่องยนต์ไม่คุ้นหู ยื่นหน้ามาสูดกลิ่นยั่วน้ำลายในโตก ความรื่นเริงของหมู่มิตรอึกทึกแข่งเสียงนกในทุ่งสงัด แนวเทือกเขาซ้อนเหลื่อมชายแดนค่อย ๆ เผยเรื่องเล่าผ่านริมฝีปากพี่ชาย* ย้อนไปตั้งแต่ครั้งที่เรายังเด็ก ยามโถงรับแขกของทุกบ้านมีดอกฝิ่นแห้งประดับแจกัน การแตกแยกอันนำไปสู่สงครามระหว่างชนเผ่าในประเทศเพื่อนบ้าน การติดตามไล่ล่าข้ามดอย รบพุ่ง ทิ้งซากร่างและเม็ดกระสุนในเขตเชียงดาว ผืนโลกอัดแน่นด้วยเรื่องราว ตามเส้นทางลัดเลาะบนโขดเขาสีน้ำเงิน…
รวิวาร
ฝนมาเพียงไม่กี่ฝนเท่านั้น กิ่งสักโล้นโกร๋นก็ผลิใบกว้าง สีเขียวถูกเทระบายลงแทนสีแดง วันเว้นวันฟ้าหม่นมัว สีเทาดำปื้นเหมือนหมึกฉาบลงบนเมฆในท้องฟ้าก่อนซัดซ่าลงมาเป็นสายน้ำสีขาว เราจ้างคนมาขุดบ่อลึกลงไปอีกเมื่อปลายเมษาฯ ค่าแรงสำหรับตาน้ำใหม่คิดตามอัตราชนชั้นกลางในหมู่บ้าน (แพงกว่าปกติ) เพียงสัปดาห์ผ่าน ฝนกลับกระหน่ำลงมา บ่อเล็ก ๆ ของเราไม่เคยแห้งอีกเลย จากนั้น ลืมๆ เลือนๆ ไปบ้าง แล้วสวนกว้างก็เขียวขจีด้วยพงหญ้า เหมือนที่ภูเขา เรือกสวน ไร่นาและท้องทุ่ง ในตลาดและเพิงหญ้ารายทาง หน่อไม้แรกของปีขาวผ่อง เห็ดเผาะอ่อนๆ เยี่ยมหน้ามาในกรวยใบตองตึง ตามอย…
รวิวาร
  แซงแซวหางบ่วง คืออาคันตุกะตัวใหม่แห่งท้องทุ่งและคาคบ ตัวยาวเรียวสีออกดำ คาบหญ้าแห้ง บินผ่านต้นมะขามที่เพิ่งแตกใบอ่อน ผ่านกอกล้วยกอไผ่ โฉบสูงขึ้นไปบนคบไม้ ทิ้งรอยเรียวหางแฉกยาวไว้เป็นทางไม้ใหญ่หน้าบ้านเป็นอาณาจักรของหมู่นก ฤดูฝน ฤดูแห่งความสมบูรณ์ของพื้นพิภพ นกมากมายบินมาอาศัย เรารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่อยากเปิดหนังสือ ท่องชื่อนกหรือดวงดาว ฉันอยากรู้จักพวกเขาเป็นส่วนตัว จากพฤติกรรมที่เขาสัมพันธ์กับเรา จะได้จดจำกันด้วยหัวใจ ด้วยความรู้สึก ‘เธอ’ ไม่ใช่นกเอี้ยงสาลิกา ซึ่งเลิกมาทะเลาะกันบนหลังคาบ้านฉันสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นนกขนาดย่อม…
รวิวาร
เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอ ฉันมักจะฝันถึงเธอเสมอเวลาที่เราอยู่ไกลห่าง เธอยังเหมือนเดิม ส่งเสียงแจ้ว ๆ ไถ่ถามสิ่งต่าง ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เธอคือเด็กน้อยน่ารักที่สุด ความรู้สึกของเธอ หัวใจของเธอ ฉันรู้จักดีที่สุด แม่ของเธอคิดถึงเธออยู่นะสาวน้อย พ่อทางใจน้ำตาคลอขณะพับเสื้อกระโปรงตัวจิ๋วของนกน้อยต้อยตีวิด ส่วนพี่สาวที่ชอบข่มขู่ดุว่า แต่ก็ถลาไปปกป้องน้องยามมีภัยบ่นอยู่นั่นแล้วว่า คิดถึงเธอเหลือเกิน ใครจะรู้สึกถึงดินฟ้าได้เท่าเจ้านกน้อย สำหรับเธอแล้ว ก้อนกรวดที่พบตามพื้นดินหรือในลำธารสวยเสียจนต้องเก็บมาพินิจ เช่นเดียวกับลูกปัด ลูกแก้ว พลาสติกหรือพลอยเทียมราคาถูก ต้นไม้ดอกไม้ แมลงตัวเล็ก…
รวิวาร
ฤดูกาลแห่งดอกผล .............ก่อนหน้านี้ความไม่รู้พาเราไปอยู่ไหน  ที่เราเห็นคือกิ่งแห้ง ๆ ใบจุด ๆ สีดำ  ทว่า เวลานี้ หลังจากที่ฤดูฝนพ้นผ่าน หนาวจากจาง  ใบใหม่สีเขียวอ่อนงอกแซมตามกิ่งเก่า  สัปดาห์ เดือนผ่าน กระทั่งเข้ม เขียวขลับ  พร้อมกันกับช่อดอกเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อน หอมละมุนขจรขจาย  และกำลังจะกลายเป็นผล ...ต้นลำไยที่เคยทอดอาลัย   โมกสองต้นหน้าระเบียงผลิใบใหม่เขียวขจี รายเรียงตามกิ่งก้านคล้ำเข้ม...พี่ชาย ‘ชนกลุ่มน้อย’ มาถึงบ้านพร้อมด้วยเมล็ดกาแฟคั่วบด และค่าเรื่อง  รอยยิ้มอบอุ่นบอกกล่าวถ้อยคำมากมาย  .............
รวิวาร
เหมือนความต้องการไม่รู้จบ ... ยามเช้า จะดีเสียกว่า หากปราศจากเสียงจากหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน  ฉันต้องการเพียงสรรพสำเนียงยามเช้า  ที่ผู้เป็นเอกคือเหล่านกน้อย  โดยเฉพาะนักร้องนำดุเหว่าแห่งวงมโหรีไม้ใหญ่   เจ้านกส่งเสียงเซ็งแซ่ เริงร่า มีชีวิตชีวาทุก ๆ เช้า  เริ่มรุ่งอรุณอันสดใหม่  แล้วที่เหลือจากนั้น  ขอเพียงเสียงแผ่ว ๆเคล้าระคนจากชีวิตน้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ตามคบไม้ พงหญ้า   ท้องฟ้าจะได้ค่อย ๆ ซ่านแสงสี  ดวงตะวันจะได้เผยโฉมออกมาโดยปราศจากคนรบกวนเมื่อแรกเห็น  เราดีใจว่าที่นี่ไม่เปลี่ยวร้างเกินไป  ถนนเงียบสงบลาดผ่าน …
รวิวาร
สีแดงมาจากไหน  ล่องหนอยู่ในน่านฟ้าหรือ?...  เริ่มละเลงลงบนใบหูกวาง ชมพูแซมแทรกด้วยแดง  ระบายจุดสีคล้ำตามใบ ก่อนเคลือบด้วยน้ำตาล  ฤดูกาลคืบคลานมาช้า ๆ  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงขีดสุดกลางเดือนเมษาฯเหยี่ยวดำคู่ผัวเมียแห่งเชิงผาหายไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ดุเหว่าร่อนร้องทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ...กาเว๊า ๆ   เหยี่ยวทุ่งสีขาวเทาเยี่ยมหน้า  โฉบร่อนตามแนวถนน  บนกิ่งไม้และเหนือทุ่ง   ผืนดินเริ่มแห้ง  ต้นหญ้าสลดเฉาดุจเดียวกับพืชผล  มะเขือเทศข้างร่องน้ำผลิลูกเล็ก ๆ สีอ่อน ไม่ทันไรก็สุกแดง แห้งเหี่ยวหมดทั้งต้น  …
รวิวาร
นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่เรารู้จัก  ฉันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์  คนบางคนเหมือนสิ่งไม่คาดฝัน  อยู่ตรงหน้า พบเห็นเจนตา  ทว่า เมื่อคลี่เผยตัวตนออกมากลับงดงามยิ่ง................................................................พี่ดีใจที่ได้รู้จักและสนิทสนมกับน้อง  แม้ว่าสายตาหลายคู่ที่มองผ่านอาจเห็นเพียงหญิงสาวกะโปโลเริงร่า   ทว่า พี่ได้พบหลายสิ่งหลายอย่างไม่ธรรมดาในตัวน้อง