Skip to main content

เช้านั้นไม่เหมือนเช้าอื่น ๆ แต่เป็นวันที่กะทิ ลูกหมาน้อยต้องจดจำไปชั่วชีวิต นายหญิงของมัน ผู้ซึ่งตะก่อนร่อนชะไรเคยตื่นแต่เช้าตรู่ เดี๋ยวนี้เมื่อไม่มีภาระดูแลลูกหญิงน้อยเริ่มตื่นสายขึ้น กะทิเองก็เช่นกัน ก็อากาศหนาวออกอย่างนั้น กว่าตะวันจะโผล่พ้นม่านหมอกก็สายโด่ง นอนซบพี่หมี ตุ๊กตาสีน้ำตาลขนฟูเพื่อนเก่าที่เด็ก ๆ ยกให้ อุ่นสบายกว่า

ถึงจะสาย แต่อากาศยามเช้ายังยะเยือก เย็นสบาย แทนที่นายหญิงจะถือสายยางไปรดน้ำต้นไม้ เธอกลับฉวยย่ามม้งใบน้อย ทำท่าจะออกไปข้างนอก กะทิลุกขึ้น ส่งเสียงเห่าบอกน้ำตาลทันที ‘ปะ เราไปวิ่งไล่ตามมอเตอร์ไซค์กันดีกว่า ดูซิว่า วันนี้เธอจะไปทางไหน เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา เข้าเมืองหรือว่าหมู่บ้าน วันนี้จะวิ่งทันหรือจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีกนะ'

เธอเดินไปยังเพิงเก็บรถ แต่แทนที่จะจูงมอเตอร์ไซค์บุโรทั่งออกมา เธอกลับรีรอ จักรยานสีน้ำเงินจอดอยู่ และอากาศยามเช้าก็น่าสบาย ถีบจักรยานไปหมู่บ้านก็น่าจะพอไหว

กะทิกับน้ำตาลวิ่งกรูไปล่วงหน้าแล้ว มันชะลอฝีเท้า พอจักรยานใกล้ถึงตัว ก็วิ่งตัดหน้าไปมา ตีคู่บ้าง เลี้ยวลงสวนข้างทางบ้าง แวะเห่าข่มขู่หมาสวนใกล้ ๆ ‘อย่าได้คิดแหยม โผล่หน้าออกมานะเฟ้ย พวกเรามาแล้ว' นายหญิงกังวลอยู่เหมือนกันว่า วันนี้พวกหมาจะวิ่งกลับบ้านเองเหมือนเคยหรือไม่ แข้งขาที่ไม่ค่อยได้ออกแรงทำให้จักรยานค่อยๆคืบไปช้าๆ สลับกับเสียงหอบหายใจฮื่อฮ่า ในหัวมีแต่ประโยคว่า ‘จะไปรอดไหมน๊า' และแล้ว เมื่อถึงสามแยกหมายอมแพ้ ที่ซึ่งพวกมันต้องหันหลังกลับบ้านทุกครั้ง วันนี้ หมาสองตัว หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กก็ได้วิ่งโลดติดตามไปอย่างยินดี จักรยานหนีมันไม่พ้น พวกมันพากันวิ่งไปฉี่รดพุ่มไม้ เสาไฟฟ้าสองข้างทางอย่างเริงร่า ผ่านสวนสองสามสวนจนมาถึงเนินเชื่อมสู่ทุ่ง นายหญิงเร่งปั่นสุดชีวิต จักรยานลอยลิ่ว หากแต่หมาดอยและลูกผสมพุดเดิ้ลทอยกลับตีคู่ ไม่ยอมทิ้งระยะห่าง...เอาก็เอา วันนี้ไปเที่ยวหมู่บ้านกัน พาหมาไปกาดก้อม ซื้อผักกับหมูนิดหน่อย แล้วค่อยกลับพร้อมกัน พวกมันจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง หมารักบ้านสองตัวนี้ยังไม่เคยออกไปไหนไกล ๆ เลย



 

ถึงกลางทุ่งนั่นเอง พุดเดิ้ลทอยสีขะมุกขะมอมตัวหนึ่งวิ่งตามเจ้าของซึ่งขี่มอเตอร์ไซค์สวนทางมา อันธพาลจากตูบตีนดอยหยุดเห่ากรรโชก ข่มขู่ทันที สองตัวนี้ ถึงอยู่บ้านก็ไม่เคยยอมปล่อยให้หมาตัวไหนกรายใกล้ เหมือนไม่อยากผูกมิตรกับใครทั้งสิ้น อ้ายกะทินั้นเพราะมันขี้หวง ขี้อิจฉา ส่วนอ้ายน้ำตาลมันเป็นหมาถือตัว หวงถิ่น พุดเดิ้ลตัวนั้นจะถูกกัดอยู่รอมร่อแล้ว นายหญิงนึกถึงจำนวนเงินที่ต้องชดเชยให้เจ้าของหมา รีบทิ้งจักรยานเค้เก้ข้างทาง คว้าไม้ไร่ที่หาได้ไล่ตวาด เจ้าของพุดเดิ้ลยิ้ม พูดดีกับสองอันธพาล ‘อย่าทำน้อง ๆ รักกันนะ' แต่อย่างอ้ายพวกนั้น มันไม่ฟังเสียหรอก


หนึ่งด่านผ่านไป เราพบฝรั่งผมทองสี่ห้าคนยืนตื่นเต้นชื่นชมทุ่งข้าวโพดเขียวขลับ พวกเขาหันมองจักรยานกับหมา พอใกล้ถึงหมู่บ้าน กะทิแวะเห่าระรานหมาพันทางตัวเท่ามันเสียงขรม ส่วนน้ำตาลวิ่งนำหน้า หมาเกือบทั้งหมู่บ้านเห่ารับกันอย่างมันเขี้ยว


ข้างนายหญิงรีบร้อนจัดการธุระ ระหว่างซื้อของ แลกเงิน รอตังค์ทอน ก็ต้องถือไม้ไล่หมาหางฟูสีน้ำตาลที่วิ่งงับไก่ในสวนชาวบ้านอย่างเอาเป็นเอาตาย กะทิเงียบเสียงไปนานแล้ว เมื่อเธอกล่าวลาเจ้าของร้าน บ่ายหน้ากลับ น้ำตาลวิ่งนำและหายลับไป แต่ไร้เงาหมาน้อยสีครีมขาว นายของมันคิดอย่างคนมองโลกในแง่ดีว่า ‘มันคงกลับบ้านไปแล้วล่ะ เราก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อ้ายจักรยานนี่ก็ขี่ไม่สบายเลย เมื่อยแขน ไหล่ ขาไปหมด'


ถึงบ้าน น้ำตาลหมอบรออยู่ที่เพิง เนื้อตัวเปียกปอน เปื้อนดินสกปรกดูไม่ได้ นายหญิงจูงจักรยานไปจอด ร้องเรียกหากะทิ ไม่มีเสียงตอบ นายผู้ชายซึ่งเป็นค้างคาวชนิดหนึ่ง ทำงานกะกลางคืน หลับกลางวัน พรวดพราดลุกขึ้นด้วยความเป็นห่วงหมา บ่นพึมก่อนขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปตาม ‘ป่านนี้ คงหลงทาง ถูกหมาใหญ่ไล่ฟัดแล้ว' ‘อ้าว เหรอ นึกว่ามันจะกลับได้เองเสียอีก' นายผู้หญิงซึ่งเคยแต่เลี้ยงหมาบ้าน ๆ กับฝังใจกับหนังหมาแมวเรื่อง Far away Home (จำชื่อไม่ผิดใช่ไหม?) เริ่มรู้สึกตกใจ


ฉันจะทำยังไงถ้าไม่มีเจ้า...กะทิ อ้ายตัวเล็ก ของขวัญวันเกิดลูกสาวที่ติดโบว์สีชมพู นอนหลับมาในย่าม อ้ายตัวจ้อยที่ครางหงิง ๆ นอนหนุนแขนจนหลับทุกคืน อ้ายตัวขนฟูที่ฉันเฝ้ารอ จนท้อใจและยอมรับความจริง แล้วบอกลูกอย่างแสนเซ็งว่า ‘ไม่เป็นไรหรอกนะจ๊ะ ถึงมันไม่ใช่พุดเดิ้ลแท้ และสีก็เปลี่ยนเป็นครีม ไม่ใช่ขาวอย่างที่ลูกอยากได้ แต่มันก็น่ารักนะ มันน่าเอ็นดูยิ่งกว่าหมาตัวไหนในโลก ขนมันไม่หยิกขอดเป็นพุดเดิ้ล แต่ก็ยาวฟูน่ารักไปอีกแบบ ตัวมันก็โตกว่า ดูไม่บอบบาง เป็นตุ๊กตาดีด้วย' ที่สำคัญ มันน่ารัก ฉลาด ขี้อ้อน นัยน์ตาสีดำของมันกลมแป๋วแวววาว และอ่อนเชื่อม ยามค่ำหลังอาบน้ำกินข้าว ฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเบาะ กะทิจะเข้ามาหมอบซุก ใช้หัวดุนอุ้งมือ ‘แม่จ๋า ลูบหัวหน่อย คุยกับทิสิ' และจะไม่ยอมหยุดจนกว่าเราจะสัมผัส พูดคุย แสดงความรักใคร่จนกว่าจะพอใจ




นายผู้ชายกลับมาแล้ว ไม่มีวี่แววหมาตัวไหน เขาตะโกนบอกเมื่อเห็นฉันชะเง้อมองทางหน้าต่าง ‘วิ่งตามมาข้างหลัง' ก้อนขาว ๆ กำลังห้อตะบึงมาตามถนนสุดแรงเกิด กะทิมันวิ่งไม่หยุดเลย มันรู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจ หมาดุร้ายในหมู่บ้านพร้อมใจกันวิ่งไล่มัน มันพยายามตามหานายหญิง แต่หมาตัวใหญ่คอยขวางไว้ มันหนีกระเจิดกระเจิง หลงทิศหลงทาง ลอดรั้วชาวบ้าน ผ่านพงหนาม ไม่ว่าจะไปทางไหน ทุกที่มีแต่อุ้งตีนหมาเจ้าถิ่น


กลับจากการผจญภัยสด ๆ ร้อน ๆ กะทิหอบลิ้นห้อยอยู่นานสองนาน กว่าจะลุกไปเลียน้ำกินได้ สักพักก็ตรงไปที่ชามข้าว บ่ายวันนั้น นายหญิงปลอบใจด้วยการอาบน้ำให้ แดดยามบ่ายอุ่นสบายนอกชาน แชมพูขวดใหม่ก็หอมฟุ้ง นายอาบสะอาดถึงสองครั้ง ใช้ผ้าเช็ดตัวถึงสองผืน กับแปรงขน และเก็บหนามกับเกสรหญ้าออกจากตัวมันจนหมดเกลี้ยง


ขอโทษนะกะทิ ฉันจะไม่ปล่อยให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายอย่างนี้อีกแล้ว ถ้าไม่มีเจ้า โธ่ ไม่อยากนึกเลยว่าจะเป็นยังไง แววตาสุกใสที่จ้องมองมาอย่างจงรัก อ้อมกอดอุ่นนุ่มที่ทดแทนความคิดถึงลูกน้อย เมื่อกอด คุย หรือมองเข้าไปในดวงตาของมัน หัวใจเรากระเพื่อมไหว อบอุ่น บริสุทธิ์ ...เจ้าทำให้ฉันเข้าใจว่า ผู้คนที่เคยหมั่นไส้ เหมือนเห่อสัตว์เลี้ยง เรียกน้องหมาแมวนั้นรู้สึกเช่นไร



 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…