Skip to main content

 

ฉันรอเหมือนต้นไม้ต้นนั้น เหมือนสิงห์ดักซุ่ม เหมือนกระต่ายน้อยรีรอระแวดระวังต่อหน้าแปลงผัก เหมือนเหยี่ยวบินวนกราดดวงตาแหลมคมจากฟ้าสูง ความปรารถนามีอยู่ทุกวินาที บางครั้งราวกับความคลั่งไคล้ใหลหลงในอันที่จะเนรมิตสิ่งต่าง ๆ มองต้นไม้ที่ปลูก ฉันตัดสินใจไม่ได้ว่า ระหว่างการเขียนระบายสิ่งอัดอกกับหยิบจอบพรวนดิน อันไหนสั่นไหวแรงกล้ากว่ากัน แต่กับหนังสือนั้น ยกประโยชน์ให้จำเลย ด้วยถือว่ามันเป็นรองการเคลื่อนไหว หายใจ เช้า อ่านหนังสือจบหนึ่งเล่ม ดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำ ฉันอ่านไปครึ่งเล่ม แล้วจะเป็นไร หากจะอ่านอีกครึ่งที่เหลือ ระหว่างรอสายยางให้น้ำ

ต้นไม้ต้นนั้นทำอาการอีกแล้ว แต่ไม่น่าประหลาดหรอก ดอกลำไยออกช่อเหลืองนวลเวลาเดียวกับปีก่อน ทว่าไม่หอมฟุ้งอบร่ำเรือน ฝูงผึ้งไม่มากมายเหมือนปีที่แล้ว ว่ากันว่า ฉันแต่งกิ่งช้า หรือไม่ลำไยของฉันก็อยากพักผ่อน เขาบอกกัน มันออกลูกดกปีเว้นปี อากาศแห้งขึ้นเรื่อย ๆ และความร้อนระอุอบผืนดินเป็นแผ่นริ้ว ต้นไม้ต้นนั้นกำลังรอ มันรอคอยอย่างนิ่งสงบและอดทนต่อไอร้อนผ่าว ใบแห้งลงตลอดทั้งต้น ถูกรีดความชื้นเป็นสีน้ำตาลกรอบเกรียม ไม่นานจุดสีชมพูจะแตะแต้มลงทั่วกิ่งก้านหม่นไหม้อิดระอา ฉับพลันมันจะกลายเป็นสีแดง วันใดวันหนึ่งนี่แหละ วันธรรมดา ๆ ของโลกที่ต้นไม้ไม่รู้จักวันที่ เดือน หรือจันทร์ พฤหัสฯ ต้นไม้ป่าสีแดงนั้นจะงดงามยิ่ง งามอยู่เนิ่นนานพอเขียนภาพสีน้ำมันได้สักภาพ จากนั้นมันจะกลายสีเป็นเขียวแจ่มจ้า คืนกลับสู่สภาพปกติ ธรรมชาติอัศจรรย์ สิ่งไร ๆ ในตัวคนก็อัศจรรย์ คนที่สร้างสิ่งสารพัดขัดแย้งแข็งกระด้างกับธรรมชาตินี่แหละ อย่างไร เราก็เป็นเลือดเนื้อ ชีวิตหน่วยหนึ่งไม่ต่างจากสัตว์ ต้นไม้

มองดอกไม้ก้านน้อย ฉันหวังอยากให้มันผลิบาน มองกระบะใหม่ทำจากท่อนไม้กลวงหรือใครบางคนบอก-รางข้าวหมู นึกเห็นตัวเองออกไปขอคุณนายตื่นสายมาชำ ทันใดนั้น สะพรึ่บสะพรั่งนอกชาน ชมพู เหลือง แสด ม่วงละลานตา เอนหลังมองเพดาน ฉันเห็นฝ้าหวายดาดเต็ม เหลือบแลไปยังผนัง เห็นสีฝุ่นผสมปูน ฉาบเหลืองดั่งใจ เห็นภาพบ้านแล้วเสร็จและองค์ประกอบทั้งหมด ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์ เช่นกัน ยามนั่งลงที่โต๊ะทำงาน ต่อหน้าหนังสือภาษาอังกฤษขนาดสามสี่ร้อยหน้า ฉันเห็นคำนำผู้แปลตีพิมพ์เสร็จเรียบร้อย ความปรารถนาของมนุษย์มากมายจนน่าอึดอัด ข้ามกาลขนาดนั้น เหมือนไม่รับรู้ช่วงเวลาที่ต้องกระทำและรอคอยโดยดุษณี

ในตัวฉันมีอาทิตย์ ดวงจันทร์ เป็นตะวันจันทร์ดวงเดียวกันกับที่มีอยู่ในภาพเขียนและที่ลอยล่องโอบอุ้มโลก มันบอก ฉันต้องเคารพกฎเกณฑ์ของมัน มีบางอย่างที่มนุษย์ทำได้ นั่นคือปรับแต่งความคิด จิตใจ อารมณ์ความรู้สึก ทว่า มีบางสิ่งซึ่งเป็นเงื่อนไขของทุกชีวิต มองภูเขา ท้องทุ่ง ต้นไม้ ฤดูกาลคืบผ่านเงียบงัน เงียบแบบเดียวกับที่เราไม่เคยสำเหนียกว่าโลกกำลังหมุน สิ่งที่มองเห็นมีเพียงร่องรอย เสี้ยวดอกขาวบานที่เชิงเขา ดอกห้อมสีม่วงน้ำเงินบานยังชายป่า หนูหน้าแล้งออกมาเสาะหาอาหาร ฉันซ่อนสบู่เด็กสีขาวจากคมเขี้ยวของมัน

ไม่มีใครอยากมาที่นี่หน้าร้อน หญ้าสีน้ำตาลแห้งทำให้รู้สึกหดหู่ ผืนดินลอกแกะออกมาได้เป็นแผ่น ๆ แดดเป็นเปลวยิบ ๆ หมอกควันคลี่ม่านบดบังภู วิวดอยหมดความตระการยิ่งใหญ่ ลึกลงข้างในที่ไหนสักแห่ง ผ่านเช้าเย็นเยือก บ่ายกระสับกระส่ายกับการเหวี่ยงเล่นไปมาของอุณหภูมิ ฉันกลับยิ้ม ยินยอมต่อฤดูกาล น้อมรับความเที่ยงแท้แห่งการเปลี่ยนแปรของมัน

แล้ง แล้งหรือ? ทั้งที่ในผืนดินและกระเป๋าสตางค์ เรากลับยังชีวิตอยู่ได้ ชีวิตแสดงอภินิหารด้วยการเลี้ยงดูเราผ่านวิถีทางอันมากมาย ทั้งไม่ได้เพื่อที่จะกดกำราบศีรษะอันเชิดผยองของมนุษย์ แต่ด้วยหัตถ์อันเมตตาเช่นที่เป็นแต่ไหนแต่ไรมา เมื่อไม่อาจทำสิ่งนี้ เรากลับพบสิ่งนั้น เมื่อคิดว่าถึงคราวอับจน หนทางใหม่กลับเปิดกว้าง มีอุ้งมือใหม่ ๆ ยื่นมา มีความเข้าใจใหม่บังเกิดขึ้น มีงานเขียนและบทกวีล่องลอยให้จับคว้า

ฉันจึงรอคอย แม้ว่าความปรารถนายังคงเต้นโลดรอบกาย ไหวยิบเหมือนเปลวแดด มันเป็นเพียงจังหวะเท่านั้น เป็นพลังงานจลน์ของชีวิต มนุษย์อยากโน่นอยากนี่ไม่สิ้นสุด จึงลุกขึ้นมากระทำเพื่อเติมเต็มความปรารถนา ความปรารถนาไม่ว่าหยาบละเอียดมากมายหลายระดับเพียงไร เรียกรวมกันไม่ต่างว่า ความปรารถนา เราจึงลุกขึ้นมาเต้นร่าไปกับมัน

ทว่า ไม่มีความปรารถนาใดเติมเต็มได้ในชั่วพริบตา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีฤดูกาล สิ่งที่ฉันทำได้ในเวลานี้มีมากมาย ตื่นเช้า มองตะวันแดงเรื่อที่ชายฟ้า ดื่มกาแฟ ฟังเสียงดุเหว่าตัวเก่าแจ้วร้อง รดน้ำผัก สังเกตการเติบโตของต้นไม้ กวาดบ้าน เขียนหนังสือ กินข้าว แปลหนังสือ ทำอาหาร อาบน้ำ กินข้าวเย็นกับลูกและสามี พูดคุยกัน ชีวิตดำเนินไปแต่ละวัน กาลเวลาทำงานของมัน หมุนวนตามตะวัน ตามทิศทางของหัวใจ ความปรารถนาที่สอดคล้องกับการโคจรของดวงตะวันได้รับการดูแลอยู่เองตามธรรมชาติ ฉันเพียงกำกับดูแลความคิดความรู้สึกของตน ศึกษา เงี่ยฟัง ยอมรับ ทำใจ ปล่อยวาง อดทน ลองคิดใหม่ ลองมองใหม่ ทำใหม่หากพลั้งพลาดไป จักรวาลยิ่งใหญ่และซับซ้อน กฎนั้นจึงไม่อาจระบุออกมาโดยง่าย ชีวิตทุกวันเสมือนการผจญภัย หากว่าใครกำลังกำลังหัดทำตัวให้สอดคล้องกับกฎแห่งจักรวาล


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…