Skip to main content

ปีเก่ากำลังตายจาก ปีกาลใหม่คล้อยเคลื่อนมา นำหน้าด้วยขบวนทวยเทพ เทพีสงกรานต์ผู้สาดน้ำชะโลก ล้างแล้งด้วยพายุฤดูร้อน มนุษย์รับช่วงขัดถูบ้านเรือน ซักผ้า ชำระคราบไคลในวันสังขารล่อง...

\\/--break--\>
หมู่เรายังอยู่บนพื้นดิน ออกฤทธิ์คะนองท่องไป พ่นความคิดวาจา ประกอบอากัปกิริยา สร้างกรรม-การกระทำไปอย่างสืบเนื่อง  ชีวิตหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักลาจาก เช่นกันกับอีกชีวิต  ดุจเดียวกับชีวิตอื่น ๆ เอนกอนันต์ ธรรมดา...

ท่านผู้นั้นซึ่งใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า เต็มสติพละกำลังปัญญา ได้ลาจากโลกแล้วอย่างสงบ งดงามและร้อยรัดดวงใจทุกดวงที่ได้สัมผัส ท่านผู้ใหญ่ซึ่งเราได้ติดตามอ่านผลงานมาแต่เล็กแต่น้อย  ตั้งแต่ในวัยวันอันไม่เข้าใจแบบกลวิธีการประพันธ์ หรือแม้กระทั่งเนื้อหา ฉงนฉงายใจอยู่ไปมาว่า นั่นคือข้อเขียนชนิดใด เมื่อชิ้นแรกที่สัมผัสเผอิญเป็นข้อเขียนมโนสาเร่สวิงสวาย เรื่องข้าวตอกดอกไม้ พืชผักริมรั้ว นวลนาง อารมณ์หรือลมฟ้า จนกว่าเติบใหญ่จึงได้เห็นซึ้งถึงงานประพันธ์อันหลากหลาย แห่งกระบวนความคิด แห่งการงานหนัก และการก่อรูปร่างแนวทางเฉพาะ

เราเดินทางไปคารวะกายสังขารของท่านดุจเดียวกับมวลมิตรหลากหลาย ทั้งที่รู้จักมักคุ้น หรือแม้เพียงแต่เคยได้รับความกรุณาปราณีโดยสายตา วาจา ด้วยมิตรภาพและน้ำใจไถ่ถาม นอกเหนือจากคุณูปการโดยตรงจากหนังสือมากมายหลายสิบเล่ม อาปุ๊' ของคนรุ่นหลาน หรือ รงค์' วงษ์สวรรค์ พญาอินทรีแห่งสวนทูนอิน นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเพิ่งจาก

แล้วไม่กี่วัน หลายคนกลับต้องเวียนมาพบกันอีกครั้งในอาภรณ์ขาวดำ เนื่องด้วยวาระลาจากของมารดาแห่งมิตร  ก่อนนั้นราวสัปดาห์ ท่อนทำนองของบทเพลงหนึ่งผุดขึ้นในจิต ไม่กี่วัน คุณแม่เพื่อน อดีตสาวงามเชียงดาว แรงบันดาลใจแห่ง "นางใจ" ของครูเพลงเนรัญชรา ได้ลาละจากโลก

ความตายย่างสามขุมมาอย่างไม่แชเชือน  มาย่ามมาเยือนพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่หรือมิตรอาวุโสของเรา  ความตายของมนุษย์ไล่ลำดับไปตามพุทธวจนะ เกิด แก่ เจ็บและตาย ก่อนหน้าวันจาก ญาติมิตรเพื่อนพ้องผลัดกันไปเยี่ยมเยือนที่บ้านที่โรงหมอ  แสดงความรัก ให้กำลังใจแม้ไม่อาจลดทอนทัณฑ์ทรมานแห่งความป่วยไข้ ประพันธกรผู้เป็นที่เคารพรักเผชิญทูตลำดับสามอย่างองอาจงามสง่า  กว่าสิบปีที่โรคร้ายรุมเร้า มิใช่ทอดทิ้งลมหายใจท้าย ๆ ไปอย่างทอดอาลัย หากยังซื่อสัตย์ต่อพันธกิจจวบจนวาระสุดท้าย  ทั้งการเขียน การให้ข้อคิด และแบ่งปันประสบการณ์แก่เพื่อนพ้องน้องพี่ ชีวิตเช่นนี้พึงควรแก่การคารวะ แก่ชราอย่างสุขุม ด้วยเมตตา ปัญญาสมวัย และจากโลกไปอย่างไม่มีสิ่งใดให้พร่ำบ่นเสียดาย

เหมือนคุณแม่เพื่อน แม้ยามเจ็บป่วยยังมีรอยยิ้มเบิกบาน หลายคราวอาจเจ็บปวดทรมาน แต่ทุกครั้งที่พบ รับรองอบอุ่นกับเราเสมอ  คราท่านใจชื่นเป็นสุข ถึงกับลุกมาร่วมคลอเพลงกับเสียงกีตาร์ของพี่ชายกวี...ขอคุณแม่รื่นร่มรมเยศในสรวงสวรรค์แห่งความรักและเสียงดนตรีเถิดนะคะ ขอคุณอาปุ๊สุขสำราญในสมาคมนักเขียนอันทรงเกียรติแห่งสวรรค์ชั้นฟ้า ได้แลกเปลี่ยนพูดคุย สรวลเสเฮฮา รื่นวิไลดุจเดียวกับครั้งยังมีชีวิต

.........................

ความเจ็บปวดทางกายจบสิ้นแล้ว ภาระหนักแห่งแรงดึงดูดปลดเปลื้องลง  หมู่ไม้บิดตัวอย่างเจ็บปวดก่อนปล่อยใบแห้งปลิดโปรย อดกลั้นรอคอย และรวดร้าวเปี่ยมสุขเมื่อใบอ่อนอันเปี่ยมหวังและสุขสดชื่นแทงผลิจากต้น

ระหว่างวันเหล่านั้น คั่นด้วยวันคล้ายวันเกิดอันเต็มไปด้วยคำสัญญาว่าทุกสิ่งจะทอดยาวไปไม่รู้จบ  สหายรุ่นเยาว์เบิกบานสดใส หัวใจเริงร่า น้อง ๆ ชักชวนกันมาสรวลสันต์ร้องเพลงต่อหน้าขุนเขา  ขณะหมู่บ้านมองภูเขาลูกเดียวกัน ซากสังขารยังรอการปลดปลง 

บ่ายวันร่วมไว้อาลัยในสุสานบ้านป่า มีงานบุญสว่างไสวที่บ้านไม้ชายคลองร่มรื่น  หอมอบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้มวลมาลี  พระสงฆ์นิมนต์มาแล้ว  สำรับเพลจัดเรียงไว้เรียบร้อย  พี่สาวเจ้าของวันเกิดหน้าตาผ่องใสสวยงาม

ความตายกรายผ่านหน้าเรา ทุกคน ทุกวัน บางครั้งไกล บางคราใกล้ ผู้ที่อยู่ใกล้มากๆ ย่อมน้ำตาหลั่งและต้องพิษ บางคราวอาจถอนพิษไม่ได้ ไม่ช้านานตัดสินใจติดตามผู้เป็นที่รักไป เพื่อนสาวคนงามกลับเป็นผู้ปลอบประโลมมิตรที่มางาน "ไม่ต้องห่วงจ้ะ แม่ไปสบายแล้วล่ะ ต่อไปนี้เจี๊ยบก็ไม่ต้องกังวลแล้ว มีเวลาไปเยี่ยมเยือน ไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆได้"  เพื่อนเอ๋ย เธองามทั้งรูปกายภายใน  ฉันเพียงหวังใจว่า พิษต่อเนื่องของความตายคงไม่หนักหนาสาหัสเกินไป  สำหรับคนใกล้ชิด คนในครอบครัวของทุกความตาย ซึ่งย่อมอ้างว้างโศกเศร้า และรู้สึกถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง

ไม่มีธรณีกรรแสงที่วัดพระสิงห์  มีเพียงดนตรีเบาๆไพเราะ หากแต่บางขณะก็ทำให้รู้สึกเศร้าด้วยหวนอาลัยความงามแห่งศิลปะและหัวใจของผู้ลาจาก เช่นเดียวกัน ไม่มีความหงอยเหงาซึมเซาหลังการบังสุกุลศพคุณแม่  มีเพียงวงสุราอบอุ่นและรอยยิ้มแห่งมิตร  ชีวิตเป็นยาขมหม้อใหญ่กระนั้นหรือ  กล้ำกลืนอึกใหญ่ลงไปนั้นขมเฝื่อน เราจึงต้องกลั้วตามด้วยสุรา สาดลงไปให้มันคลายทุกข์ จางเศร้า ใช้พิษเข้าดับพิษ  แม้ความตายเจริญมรณานุสติตรงหน้า เราดื่มกินเหมือนว่าไม่ตระหนัก อาศัยความเมามายเกลื่อนทุกข์ในสายเลือด อาศัยน้ำมิตรย้อมใจให้อบอุ่น อยู่ด้วยกันวันนี้แหละนะ ในโลกที่มีชีวิตและความตาย  บนความสืบเนื่องที่ธรรมดา เช่นนั้นเอง และคงความงดงาม เฉกเช่นใบไม้อ่อนที่แตกผลิทั่วผืนธรณี

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…