Skip to main content
เธอ*ควานหาเสียงซึ่งไม่ใช่ตัวเธอ ไม่ได้มีอยู่ในตัวเธอ เรียกหามันด้วยกระบวนการ วิถี แนวทางแห่งศาสตร์การแสดง จวบจนกระทั่งเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับกลาย ไม่ใช่เธออีก


เธอควานหาพายุพยาบาท ไฟแค้น โศกนาฏกรรมบีบคั้นหัวใจชนิดที่ทำให้คลั่ง ซึ่งเธออาจไม่ประสบเท่านั้นในชีวิต โยกย้ายมันจากอากาศ ผ่านความเจ็บช้ำของผู้คน ระเบิดมันออกภายในร่าง จนกระทั่งปรากฏผ่านแววตา สีหน้า ท่วงทีกิริยาทุก ๆ ทาง


ซุ่มเสียงที่ฉันได้ยินนั้นไม่ใช่เธอ อากัปกิริยา ใบหน้าที่บิดเบี้ยวบีบคั้นด้วยก้อนอารมณ์ลึกท้นราวดิ่งมาจากใต้โลกก็ไม่ใช่เธอที่อ่อนโยนซึ่งเราเคยรู้จัก


เธอทำให้ฉันคิดถึงการข้ามพ้น เลยขีดจำกัด ทำให้ฉันสะดุ้ง เสียวปลาบเมื่อคิดว่า เราจะร่นระยะภพชาติได้มากมายเพียงใด หากสามารถสลัดทิ้งตัวตนเก่ากร่อน ไม่เป็นที่ต้องการโดยง่าย จากนั้นบรรจุคุณสมบัติใหม่ๆ โดยการสั่งสมทุ่มเทเพียงไม่กี่ปีกี่เดือน


ฉันเชื่อว่ามนุษย์ทำได้ อย่างน้อยฉันต้องเชื่อ ว่าฉันสามารถทำได้ มีแต่คนที่ท้อแท้กับแง่ลบในกมลสันดาน เอาชนะได้ยากลำบากเท่านั้นจึงต้องตอกย้ำความเชื่อมั่นตนเองเช่นนี้ ไฟในตัวฉันเผาผลาญมาแล้วทุกที่ น้ำในตัวฉันไหลบ่าท่วมทำลาย ดินร่วนป่นเป็นผงกระจัดกระจาย หาใช่ผืนดินหนักแน่นอุดม


กระบวนการปฏิเสธ-ตอบรับตัวตนของเรานั้นขมขื่น น่าขัน เราผุดขึ้นมาดิบๆ ระเบียบธรรมเนียมตบตัดขัดเกลา อันไหนรากลึก เราบีบกด ซ่อนไว้ใต้พื้นผิว จนวันหนึ่งเติบใหญ่ เชิดหน้าชูคอกลายเป็นมนุษย์ปกติในสังคม เราบางคนยืนยันอัตตา รักษาตัวตน...ฉันเป็นฉันเอง ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ รักฉันอย่างที่เป็นฉันสิ ... แล้วความดิบ ๆ อันแสนบริสุทธิ์ ดินน้ำลมไฟที่ไม่กลมกล่อมของเราก็กระทบทำลายคนรอบข้างและหัวใจตัวเอง


ฉันทุกข์ทรมานกับตัวฉัน เดือดร้อนกับสันดาน นิสัยประจำของฉัน ฉันเฝ้าก่นด่า โจมตีศัตรูที่ไม่มีวันล้มคือตัวฉัน จากนั้นเหนื่อย ยอมแพ้ คืนดี ยอมเป็นพันธมิตรกัน วันดีคืนดีรากคดงอเบื้องใต้ผุดขึ้นมาแว้งกัดครั้งแล้วครั้งเล่า

นีลว่าไว้ใน สนทนากับพระเจ้า *เราทุกคนคือพระเจ้า เราทุกคนสมบูรณ์แบบ ธรรมชาติมนุษย์ล้วนดีงาม แต่เขาคงหมายถึงชั้นในสุด ที่พุทธะจิตหรือจิตเดิมแท้ ไกลลิบลับอสงไขยเลยหรือเปล่า อ้ายที่เห็นแสดงอยู่ตอนนี้คือกิเลสตัณหาร่ายรำทั้งน้าน


แต่ฉันยังต้องมีชีวิตไปบนฐานของอัตตา ตัวตนหรือนิสัยตามบุพกรรมเมื่อแรกเกิด จากนั้นเสริมสร้างคุณสมบัติต่าง ๆ โดยรู้หรือไม่รู้ เจตนาหรือไม่เจตนา กลายเป็นอัตลักษณ์มาถึงวันนี้


มีเรีย เบเนเด็ตตี้ เราจะทำอย่างเธอได้ไหม กระโดดออกจากตัวเองเพื่อบรรจุตัวตนใหม่ ทะยานเหนือขีดที่เคยเชื่อว่าเป็นข้อจำกัดของตน มันเป็นเช่นนั้นไหมว่า ที่แท้ภารกิจของมนุษย์ก็คือ'ปีก' คือการเสาะแสวงหาและติดปีกให้แก่ตัวเอง ข้ามสิ่งที่เป็นอุปสรรคและข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อที่ว่า เราไม่มีทางเป็นอย่างนั้น เราไม่มีพรสวรรค์ เราทำไม่ได้ เรามันแย่ แก้ไม่หาย เรารับไม่ได้กับเรื่องอย่างนี้อย่างนั้น คนไหนดี ทำได้ก็ทำไป เรามันก็แค่นี้ มีข้อจำกัดตั้งมากมาย ผิดหรือไง จะเอาอะไรกับช้านนน? ส่วนที่รุนแรงแข็งกร้าวกลับขั้วจากนั้นก็คือ เราที่เชื่อว่าตัวดีพร้อม อยู่ฟากเดียวกับมาตรฐานศีลธรรมของโลก


หากใช้ความทุกข์เป็นตัววัดแล้ว ฉันไม่เชื่อหรอกว่า มีมนุษย์ที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เราจะสมบูรณ์แบบหรือไม่ นั่นเป็นสิ่งที่เรายังไม่มีประสบการณ์ถึง เราจึงไม่รู้ ที่แน่ ๆ วันนี้ ‘เธอ'ทำให้ฉันแลเห็น มนุษย์กระโดดข้ามขอบเขตที่เป็นอยู่ได้ เราสามารถสร้างตัวตนใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ค่อยๆ คัดทิ้งสิ่งไม่พึงปรารถนา ทำให้มันเชื่องจากที่กล้า ทำให้มันอ่อนแรงจากมุทะลุบ้าบิ่น ค่อย ๆ เติมสิ่งดี ๆ เข้าไป ความอ่อนโยน ใจเย็น ความอดทน เมตตาหรือความรัก ไม่ใช่เพื่ออะไร ฉันจะได้เหนื่อยอ่อน บาดเจ็บกับสงครามภายในน้อยลง


เหมือนผืนดิน สวนที่รัก ฉันเชื่อว่าเธอเองก็สามารถข้ามพ้นขีดจำกัดของตน ดินสามารถเปลี่ยนรูป ดินไม่มีวิบากหรือผลกรรม อย่างมนุษย์ เขาเพียงถูกกระทำจากเราล้วน ๆ เนื้อดินปรับปรุงได้แน่แท้ ดินสามารถให้น้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น

สักวัน ดินของฉันจะยิ้ม จะสุขสดชื่น อ้าแขนรับทุกพืชพันธุ์ สักวัน ตัวตนของฉันคงเปลี่ยนแปลง ...


------------------------------------

* เขียนจากความรู้สึกอัศจรรย์ใจจากตัวอย่างการแสดงของนัท มีเรีย กับอาร์ เดอะสตาร์ใน ละครเพลง แม่นาคพระโขนง (แต่ก็ไม่ทราบหรอกนะว่า โดยรวมแล้วดีหรือไม่)

*หนังสือ สนทนากับพระเจ้า (Conversation with God) นีล โดนัล วอลช์

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…