Skip to main content

  

29 พฤษภาฯ 52


ตุ่นน้อยลูกรัก

เช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง กังวานดีทั้งวันทั้งคืน ฟังสิ เพราะจังนะ ถ้าเราลองเอาไม้ไผ่มาตีกันให้เกิดเสียง มันจะไม่เพราะอย่างนี้ แต่สายลมที่พลิ้วมาลูบไล้ รัวเบา ๆ หรือพัดสนุกเกรียวกราว ทำให้เกิดโทนเสียงแตกต่าง แม่มองและฟังมันอย่างมีความสุข ผิวไม้ไผ่เริ่มแห้งดูเรียบงามไปอีกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่สวยแบบโมบายเปลือกหอย หรือกังสดาลหลากสี เป็นของเล่นบ้าน ๆ ของเล่นจากธรรมชาติไงจ๊ะ คนแต่ก่อนรู้จักเล่นกับน้ำ แดดและลม ต้นไม้ใบหญ้าก็นำมาให้ลูกหลานเล่นได้ เหมือนต้นหญ้าที่มีลูกพอง ๆ กลม ๆ ที่เรานำมาตบดังปุ๊นั่นไง ปะป๊าตัดหญ้าแล้ว แต่เราระวังไม่ตัดของเล่นจากธรรมชาติที่ลูกหวง เพราะฉะนั้น วางใจได้เลยนะจ๊ะตุ่นน้อย ถ้ามันยังไม่ตาย ปิดเทอมหน้า ลูกก็จะได้กลับมาเล่นอีกครั้ง


มีข่าวร้ายนิดหน่อยจ้ะที่รัก ลูกเจี๊ยบสีเหลืองป่วย ไม่สบาย เพียงสองสามวันมันก็ตาย พ่อกับแม่ช่วยไว้ไม่ทัน ตอนนี้เราเลยมีแม่ไก่สาวรุ่นกับลูกเจี๊ยบสีดำออกหากินเงื่องหงอยสองตัว เดี๋ยวนี้พวกไก่ไม่นอนในเล้าแล้ว พอพลบ มันชวนกันขึ้นนอนคอนกิ่งลำไยใกล้รั้ว เจ้าน้ำตาลทำอะไรไม่ได้เพราะมันอยู่สูง แต่ว่าถ้าฝนตกมาต่อเนื่อง ฤดูฝนมาเยือนจริง ๆ แม่สงสัยอยู่เหมือนกันว่า มันจะกลับไปนอนที่เล้าหรือไม่


น้ำตาลยังถูกผูกตอนกลางวันเหมือนเดิม ปะป๊ากับแม่ยังแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่รู้จะจัดการกับนิสัยไล่ล่าไก่ของมันยังไง ความเป็นนักล่าของน้ำตาลทำให้แม่ไม่ได้ไปรับลูกแมวมาเลี้ยงซักที ก็เจ้าเสือน้อยของอายเพื่อนลูกนั่นแหละ พูดถึงอาย แม่ยังไม่ได้ซื้อแจกันแก้วให้อายเลยล่ะ ลูกก็รู้ว่าแม่ไม่ค่อยมีตังสำหรับใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ที่จริงแม่ก็อดใจไม่ได้ หาให้ตัวเองอันหนึ่ง แล้วลูกรู้ไหมพอกลับถึงบ้าน แจกันก็ร้าวตรงขอบหยัก ๆ ทั้งที่แม่ใส่ไว้ในย่าม สะพายแนบตัวอย่างดี แม่ก็เลยปลอบใจตัวเองว่า ช่างมัน พอปักดอกไม้ลงไป ก้านดอกก็จะบังรอยตำหนิ มองไม่เห็นหรอก

 

  


เรื่องแจกันแก้วสำหรับปักดอกไม้น้อย ๆ นี้มีเรื่องเล่านะ ลูกรู้ไหมว่ามันมีที่มาจากไหน คนแรกที่ทำให้แม่เห็นและทำตามก็คือน้าก้อย เมื่อก่อนน้าก้อยอยู่ที่ร้านเล่า ที่ตอนนี้เป็นน้าจ๋ากับน้าเก็ตน่ะล่ะ น้าก้อยชอบเก็บดอกไม้หลากสีที่หาได้ทั่วไป ตามหอพัก ตรอกซอกซอยแถวหลังมอฯ คนละสีคนละชนิดมาเสียบลงในแก้วใบน้อย เป็นแจกันบ้าง เป็นถ้วยแก้วบ้าง แต่ละชิ้นแต่ละอันเล็ก ๆ น่ารักทั้งนั้น น้าเก็ตน้าจ๋าก็ดูเหมือนจะจัดตาม แม่ไปบ้านหลังใหม่ของน้าก้อยก็ยังเห็นจัดแบบนี้ แม่คิดว่ามันน่ารักดี น่ารักเอามาก ๆ เลย มีดอกเล็กนิดให้เราพิศ ไม่เหมือนแจกันใหญ่ ๆ อลังการ ดอกไม้แพงๆ ก้านแข็ง ๆ ดอกใหญ่ ๆ จากร้าน ที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินเลยด้วย นี่ทำให้แม่คิดการณ์ไกล ฝนมา แม่จะปลูกดอกไม้ให้หลากหลายเข้าไว้ ทั้งสีสันและรูปทรง เราแม่ลูกจะได้เก็บกันเพลินไปเลย


แม่รู้ว่าลูกก็ชอบ ชื่นใจนักที่ลูกเล็กน่าชัง อาสาเก็บดอกไม้น้อย ๆ มาปักแจกันให้แม่ ตอนนี้มุมของหนูถูกเก็บไปชั่วคราว กลายเป็นโต๊ะหนังสือของแม่ตามเดิม แม่วางแจกันไว้ที่โต๊ะเช่นเดียวกับลูก วันนี้มีดอกกระดังงาสีเหลืองหนึ่งดอก แววมยุราสามดอก กับดอกหญ้าสีเหลืองเล็กจิ๋ว เต็มแจกันใบจ้อย แล้วหนูละจ๊ะ จัดแจกันไว้ที่โต๊ะหนังสือในห้องนอนหรือเปล่า แล้วช้างไม้ เจ้าละอองวางอยู่ตรงไหน ส่วนของแม่ วางไว้ข้างแจกันนี่เอง แต่ว่าแม่ติดลูกฟูที่หางมันแล้วนะ ลูกฟูสีเขียวขี้ม้า เหลืองอ่อนและแดงเลือดนก ที่ลูกเรียกกระปุ๊กลุ๊กนั่นแหละ


แม่อยากจะเห็นห้องนอนของลูกเสียจริง อยากเห็นเตียง โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า บรรยากาศในที่ที่ลูกอยู่ แม่อยากจะปูที่นอนของลูกให้เรียบตึง อยากปัดฝุ่นที่โต๊ะเขียนหนังสือ อยากช่วยกันกับลูกจัดเสื้อผ้าในตู้ ชวนกันหาอะไรสวย ๆ งาม ๆ มาแขวน เลือกม่านหน้าต่าง โมบาย หรือโคมไฟที่สวยงามแปลก ๆ น่ารัก ๆ แล้วก็อยากจะเข้าไปราตรีสวัสดิ์ ปิดไฟโคมสีส้ม ห่มผ้าให้ลูก กอดกันก่อนนอน ได้เห็นรอยยิ้มสดใสอ่อนหวานของเจ้า...ฝันดีนะจ๊ะตุ่นน้อย ถึงอยู่ไกล ความรักของแม่ก็เดินทางไปถึง ขอเทพเทวดานางฟ้าปกป้องคุ้มครองเด็กน้อยที่ฉันรัก


ราตรีสวัสดิ์จ้ะ

แม่

 

ป.ล. แม่ลืมเล่าเรื่องหนึ่ง ตอนเช้า แม่นั่งกินกาแฟที่บันไดหน้าบ้านเหมือนเคย ฝนตกเมื่อวานทำให้ลูกหอยทากเล็ก ๆ สองสามตัวไต่ขึ้นมา มันเล็กมาก และทำให้แม่คิดถึงลูก ตัวมันสีเงา ๆ ขนาดเท่าลูกปัดแบน ๆ มีหนวดยื่นและลำตัวด้านข้างโผล่ออกมาเหมือนในหนังสือภาพเลย แต่มันไม่มาหาแม่หรอกนะ หนวดของมันจับความร้อนจากคนตัวใหญ่แล้วบอกว่า ไปดีกว่า ตัวอะไรไม่รู้นั่งขวางทางอยู่ มันทำเสียงแบบหุ่นยนตร์อย่างที่ลูกชอบทำ "อันตารายๆๆ" เหมือนเสียงอีวาในวอลอียังไงยังงั้น

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…