Skip to main content

ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก ไม่เห็นอยากเลย  จริงๆนะ ฉันเขย่าแขนนั้นย้ำๆ เขายิ้มอีก ไม่รู้ว่าฝันหรือละเมอกันแน่
\\/--break--\> 

ยามเช้า หลังจากดื่มกาแฟ ฉันเปิดประตูหน้าต่าง เยี่ยมมองดอยหลวงที่นอกชาน เช้านี้เป็นยังไงบ้าง มีหมอกบังมากไหม กำลังพ่นไอหรือมีแดดส่องประกายจับเหลี่ยมเขา  หลังจากโปรยข้าวให้ไก่สองตัวที่มาร้องกุ๊กๆขอข้าวกินแล้ว  ฉันไปนั่งเล่น คิดอะไรเพลินๆ  ตอนลืมตาอยู่เห็นแดดที่หายหน้าไปหลายวันทออาบโลกผ่านบานหน้าต่าง  พอหลับตาลง ได้ยินเสียงนกร้องจู้จุ๊กจิ๊กมาจากทุกทาง และรู้สึกเหมือนคลื่นสีเขียวของภูเขา หอมกรุ่น มีน้ำหนักด้วยไอชื้น กำลังเคลื่อนตัวช้าๆ สาดซัดอบอวลอยู่รอบตัว หลุดปากออกมา "ฉันมีภูเขาทั้งลูก" เหมือนเด็กอวดคุณ มันใหญ่โตและมีค่ามากกว่าการอวดของเล่นแบบเด็กนะ  ฉันมีภูเขาจริงๆ มีมาตลอด ไม่ใช่ลูกเดียวด้วย  ทิศตะวันตกมีดอยหลวงกับดอยนาง และเทือกทิวติดต่อเมืองปาย  ทิศตะวันออก จากหน้าต่างสามบาน ที่เขาเพิ่งเปลี่ยนบานผลักตรงกลางให้สามารถเปิดได้กว้างๆ  ภาพพาโนรามาทิวเขายอดตัดประปรายเรียงรายเต็มตลอดสามช่องหน้าต่าง นี่มันมากกว่าที่ฉันคาดคิดไว้เสียอีก ฉันพร่ำบอกคนที่นอนอยู่อย่างตื่นเต้น  เราแค่อยากมีบ้านเล็ก ๆ ของตัวเองเท่านั้น  แต่ตอนนี้กลับมีมากมายกว่านั้น  โลกอัศจรรย์รายล้อมรอบตัว   

 

นานแล้วที่ไม่ได้เห็นทะเล  ผืนน้ำสีฟ้า คลื่นนับร้อยนับพันทยอยสาดซัดชายฝั่ง ลมที่พัดโกรกเรือนผม  หาดทรายสีขาวและแดดจ้าสว่างไสว  ลูกๆของฉันพร่ำร้องน่าอิดระอา... แม่จ๋า หนูอยากไปเที่ยวทะเล  เราไปเที่ยวทะเลกันเถอะ  ครอบครัวภูเขาวางแผนกันมาหลายปี  หากมีเงิน มีรถดีๆ เราจะพากันไปเยี่ยมทะเลที่แสนคิดถึง

แล้วพอหลับตา กลับรู้สึกถึงคลื่นภูเขา  ทะเลคือความโปร่งเบา ฟองคลื่นซัดสาดแล้วแตกสลาย  แต่ภูเขาคือลมหายใจ คือคลื่นสีเขียวที่หนักแน่น นุ่มนวล โอบอุ้ม หล่อเลี้ยง  เกือบสี่สิบปีแล้วที่ฉันเติบโตในแดนภูเขา  ฉันกลายเป็นต้นไม้ มีตะไคร่ขึ้นเสียแล้ว  ใช้ชีวิตอยู่เมืองอื่นไม่ถึงครึ่งหนึ่งของชีวิต  แม่น้ำ ภูเขา ป่าไม้นำทางฉันกลับ ตั้งรกรากยังถิ่นเกิด มีภูเขานับสิบร้อยลูก ทิวเขาขึงพาดม่านกั้นทุกชายฟ้า

แรกจากถิ่นเหนือ เคว้งคว้างเหมือนว่าวหลุดลอย ไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวเลยหรือนี่ ขอบฟ้าปราศจากภูเขา  ถนนที่ตัดกว้างลาดยาวตรงดิ่งไปไม่สิ้นสุดแดนอีสานชวนให้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวหดหู่ใจ  คิดถึงงูเล็กสีขาวที่คดเคี้ยวเลื้อยผ่านภูเขา เลียบหุบเหว แม่น้ำ ราวป่าบ้านเกิด  นิจจา แล้วพอย้ายไปอยู่เมืองใหญ่ ฉันกลายเป็นดักแด้ ซ่อนกายอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม  มีตึกสูงแหลม กั้นขอบฟ้าเป็นที่กำบัง

เฮ้! ภูเขาทั้งหมดนี่เป็นของฉัน... ฉันร้องตะโกน...และฉันก็เป็นของขุนเขาด้วยสิ เสียงนั้นเบาลง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เธอได้ยินเสียงของป่าไม้ ลมหายใจสีเขียวชื้นๆ เห็ดรา มอส เฟิร์น สน ต้นไม้ป่า ลมหายใจที่หนัก หอมกรุ่นรวยริน พัดพุ่งมาหาคุณ  คุณกลายเป็นสิ่งแวดล้อมที่คุณอยู่  ผืนดิน อวลไออากาศ สายฝน สายธาร ทั้งหมดไหลรินเข้าไปในตัว  แล้วหายใจออกมา นาข้าว ต้นไม้ ตัวหนังสือ สิ่งที่คุณทำ ที่ที่คุณอาศัย ปรุงปรนสรรพสิ่งในหม้อข้าวแห่งโลก บรรยากาศที่ห่มอาบท้องทุ่ง หมู่บ้าน ตำบล อำเภอเล็ก ๆ ที่คุณสังกัด ฉันเป็นต้นไม้ของเรือกสวนน้อยนี้  ฝังราก ไม่ค่อยออกไปไหน สมองแล่นจี๋คิดเรื่องงานไม่หยุด ปลูกต้นไม้ ขุดดิน  ซ่อมเสื้อผ้า ส่งจดหมาย เขียนจดหมาย แก้งาน แปลงาน เขียนงานให้เสร็จฯลฯ  ชีวิตช่างเต็มไปด้วยสิ่งสารพันจนอยากให้วันแต่ละวันยืดยาวออกไป กลางคืนต้นไม้นอนหลับ นก ไก่ สุนัข และคนนอนหลับ ตะวันบอกอย่างนั้นและเราเชื่อฟัง ฉันจะอ่านหนังสือนิดหน่อย หรือชมจันทร์หน้าระเบียง ค่ำคืนชื่นเย็น หอมเปรี้ยวสดชื่นด้วยกลิ่นมหาหงส์และสายน้ำผึ้ง  กลิ่นของกลางคืนอบอวลอยู่ในอากาศ เป็นกลิ่นรวมของหลายสิ่งสาระพัน เช่นเดียวกับกลิ่นยามบ่ายซึ่งฟุ้งชื่นนำด้วยกลิ่นหญ้าสดที่ชาวสวนชอบตัด มันคือกลิ่นเข้มๆของวัน  กลางวันถักสานด้วยกลิ่นต่างๆเหล่านี้ กลิ่นหญ้า ดอกไม้ กลิ่นฝน กลิ่นดิน กลิ่นแดด  และยังถักทอด้วยสารพัดส่ำเสียง เสียงนก เสียงฝน เสียงลม กระดึง กังสดาล  นานๆจะมีเสียงยวดยานเสียทีหนึ่ง  เสียงลมพัดกรรโชกนั้นน่าฟังเป็นที่สุด  ลมที่พัดมาอย่างเต็มกำลัง กัมปนาท แสดงนำอยู่ในท้องฟ้า เมื่อปะทะคาคบของแมกไม้ใหญ่  มันจะโกรธเกรี้ยว ฟาดเขย่ากรูเกรียว น่าหวาดเสียวใจ ก่อนจะอ่อนแรง พัดลากราวเบากับหลังคา เรื่อยไปครางลู่ลิ่วอยู่บนปลายหญ้าแล้วเงียบหายไปในที่สุด 

ลมที่คึกคะนองนั้นเหมือนการเต้นรำ เต้นอย่างคนป่า หรือคนบ้าที่มัวเมาในอารมณ์  คุณเคยได้ยินเรื่องการเต้นรำของอินเดียนแดงไหม  ผู้เฒ่าเหล่านั้นที่หายใจเป็นจังหวะเดียวกับมูลธาตุแห่งธรรมชาติ  เขาประกอบพิธีกรรม เต้นรำกันอย่างลืมตัว เคลื่อนคล้อยไปในจังหวะเร็วรี่ หมุนตัว กระโดดขึ้น คล้องแขนแล้วกระเถิบไปทางขวา  วกกลับมากระโดดสองก้าวไปทางซ้าย ย่อตัวลง ปรบมือ ซอยเท้า ประสานวงแคบเข้ามาใกล้ จนกระทั่งรูปเงาเริ่มพร่าพราย  ละอองฝุ่นฟุ้งตลบผสมควันไฟ  เสียงดนตรีและจังหวะรุกเร้าถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาที่เฝ้ามองของเราเริ่มไม่สัตย์ซื่อกับตัวเอง ทันใดนั้น นักเต้นรำทั้งวงก็ลอยเลื่อนขึ้น  พวกเขาเต้นรำจนสายลมหอบลอยไปในท้องฟ้า นั่นล่ะ พลังแรงกล้าแห่งลม

ภูเขาสิทำให้เราถ่วงหนัก หนักอึ้งด้วยความชื้น ความสงบชุ่มฉ่ำ  ทำให้เรางีบหลับงอกราก  โดยเฉพาะหน้าฝน  ห้วงยามเช่นนั้น  คุณจึงกลายเป็นต้นไม้หนุ่ม ห่อหุ้มโคนด้วยตะไคร่  ทว่าไฟธาตุทั้งหลายยังคงลุกไหม้  เปลวไฟแห่งชีวิตในภูเขาสีเขียว  หม้อธาตุต้มอยู่ทั่วหัวระแหง ดุจเดียวกับเตาไฟในท้องของคุณที่ย่อยของสดให้กลายเป็นของสุก  ปรุงน้ำเลี้ยงส่งไปตามกระแสเลือด  ในภูเขามีเตาใบใหญ่ ส่งความร้อนมายังคุณ  เลี้ยงดูคนภูเขา กล่อมให้พวกเขาหลับ ปลุกพวกเขาตื่น  ถูกกำหนดไว้แล้ว ทุกคนมีสายโซ่ล่องหน สายรกตัดไม่ขาดที่ผูกโยงไว้กับสะดือโลก  เชื่อมต่อกับแผ่นดินถิ่นกำเนิด  มนุษย์คือลูกของแม่พระธรณี ณ แห่งที่เขาถือกำเนิด ไม่ว่าจะอพยพไปอยู่ที่ใดไม่อาจลืมแม่ได้เลย ในอ้อมอกแม่นั้น เราเติบโตได้ดีที่สุด  อ้อมกอดภูเขาจะเห่กล่อมคุณตลอดไป  ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ 

...ฉันมีภูเขานับสิบร้อยพัน

ฉันคือลูกสาวภูเขา

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…