Skip to main content

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้

สัปดาห์นี้ สามีสอนลูกว่า...จงเข้มงวดกับตนเอง แต่ผ่อนปรนต่อผู้อื่น  สาวน้อยไม่ค่อยเข้าใจนัก  ถูกแล้วล่ะที่คุณสงสัย ตรวจสอบ เฝ้ามอง  แต่ไม่ได้ด่าทอ กราดเกรี้ยวกับใคร  เรื่องง่ายๆ บางเรื่อง ดูเผิน ๆ อาจน่ายกย่อง  โปะหน้าด้วยคำหรูๆ แบบมนตร์สะกด ‘การคิดบวก’ ‘ความเรียบง่าย’ ‘ภูมิปัญญา’ ‘ความพอเพียง’  ทั้งหมดทั้งมวลดีงามอยู่ในเนื้อแท้แน่ล่ะ  แต่พูดกันฟูมฟายตะบี้ตะบัน  สะกดสมองใคร่ครวญอยู่หมัด  


เขารู้สึกดีกับการปลูกกล้วยทิ่มหัว แต่คุณหมกมุ่นหัวคิ้วขมวด เราเป็นพวกอนุรักษ์นิยมหรือเปล่าเนี่ย ในเรื่องที่มีคุณค่า ซาบซึ้งถึงแก่นสารสาระ คุณต้องการสงวนรักษา หากแต่ท่าทียึดกุมสิ่งเก่าไม่เข้าท่า ต้านรับการเปลี่ยนแปลง คุณก็ไม่เอาด้วยนี่นา... เมื่อรากพืชส่งน้ำเลี้ยงมายังเหง้า ต้น หรือเมล็ด ชีวิตโลดเต้นตื่นตัว  พืชที่กำลังงอกตื่นเต้นกระหายกับชีวิตใหม่  มันแทบทนรอไม่ไหวที่จะโผล่ขึ้นเหนือดิน  อยากหายใจเอาอากาศหอมหวานบริสุทธิ์  อาบอุ่นอยู่ในแสงตะวัน อยากเห็นท้องฟ้า  อยากอาบน้ำฝน  คนเองก็มุ่งมองเบื้องบน มิได้คอตกก้มดูปลายเท้า  เขาบอกคุณว่าปลูกกล้วยทิ่มหัวลงดินกันเถอะ  แยกหน่อกล้วยอ่อนมา ขุดหลุมใหม่แล้วเอายอดปักลงไป  ต้นกล้วยจะสับสนมึนงงและเริ่มต้นย่อยตัวเอง จากนั้นก็จะงอกต้นใหม่ น่าอัศจรรย์ไหม มันให้ผลผลิตมากมาย  เขาบอกว่า นี่เป็นภูมิปัญญา  นี่แหละความกล้า การตีลังกาคิด  คุณกลับร่ำร้อง นี่มันเรื่องอะไร  ข่มขืนต้นกล้วย กล้วยก็ขื่นขม  เด็กหนุ่มที่ถูกเกณฑ์ไปรบ วิญญาณป่นปี้ เยาว์ที่สถานการณ์บีบคั้นกดดัน เร่งรัดให้โตเป็นผู้ใหญ่  ทุกวันนี้ ยังบำบัดจิตไม่ครบ *

ภูมิปัญญาคงไม่ได้หมายถึงสิ่งคิดค้นโดยชาวบ้านเท่านั้น  มันมีความหมายลุ่มลึก  อย่าเพ่อเลย นิดๆหน่อยๆก็ภูมิปัญญา หรือว่านี่คือเรื่องภาษา คำหรูหรา คำใหญ่คำนี้ เดิมทีใช้กับสิ่งที่ยาก สิ่งยิ่งใหญ่ ลึกซึ้ง ผ่านการเรียนรู้สั่งสม ผ่านประวัติศาสตร์ กาลเวลา  เอาล่ะ ถ้าเราจะตกลงพูดกันให้เกร่อก็ไม่ว่า ภาษาเป็นเรื่องยืดหยุ่นอยู่แล้ว  พูดให้เฝือ พูดบ่อย ๆ พร่ำเพรื่อ ก็ลดทอนคุณค่าไปเอง     

ฉันไม่รู้ว่ามันแตกต่างจากการข่มขืนไก่ให้กลายเป็นสัตว์ปีกประหลาด ผลิตแต่เนื้อตรงไหน  มันใช่รากคิดเดียวกันไหม บีบบังคับ จัดแต่งธรรมชาติเพื่อให้ได้ผลผลิตมากที่สุด ด้วยต้นทุนต่ำ  พื้นที่น้อย ภายใต้เวลาเร่งรัด  โลกนี้ต้องอยู่อย่างระมัดระวังเสียแล้ว  การยอมรับความเห็นที่แตกต่าง พูดจาอภิปรายอย่างสุภาพ ไม่หักล้างเข่นฆ่าเป็นสิ่งพึงทำ  แต่จะให้ผ่อนปรน เลิกคิด เลิกตั้งคำถามนั้น น่ากลัวตะกอนมลทินความคิดชักพาลวงหลง

แล้วเขาคุยกันถึงมะม่วงที่โตในขวดแก้ว  เช่นเดียวกับการกำเนิดสวนสัตว์ เมื่อเหล่าคนขาวขนตัวประหลาดจากแอฟริกาและอาณานิคมแถบศูนย์สูตรไปขังกรงให้เพื่อนร่วมทวีปชื้นแฉะแห่มาดู  ชมเพียงความแปลก ดูของหายากนั้นจรรโลงโลก จรรโลงชีวิตอย่างไร?  เที่ยวทัศนาอย่างเข้าใจ ซาบซึ้งคุณค่า ด้วยความรู้สึกเคารพดีกว่าไหม? จัดฉากหมู่บ้านจำลองรองรับการเวียนดูผู้หญิงสวมห่วงคอ คุณควรต้องเข้าอบรม ละลายความเขลา ยึดมั่นในแบบวัฒนธรรม วิถีชีวิต การแต่งกายของตนและพวกก่อน ใส่ห่วงไม่ใส่ห่วงล้วนเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์  เลิกชี้นิ้วขำแล้วไตร่ตรอง ห่วงมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมต้องเรียกขวัญ ผูกข้อมือ นุ่งซิ่น สวมชฎา ทุกอย่างซ่อนความหมาย ค้นลึกจากจิตสู่รูปธรรม ใช่เพียงคนป่าประหลาด ข้าวของโบราณแปลกเท่  จำอวดงานแต่งงานหมีแพนด้า พิธีบายศรีสู่ขวัญลูกหมีหรือ?  ขอบคุณที่ปู่ย่าตาทวดล้านนาไม่ลุกตื่นลืมตามาเห็น  

เราจะยังสร้างสรรค์ของแปลก สนับสนุนความคิดบ้องตื้นไว้เพื่อประโยชน์ใด  มะม่วงมีไว้กิน เราคงไม่มุ่งปลูกมันไว้ดูเล่นในขวด  วิถีแบบพอเพียง ต้องคิดคำนึง เคารพธรรมชาติลึกซึ้งแค่ไหน    วัฒนธรรมควรยำย่อยเป็นสินค้าขายดีของการท่องเที่ยวไหม คุณค่า ความหมายที่แท้อยู่ที่ใด?

ฉันไม่ว่า แง่การลองเล่น สร้างสรรค์ ประดิษฐ์คิดค้น นั่นคือความมั่งคั่งน่าตื่นใจในศักยภาพมนุษย์  แต่เจตนาเบื้องหลังเล่า เราแซ่ ซ้องร้องรับสิ่งต่างๆด้วยเหตุผลกลใด เพื่อจุดหมายใด เข้าใจมากน้อยแค่ไหน

ยอมรับแต่โดยดี ผู้คนอาจไม่ชอบขี้หน้าคุณเท่าไหร่  เหมือนที่คนในครอบครัวพูดพร่ำตลอดชีวิต คุณมันเอียงซ้าย ดื้อ หัวแข็ง ขวางโลก  ฉันเพียงซื่อสัตย์ ทำความเข้าใจ อาจก้าวร้าวยามยืนยันทรรศนะ แต่กับมิตรภาพไม่ได้แข็งกร้าว คุณซาบซึ้งเสมอ กตัญญูในน้ำจิตน้ำใจ ที่เราต่อสู้คือความคิด ไม่ใช่มนุษย์  ครูอาจารย์ทางจิตสอนสั่ง เราสู้กับกิเลส ไม่ใช่เพื่อนร่วมทุกข์  ดังเช่นมีผู้กล่าว การฝักใฝ่สันติวิธีนั้นไร้เดียงสา ฉันกลับเห็นว่า  วิถีทางหลีกเลี่ยงความรุนแรงเรียกร้องขันติธรรมยิ่งกว่า อีกทั้งวุฒิภาวะทางอารมณ์ ความเข้าใจ ศรัทธาและความกล้า การยกดาบออกไปฟาดฟันนั้นง่าย  แต่กี่คนเล่าก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมหาตมะ

เพื่อนเอ๋ย อย่าได้ต่อว่า มือไม่พายเอาเท้าราน้ำเลยนะ และขออย่า เศร้าใจ ฉันว่ากล่าวพวกเดียวกันทำไม ศัตรูที่แท้จริงอยู่นั่นไง พวกคิดเอาเปรียบหน้าด้านๆ ที่แสนครอบงำ แสนแนบเนียน แผ่ขยาย เครือข่ายไปทุกที่ ท่องไว้ ๆ เราไม่ได้สู้กับเพื่อนมนุษย์ แค่ขบคิดทวงถามเพื่อความเหมาะสมถูกต้อง ความน่าจะเป็นอันลึกซึ้ง รอบด้าน และเชื่อมโยง ...

เราจะได้ไม่สู้โดยวิถีอันฉ้อฉลเดียวกับเขา!

 

 

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…