Skip to main content

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้

สัปดาห์นี้ สามีสอนลูกว่า...จงเข้มงวดกับตนเอง แต่ผ่อนปรนต่อผู้อื่น  สาวน้อยไม่ค่อยเข้าใจนัก  ถูกแล้วล่ะที่คุณสงสัย ตรวจสอบ เฝ้ามอง  แต่ไม่ได้ด่าทอ กราดเกรี้ยวกับใคร  เรื่องง่ายๆ บางเรื่อง ดูเผิน ๆ อาจน่ายกย่อง  โปะหน้าด้วยคำหรูๆ แบบมนตร์สะกด ‘การคิดบวก’ ‘ความเรียบง่าย’ ‘ภูมิปัญญา’ ‘ความพอเพียง’  ทั้งหมดทั้งมวลดีงามอยู่ในเนื้อแท้แน่ล่ะ  แต่พูดกันฟูมฟายตะบี้ตะบัน  สะกดสมองใคร่ครวญอยู่หมัด  


เขารู้สึกดีกับการปลูกกล้วยทิ่มหัว แต่คุณหมกมุ่นหัวคิ้วขมวด เราเป็นพวกอนุรักษ์นิยมหรือเปล่าเนี่ย ในเรื่องที่มีคุณค่า ซาบซึ้งถึงแก่นสารสาระ คุณต้องการสงวนรักษา หากแต่ท่าทียึดกุมสิ่งเก่าไม่เข้าท่า ต้านรับการเปลี่ยนแปลง คุณก็ไม่เอาด้วยนี่นา... เมื่อรากพืชส่งน้ำเลี้ยงมายังเหง้า ต้น หรือเมล็ด ชีวิตโลดเต้นตื่นตัว  พืชที่กำลังงอกตื่นเต้นกระหายกับชีวิตใหม่  มันแทบทนรอไม่ไหวที่จะโผล่ขึ้นเหนือดิน  อยากหายใจเอาอากาศหอมหวานบริสุทธิ์  อาบอุ่นอยู่ในแสงตะวัน อยากเห็นท้องฟ้า  อยากอาบน้ำฝน  คนเองก็มุ่งมองเบื้องบน มิได้คอตกก้มดูปลายเท้า  เขาบอกคุณว่าปลูกกล้วยทิ่มหัวลงดินกันเถอะ  แยกหน่อกล้วยอ่อนมา ขุดหลุมใหม่แล้วเอายอดปักลงไป  ต้นกล้วยจะสับสนมึนงงและเริ่มต้นย่อยตัวเอง จากนั้นก็จะงอกต้นใหม่ น่าอัศจรรย์ไหม มันให้ผลผลิตมากมาย  เขาบอกว่า นี่เป็นภูมิปัญญา  นี่แหละความกล้า การตีลังกาคิด  คุณกลับร่ำร้อง นี่มันเรื่องอะไร  ข่มขืนต้นกล้วย กล้วยก็ขื่นขม  เด็กหนุ่มที่ถูกเกณฑ์ไปรบ วิญญาณป่นปี้ เยาว์ที่สถานการณ์บีบคั้นกดดัน เร่งรัดให้โตเป็นผู้ใหญ่  ทุกวันนี้ ยังบำบัดจิตไม่ครบ *

ภูมิปัญญาคงไม่ได้หมายถึงสิ่งคิดค้นโดยชาวบ้านเท่านั้น  มันมีความหมายลุ่มลึก  อย่าเพ่อเลย นิดๆหน่อยๆก็ภูมิปัญญา หรือว่านี่คือเรื่องภาษา คำหรูหรา คำใหญ่คำนี้ เดิมทีใช้กับสิ่งที่ยาก สิ่งยิ่งใหญ่ ลึกซึ้ง ผ่านการเรียนรู้สั่งสม ผ่านประวัติศาสตร์ กาลเวลา  เอาล่ะ ถ้าเราจะตกลงพูดกันให้เกร่อก็ไม่ว่า ภาษาเป็นเรื่องยืดหยุ่นอยู่แล้ว  พูดให้เฝือ พูดบ่อย ๆ พร่ำเพรื่อ ก็ลดทอนคุณค่าไปเอง     

ฉันไม่รู้ว่ามันแตกต่างจากการข่มขืนไก่ให้กลายเป็นสัตว์ปีกประหลาด ผลิตแต่เนื้อตรงไหน  มันใช่รากคิดเดียวกันไหม บีบบังคับ จัดแต่งธรรมชาติเพื่อให้ได้ผลผลิตมากที่สุด ด้วยต้นทุนต่ำ  พื้นที่น้อย ภายใต้เวลาเร่งรัด  โลกนี้ต้องอยู่อย่างระมัดระวังเสียแล้ว  การยอมรับความเห็นที่แตกต่าง พูดจาอภิปรายอย่างสุภาพ ไม่หักล้างเข่นฆ่าเป็นสิ่งพึงทำ  แต่จะให้ผ่อนปรน เลิกคิด เลิกตั้งคำถามนั้น น่ากลัวตะกอนมลทินความคิดชักพาลวงหลง

แล้วเขาคุยกันถึงมะม่วงที่โตในขวดแก้ว  เช่นเดียวกับการกำเนิดสวนสัตว์ เมื่อเหล่าคนขาวขนตัวประหลาดจากแอฟริกาและอาณานิคมแถบศูนย์สูตรไปขังกรงให้เพื่อนร่วมทวีปชื้นแฉะแห่มาดู  ชมเพียงความแปลก ดูของหายากนั้นจรรโลงโลก จรรโลงชีวิตอย่างไร?  เที่ยวทัศนาอย่างเข้าใจ ซาบซึ้งคุณค่า ด้วยความรู้สึกเคารพดีกว่าไหม? จัดฉากหมู่บ้านจำลองรองรับการเวียนดูผู้หญิงสวมห่วงคอ คุณควรต้องเข้าอบรม ละลายความเขลา ยึดมั่นในแบบวัฒนธรรม วิถีชีวิต การแต่งกายของตนและพวกก่อน ใส่ห่วงไม่ใส่ห่วงล้วนเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์  เลิกชี้นิ้วขำแล้วไตร่ตรอง ห่วงมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมต้องเรียกขวัญ ผูกข้อมือ นุ่งซิ่น สวมชฎา ทุกอย่างซ่อนความหมาย ค้นลึกจากจิตสู่รูปธรรม ใช่เพียงคนป่าประหลาด ข้าวของโบราณแปลกเท่  จำอวดงานแต่งงานหมีแพนด้า พิธีบายศรีสู่ขวัญลูกหมีหรือ?  ขอบคุณที่ปู่ย่าตาทวดล้านนาไม่ลุกตื่นลืมตามาเห็น  

เราจะยังสร้างสรรค์ของแปลก สนับสนุนความคิดบ้องตื้นไว้เพื่อประโยชน์ใด  มะม่วงมีไว้กิน เราคงไม่มุ่งปลูกมันไว้ดูเล่นในขวด  วิถีแบบพอเพียง ต้องคิดคำนึง เคารพธรรมชาติลึกซึ้งแค่ไหน    วัฒนธรรมควรยำย่อยเป็นสินค้าขายดีของการท่องเที่ยวไหม คุณค่า ความหมายที่แท้อยู่ที่ใด?

ฉันไม่ว่า แง่การลองเล่น สร้างสรรค์ ประดิษฐ์คิดค้น นั่นคือความมั่งคั่งน่าตื่นใจในศักยภาพมนุษย์  แต่เจตนาเบื้องหลังเล่า เราแซ่ ซ้องร้องรับสิ่งต่างๆด้วยเหตุผลกลใด เพื่อจุดหมายใด เข้าใจมากน้อยแค่ไหน

ยอมรับแต่โดยดี ผู้คนอาจไม่ชอบขี้หน้าคุณเท่าไหร่  เหมือนที่คนในครอบครัวพูดพร่ำตลอดชีวิต คุณมันเอียงซ้าย ดื้อ หัวแข็ง ขวางโลก  ฉันเพียงซื่อสัตย์ ทำความเข้าใจ อาจก้าวร้าวยามยืนยันทรรศนะ แต่กับมิตรภาพไม่ได้แข็งกร้าว คุณซาบซึ้งเสมอ กตัญญูในน้ำจิตน้ำใจ ที่เราต่อสู้คือความคิด ไม่ใช่มนุษย์  ครูอาจารย์ทางจิตสอนสั่ง เราสู้กับกิเลส ไม่ใช่เพื่อนร่วมทุกข์  ดังเช่นมีผู้กล่าว การฝักใฝ่สันติวิธีนั้นไร้เดียงสา ฉันกลับเห็นว่า  วิถีทางหลีกเลี่ยงความรุนแรงเรียกร้องขันติธรรมยิ่งกว่า อีกทั้งวุฒิภาวะทางอารมณ์ ความเข้าใจ ศรัทธาและความกล้า การยกดาบออกไปฟาดฟันนั้นง่าย  แต่กี่คนเล่าก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมหาตมะ

เพื่อนเอ๋ย อย่าได้ต่อว่า มือไม่พายเอาเท้าราน้ำเลยนะ และขออย่า เศร้าใจ ฉันว่ากล่าวพวกเดียวกันทำไม ศัตรูที่แท้จริงอยู่นั่นไง พวกคิดเอาเปรียบหน้าด้านๆ ที่แสนครอบงำ แสนแนบเนียน แผ่ขยาย เครือข่ายไปทุกที่ ท่องไว้ ๆ เราไม่ได้สู้กับเพื่อนมนุษย์ แค่ขบคิดทวงถามเพื่อความเหมาะสมถูกต้อง ความน่าจะเป็นอันลึกซึ้ง รอบด้าน และเชื่อมโยง ...

เราจะได้ไม่สู้โดยวิถีอันฉ้อฉลเดียวกับเขา!

 

 

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เชื่อในพระองค์จึงมุ่งหวังถึงสิ่งดีพร้อม เชื่อในตัวตนบริสุทธิ์ หัวใจสะอาดสมบูรณ์ ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันตั้งใจอย่างดีที่สุด ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำด้วยหัวใจ ถึงอย่างนั้น ภายหลัง มักรู้สึกเสมอว่า ยังมีดีที่สุดมากกว่านั้นรอคอยอยู่ เมื่อได้เห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเอง ขี้เกียจ ขาดวินัย หรือว่าเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น น้องชาย ตัวสูงใหญ่ บางถ้อยเผลอไผล วาดหวังเหรียญเงินและเหรียญทองแดง รางวัลชมเชยนั้นไว้คิดถึงมันยามต้องทำใจปล่อยวางไม่ดีกว่าหรือ เมื่อลงแรงลงใจทำสิ่งใด น่าจะใช้หนทางธรรม อยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม…
รวิวาร
ถ้อยคำทำให้ฉันเต็มอิ่มสดชื่น ถ้อยคำเหมือนฝนโปรยปราย ฉันเขียนถ้อยคำ ทำให้เกิดฝน เขียนตัวเองออกยืนอ้าแขน รับละอองฝนโปรย ฉันอ้าปากเหมือนเด็กน้อย ฝนหยดจิ๋วแตะลงบนลิ้น ความกระหายมากมายไม่อาจดับสิ้น พายุทำให้กระปรี้กระเปร่ามีพลัง พายุสร้างถ้อยคำในตัวฉัน เมื่อพายุพัด สายลมในกายหมุนวน มันได้ยินเสียงกู่ร้อง มันอยากออกไปหาพวกพ้องของมัน มันขับฉัน ผลักไสเท้าทั้งสองให้ออกไปโลดแล่นในทุ่งกว้าง ให้สายลมกรูเกรียวผ่านร่าง บังคับให้ฉันหมุนตัว เต้นระบำกับเกลียวพายุ หัวใจส่งเสียงคำรามเมื่อสายลมกู่ก้องออกจากป่า ลมร้องเริงร่าที่กิ่งไม้ รัวใบไม้แทนระนาดเงินใบเล็ก ๆ พายุโจมตีหลังคา…
รวิวาร
  ฉันรู้ว่า เธอต้องการใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและมั่นคง ผู้หญิงคนนั้น สตรีร่างยักษ์ซึ่งเคยก้มลงมายังเธอ ยิ้มอย่างใจดี แววเอ็นดูท้นอยู่ในดวงตา แล้วต่อมา ร่างของเธอกลับยืดสูง ขยายขึ้น เธอตัวสูงกว่าหญิงคนนั้น การรับรู้ของหล่อนเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่หล่อนต้องคอยกางปีกปกป้อง ทว่า ข้างในเธอกลับยังโหยหาวงแขนนั้น เธออยู่ระหว่างการต้องการการอารักขา และการยืนหยัดด้วยตัวเอง เหมือนรอยต่อระหว่างรัตติกาลและสนธยา มืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนและคนตัวโตอื่น ๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างไร บางครั้งเข้มงวดเหมือนเด็กเล็ก ๆ บางคราวปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นผู้ใหญ่…
รวิวาร
ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ…
รวิวาร
ลมหนาวยังไม่มาเยือน แต่อาคันตุกะมากหน้าแวะเวียนผ่านมาหลายคราแล้ว ชานหน้าบ้านกลายเป็นที่ชุมนุมคารวะดื่มด่ำภูเขา หมาแมววิ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เห่าเสียงเครื่องยนต์ไม่คุ้นหู ยื่นหน้ามาสูดกลิ่นยั่วน้ำลายในโตก ความรื่นเริงของหมู่มิตรอึกทึกแข่งเสียงนกในทุ่งสงัด แนวเทือกเขาซ้อนเหลื่อมชายแดนค่อย ๆ เผยเรื่องเล่าผ่านริมฝีปากพี่ชาย* ย้อนไปตั้งแต่ครั้งที่เรายังเด็ก ยามโถงรับแขกของทุกบ้านมีดอกฝิ่นแห้งประดับแจกัน การแตกแยกอันนำไปสู่สงครามระหว่างชนเผ่าในประเทศเพื่อนบ้าน การติดตามไล่ล่าข้ามดอย รบพุ่ง ทิ้งซากร่างและเม็ดกระสุนในเขตเชียงดาว ผืนโลกอัดแน่นด้วยเรื่องราว ตามเส้นทางลัดเลาะบนโขดเขาสีน้ำเงิน…
รวิวาร
ฝนมาเพียงไม่กี่ฝนเท่านั้น กิ่งสักโล้นโกร๋นก็ผลิใบกว้าง สีเขียวถูกเทระบายลงแทนสีแดง วันเว้นวันฟ้าหม่นมัว สีเทาดำปื้นเหมือนหมึกฉาบลงบนเมฆในท้องฟ้าก่อนซัดซ่าลงมาเป็นสายน้ำสีขาว เราจ้างคนมาขุดบ่อลึกลงไปอีกเมื่อปลายเมษาฯ ค่าแรงสำหรับตาน้ำใหม่คิดตามอัตราชนชั้นกลางในหมู่บ้าน (แพงกว่าปกติ) เพียงสัปดาห์ผ่าน ฝนกลับกระหน่ำลงมา บ่อเล็ก ๆ ของเราไม่เคยแห้งอีกเลย จากนั้น ลืมๆ เลือนๆ ไปบ้าง แล้วสวนกว้างก็เขียวขจีด้วยพงหญ้า เหมือนที่ภูเขา เรือกสวน ไร่นาและท้องทุ่ง ในตลาดและเพิงหญ้ารายทาง หน่อไม้แรกของปีขาวผ่อง เห็ดเผาะอ่อนๆ เยี่ยมหน้ามาในกรวยใบตองตึง ตามอย…
รวิวาร
  แซงแซวหางบ่วง คืออาคันตุกะตัวใหม่แห่งท้องทุ่งและคาคบ ตัวยาวเรียวสีออกดำ คาบหญ้าแห้ง บินผ่านต้นมะขามที่เพิ่งแตกใบอ่อน ผ่านกอกล้วยกอไผ่ โฉบสูงขึ้นไปบนคบไม้ ทิ้งรอยเรียวหางแฉกยาวไว้เป็นทางไม้ใหญ่หน้าบ้านเป็นอาณาจักรของหมู่นก ฤดูฝน ฤดูแห่งความสมบูรณ์ของพื้นพิภพ นกมากมายบินมาอาศัย เรารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่อยากเปิดหนังสือ ท่องชื่อนกหรือดวงดาว ฉันอยากรู้จักพวกเขาเป็นส่วนตัว จากพฤติกรรมที่เขาสัมพันธ์กับเรา จะได้จดจำกันด้วยหัวใจ ด้วยความรู้สึก ‘เธอ’ ไม่ใช่นกเอี้ยงสาลิกา ซึ่งเลิกมาทะเลาะกันบนหลังคาบ้านฉันสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นนกขนาดย่อม…
รวิวาร
เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอ ฉันมักจะฝันถึงเธอเสมอเวลาที่เราอยู่ไกลห่าง เธอยังเหมือนเดิม ส่งเสียงแจ้ว ๆ ไถ่ถามสิ่งต่าง ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เธอคือเด็กน้อยน่ารักที่สุด ความรู้สึกของเธอ หัวใจของเธอ ฉันรู้จักดีที่สุด แม่ของเธอคิดถึงเธออยู่นะสาวน้อย พ่อทางใจน้ำตาคลอขณะพับเสื้อกระโปรงตัวจิ๋วของนกน้อยต้อยตีวิด ส่วนพี่สาวที่ชอบข่มขู่ดุว่า แต่ก็ถลาไปปกป้องน้องยามมีภัยบ่นอยู่นั่นแล้วว่า คิดถึงเธอเหลือเกิน ใครจะรู้สึกถึงดินฟ้าได้เท่าเจ้านกน้อย สำหรับเธอแล้ว ก้อนกรวดที่พบตามพื้นดินหรือในลำธารสวยเสียจนต้องเก็บมาพินิจ เช่นเดียวกับลูกปัด ลูกแก้ว พลาสติกหรือพลอยเทียมราคาถูก ต้นไม้ดอกไม้ แมลงตัวเล็ก…
รวิวาร
ฤดูกาลแห่งดอกผล .............ก่อนหน้านี้ความไม่รู้พาเราไปอยู่ไหน  ที่เราเห็นคือกิ่งแห้ง ๆ ใบจุด ๆ สีดำ  ทว่า เวลานี้ หลังจากที่ฤดูฝนพ้นผ่าน หนาวจากจาง  ใบใหม่สีเขียวอ่อนงอกแซมตามกิ่งเก่า  สัปดาห์ เดือนผ่าน กระทั่งเข้ม เขียวขลับ  พร้อมกันกับช่อดอกเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อน หอมละมุนขจรขจาย  และกำลังจะกลายเป็นผล ...ต้นลำไยที่เคยทอดอาลัย   โมกสองต้นหน้าระเบียงผลิใบใหม่เขียวขจี รายเรียงตามกิ่งก้านคล้ำเข้ม...พี่ชาย ‘ชนกลุ่มน้อย’ มาถึงบ้านพร้อมด้วยเมล็ดกาแฟคั่วบด และค่าเรื่อง  รอยยิ้มอบอุ่นบอกกล่าวถ้อยคำมากมาย  .............
รวิวาร
เหมือนความต้องการไม่รู้จบ ... ยามเช้า จะดีเสียกว่า หากปราศจากเสียงจากหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน  ฉันต้องการเพียงสรรพสำเนียงยามเช้า  ที่ผู้เป็นเอกคือเหล่านกน้อย  โดยเฉพาะนักร้องนำดุเหว่าแห่งวงมโหรีไม้ใหญ่   เจ้านกส่งเสียงเซ็งแซ่ เริงร่า มีชีวิตชีวาทุก ๆ เช้า  เริ่มรุ่งอรุณอันสดใหม่  แล้วที่เหลือจากนั้น  ขอเพียงเสียงแผ่ว ๆเคล้าระคนจากชีวิตน้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ตามคบไม้ พงหญ้า   ท้องฟ้าจะได้ค่อย ๆ ซ่านแสงสี  ดวงตะวันจะได้เผยโฉมออกมาโดยปราศจากคนรบกวนเมื่อแรกเห็น  เราดีใจว่าที่นี่ไม่เปลี่ยวร้างเกินไป  ถนนเงียบสงบลาดผ่าน …
รวิวาร
สีแดงมาจากไหน  ล่องหนอยู่ในน่านฟ้าหรือ?...  เริ่มละเลงลงบนใบหูกวาง ชมพูแซมแทรกด้วยแดง  ระบายจุดสีคล้ำตามใบ ก่อนเคลือบด้วยน้ำตาล  ฤดูกาลคืบคลานมาช้า ๆ  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงขีดสุดกลางเดือนเมษาฯเหยี่ยวดำคู่ผัวเมียแห่งเชิงผาหายไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ดุเหว่าร่อนร้องทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ...กาเว๊า ๆ   เหยี่ยวทุ่งสีขาวเทาเยี่ยมหน้า  โฉบร่อนตามแนวถนน  บนกิ่งไม้และเหนือทุ่ง   ผืนดินเริ่มแห้ง  ต้นหญ้าสลดเฉาดุจเดียวกับพืชผล  มะเขือเทศข้างร่องน้ำผลิลูกเล็ก ๆ สีอ่อน ไม่ทันไรก็สุกแดง แห้งเหี่ยวหมดทั้งต้น  …
รวิวาร
นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่เรารู้จัก  ฉันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์  คนบางคนเหมือนสิ่งไม่คาดฝัน  อยู่ตรงหน้า พบเห็นเจนตา  ทว่า เมื่อคลี่เผยตัวตนออกมากลับงดงามยิ่ง................................................................พี่ดีใจที่ได้รู้จักและสนิทสนมกับน้อง  แม้ว่าสายตาหลายคู่ที่มองผ่านอาจเห็นเพียงหญิงสาวกะโปโลเริงร่า   ทว่า พี่ได้พบหลายสิ่งหลายอย่างไม่ธรรมดาในตัวน้อง