Skip to main content

สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...

 

เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก

 

สามสี่วันก่อนฟ้าใส แดดจ้า หญ้าตัดเรียบเตียน แม่เดินไปห้องน้ำ ซึ่งเวลานี้สวยมาก ต้นตีนตุ๊กแกยืดยาวคลุมผนังด้านข้าง ที่ประตูหน้า อัญชัญสีม่วงแข่งกันบาน ในห้องน้ำ มีชั้นยาวติดผนังสำหรับวางหนังสือ มีชั้นเข้ามุมอยู่ข้างประตู ตั้งอ่างเขียวขอบเกลียวลายดอกไม้ไว้ล้างมือ ผนังด้านที่เคยเปลือยโล่งนั้น พ่อนำประตูไม้เก่ามาประกบ แล้วแขวนรูปแม่ญิงล้านนากรอบเล็กฝีมือป้าแข แม่ยังกลิ้งโอ่งราชบุรีจากนอกชานไปรองน้ำอาบ ทาหน้าต่างด้วยสีที่เหลือ ม่านบาหลีที่พ่อปลูกไว้เลื้อยลอดหลังคาเข้ามา ทิ้งสายม่านอ่อนๆสีชมพูตรงช่องหน้าต่าง

 

อันที่จริงคนเราไม่อาจบอกได้แน่ชัดหรอกว่าความสุขมาจากไหน เช่นเดียวกับความทุกข์ที่จู่โจมเข้ามา เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง แดดแจ่มวันนั้น ราวตากผ้าเหนือลานหญ้ามีเสื้อผ้าซักสะอาดปลิวไสว แม่มองดูมันอย่างมีความสุข ผ้าที่ซักเสร็จแล้วอบอยู่ในแสงแดด พื้นหญ้าเรียบเตียน น่าย่ำเป็นที่สุด รอบตัวมีแต่สีเขียว แนวภูเขาสีน้ำเงินเห็นอยู่วิบๆไกลๆ สุขใจประสาแม่บ้านเมื่องานแล้วเสร็จ เหมือนพ่อยามตะลุยตัดหญ้า ในชุดกางเกงยีนเสื้อเชิ้ตเก่าๆ มีถุงมือ แว่นตาพลาสติกกรอบใหญ่กับรองเท้าบู้ต เวลาเราเดินผ่าน และเขาหันมามอง ใบมีดจะชะลอความเร็ว เขาเบาเครื่องแล้วหันมายิ้ม สีหน้าแววตานั้นภาคภูมิระคนสนุกใจ พ่อกำลังเล่นของเล่นเด็กผู้ชายที่ท้าทายความสามารถ สนุกและต้องบากบั่นไปเสร็จ วันนั้นเอง แม่รู้สึกมีความสุขล้นอก และอยากจะนั่งลงเขียนถึงลูก

 

ถ้อยคำหลากไหลวนเวียน เกาะกุมความรู้สึกอยู่ตลอดทั้งวัน แม้ขณะทำงานบ้านจวบจนเย็นย่ำ ระหว่างที่แม่ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร ในที่สุด กิจกรรมเคลื่อนไหวต่อเนื่องภายนอกก็ดึงแม่ออกมาจากข้างในสำเร็จ แม้ว่าถ้าได้นั่งลง ลงมือเขียนตั้งแต่คำยังอุ่นๆอยู่คงจะดีไม่น้อย ถึงอย่างไร ความรู้สึกละเอียดอ่อนเฉียบบางซึ่งแฝงฝังอยู่ในเวลาเช่นนั้นก็ไม่อาจลืมเลือน ความสงบ สุขศานติ รื่นรมย์ใจแบบไม่กระโตกกระตากที่แทรกซึมอยู่นั้นเกิดจากความรู้สึกถึงโลกที่มองไม่เห็นอันหนักแน่น รองรับโลกกายภาพที่ปรากฏ มันใกล้ชิดเสียจนเราสามารถดื่มด่ำ ซาบซึ้ง และคล้ายดั่งได้สูดดมกลิ่นหอมตรึงตราของมัน

 

 

กาแฟยามเช้าหมดถ้วยแล้ว ความรู้สึกของแม่เรียบเรียงตัว ความเศร้าเบาบางวันนี้ไม่ต่างจากความสุขวันอื่น ไม่รู้ที่มาแน่นอนเลย อีกสี่วันจะสิ้นเดือน ยังไม่มีเงินเข้า มองไม่เห็นแหล่งที่มา งานที่ใช้อีกนามปากกาหนึ่งจะได้ตีพิมพ์หรือเปล่านะ สงสัยจังว่าเสียงโทรศัพท์เช้าวันอาทิตย์มาจากบ้านอีกหลังของหนูหรือเปล่า แม่วิ่งมารับไม่ทัน และไม่มีเงินโทรกลับไปหาลูก ...

 

เราจะถือสาอะไรกับสุขเศร้า ในวันที่สงบสุขดีในตัวเอง ประกอบกิจวัตรไปอย่างราบรื่น สอดคล้องเป็นอันดีกับดวงตะวัน เขียนหนังสือเวลาเช้า ทำความสะอาดบ้านยามสาย บ่ายแปลงาน ล้าแล้วก็ไปปลูกต้นไม้ เย็นทำครัว แม่พึงพอใจ ออกปากอวดพ่อ แม่ไม่เศร้าหรอก ดีแล้ว ถึงลูกไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร แม่สงบดี ทำงานได้ และวางใจเพราะรู้ว่าลูกมีความสุข แต่ความรู้สึกของมนุษย์ก็เปลี่ยนไปมาเสมอ ความสุขความทุกข์มักมาไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือไม่มันก็อาจจะแอบซ่อนอยู่แล้วในตัวเรา จากความทุกข์เก่าๆ สุขเก่า ๆ ทุกข์หรือสุขแรกที่เราได้รู้จักตั้งแต่วัยแรกของชีวิต

 

แม่ละเล่นประคองความรู้สึก แต่มักพลาดท่าเสียทีอยู่เรื่อย จิตใจมีกลไกของมัน เติมเชื้อบ้างล่ะ กระพือทุกข์ ขยายสุข ยิ่งถ้าทุกข์จะสามารถคิดให้ทุกข์ได้มากขึ้นอีก แต่ตอนนี้ อย่าห่วงเลย แม่ไม่เป็นอย่างนั้นหรอกจ้ะ คลื่นความเศร้าพลิ้วผ่าน ขณะแม่ยังสงบใจ มองดู และตั้งสติรู้ว่าสิ่งที่ควรทำตรงหน้าคืออะไร

 

เมื่อวานนี้แม่อ่าน “ตามทางสู่เหย้า” ของลอร่า ในหนังสือชุดบ้านเล็ก แม่บอกพ่อว่า เผื่อจะได้พบกำลังใจจากคู่สมรสใหม่ที่ต้องบุกเบิกต่อสู้เริ่มต้นชีวิตในไร่นา หนังสือเล่มนี้บาง ต่างจากเล่มก่อนๆ เรียบเรียงขึ้นภายหลัง จากบันทึกสั้น ๆ และจดหมายเหตุของเธอ ไม่น่าเชื่อเลย สี่ปีแห่งชีวิตชาวนาของทั้งคู่จะต้องผจญกับความทุกข์และอุปสรรคหนักหนาสาหัสเพียงนั้น พายุลูกเห็บ กระแสลมร้อนที่ทำลายพืชผลก่อนเก็บเกี่ยวไม่กี่วัน ลูกชายแรกคลอดเสียชีวิต ไฟไหม้บ้านวอดวายหมดทั้งหลัง หนี้สินซึ่งพอกพูนจนต้องเสียที่ดินไปผืนหนึ่ง แต่ทั้งสองก็ยังคงยืนหยัด มั่นคงซื่อตรงต่อผืนดินไม่ผันแปร มีบางสิ่งแน่นอนล่ะที่แม่มั่นคงตรงต่อ แม้จะแตกต่างกับเขาทั้งสอง พ่อกับแม่นั้นทำนาในทุ่งอักษร แต่ก็ไม่วายถูกกำหนดจากตลาดและพ่อค้าคนกลางเหมือนกัน

 

คิดถึงธาร พร้อมทั้งคิดถึงลุงนนท์ป้ากล้วย ลูกสาวของลุงป้าจากไปอย่างไม่มีทางได้พบหน้าอีก แต่เราสองคนยังได้เจอ ได้ยินเสียงแจ๋วๆจากหนูอยู่เสมอ ไม่ใช่พรากจากตลอดกาล ดวงใจของแม่ ตอนนี้ลำไยทยอยสุกแล้ว แม่ชอบเดินไปเก็บกินเวลาหิวหรืออยากได้อะไรหวานๆ ถ้าลูกอยู่คงจะมีความสุขมาก เราคงมองหน้ากัน แม่ดูลูกยิ้ม คุยจ้อระหว่างเคี้ยวผลไม้แสนโปรด ลูกจะตื่นเต้นกับลำไยกิ่งเตี้ยๆที่ห้อยพวงระย้าแตะปลายหญ้า ซึ่งลูกสามารถคุกเข่าย่อตัวลงเด็ดกินอย่างสบาย ลำไยนี้จะสุกอยู่นานจนเราสองคนกินกันเบื่อไปข้างหนึ่งเลย (ถึงตอนนี้ แม่ก็ขายไปไม่เหลือแล้วลูกเอ๊ย)

 

 

แสงแดดมาแล้ว ดีจัง บางครั้งสายฝน เมฆดำ ฟ้าครึ้มก็ทำให้เราหม่นหมองและรู้สึกเศร้าโดยไม่รู้ตัว เหมือนที่ไอแดดร้อนผ่าวทำให้เราหงุดหงิด ไม่มีสมาธินั่นแหละ แต่ว่าฝนก็ทำให้รู้สึกสงบได้นะ จังหวะฝนสีขาวที่โปรยปรายลงมาสม่ำเสมอ เม็ดฝนที่คอดเป็นรอยนั้นเหมือนลูกปัดแวววาวร้อยต่อกัน มันหยาดหยดมาเพียงชั่วขณะ แต่ว่าแต่ละหยดที่ร้อยเข้าด้วยกันเหมือนต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด แม่นั่งอยู่ที่เบาะ มุมอ่านหนังสือ มองม่านลูกปัดสีขาวพลิ้วไหลลงมาจากฟ้า ก่อนซึมหายไปบนพื้นระเบียง

 

เมื่อวานน้าปุ้ยมาทานข้าวเย็นที่บ้าน มีของจากปีนังมาฝากด้วย เป็นช็อกโกแลตไส้เหล้ารัม ส่าหรีผืนหนึ่ง ขนมแขก กุ้งส้มกับกะปิ แม่ทำกับข้าวอยู่นาน เคี่ยวแกงส้ม ต้มหน่อไม้หวาน หุงข้าวสีดอกอัญชัญ ลูกจ๋า สีของมันออกม่วงๆฟ้าๆเหมือนสีพลอย พลอยที่ไม่แข็ง ไม่แวววาวแต่นุ่ม ระอุ ซ้ำยังคงรูป เป็นรูปเม็ดข้าวขึ้นหม้อ ดูน่าอร่อยที่สุด ใครหนอชอบข้าวสีนี้ จะเป็นใครถ้าไม่ใช่หนู กลับมาเร็วๆนะคนดี ขอให้ดอกอัญชัญบานรอท่า แม่จะหุงข้าวที่ลูกชอบ ทำปลาชุบแป้งทอดราดน้ำซอสเปรี้ยวหวาน โรยงาขาว เหมือนที่เรากินด้วยกันวันนั้น และหนูเอร็ดอร่อยกับมันที่สุด แม่จำได้ทุกอย่าง สีสันของอาหาร กิริยาอาการของลูก ยอดดวงใจน้อยๆ หัวใจของเราเชื่อมกัน เมื่อมองสบตา เรารู้ซึ้งถึงสิ่งที่หัวใจเจรจา ต่างเป็นสุดที่รักของกันและกัน และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป รักษาหัวใจของลูกไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้มันตายด้าน รักษาสายสัมพันธ์ของเรา ไม่ให้เบาบาง เหินห่าง แม่เชื่อและรู้ว่า มันมีอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เรายังไม่มีรูปร่าง ในกาลเวลาที่เราไม่อาจจดจำ ในฝันของแม่ ก่อนที่ลูกจะเกิด

 

แม้ชีวิตจะเป็นสิ่งน่าฉงน แต่ดีแล้วที่เราทั้งหลายไม่อาจจดจำ ไม่อย่างนั้นคงหมดเสน่ห์ หมดสนุกกันพอดี ทุกอย่างถูกรู้หมดแล้ว จุดหมายรู้ชัด คนคนนี้เรารู้จักดี น่าเบื่อ การเดินทางนี้คือทางเดินซ้ำๆ แต่ว่า “ชีวิต” ไม่ซ้ำ เรามาเพื่อเติบโตงอกงาม ขัดเกลาและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อความรัก ความสุข เติบโต เต็มเปี่ยม และเป็นหนึ่งเดียว

 

ช่วงนี้แม่อ่านหนังสือมากมายทุกคืนเหมือนเดิม กลับไปหาความชอบที่เด่นชัดยามเด็ก อ่านเฉพาะนิยาย เรื่องเล่า วรรณกรรม ไม่ค่อยชอบสารคดีหรือข้อเท็จจริง เหมือนว่าอย่างแรกนำทางไปสู่โลกนั้นได้มากกว่า โลกอันเรืองรองด้วยมนตรา โลกที่มองไม่เห็นซึ่งหัวใจบอกแม่ว่าจริงแท้เหลือเกิน มันมั่นคงดำรงอยู่ที่นั่น โอบอุ้มรองรับโลกที่เราอาศัย แม่อยากให้หนูอ่านหนังสือเยอะๆไวๆ เป็นนักอ่านเช่นเดียว กับแม่ เราจะได้แลกเปลี่ยน ร่วมอยู่ ซึมซับสิ่งต่างๆ ในโลกใบนั้นด้วยกัน รื่นรมย์อยู่ในความสุขเดียว ดื่มด่ำกับบทเพลง กลิ่นอายแห่งบรรยากาศที่เรื่องเล่าดีๆรังสรรค์ พี่เชนชอบหนังสือต่างจากแม่นะ แต่ลูกนั้นยังไม่รู้ แม่รู้ว่ามันยากที่คนเราจะชอบหนังสือประเภทเดียวกัน ยากที่คนเราจะเหมือนกัน ต่อให้สนิทสอดคล้องต้องกันทางความคิด แต่จริตนิสัยก็ไปคนละทาง แต่ว่าไม่เป็นไร เมื่อลูกหรือแม่อยู่ในนั้น หรืออยู่ข้างนอก เราเชื่อมโยงกันเสมอ แม่จึงไม่เคยรู้สึกจริงๆว่า ลูกจากแม่ไปไกล

 

สำหรับแม่ นับวันโลกนั้นยิ่งเป็นจริงมากขึ้นทุกที มันเป็นโลกที่น่าเชื่อถือ น่าเข้าเป็นประชากรอาศัย น่าพิทักษ์รักษา อุทิศชีวิตจิตใจ ไม่ใช่โลกที่เป็นอยู่เช่นจานดาว เทียมที่บ้านเราเพิ่งได้มาเปิดเผย โลกอันน่าสังเวชของความขลาดเขลา ของเหล่าเด็กน้อยซึ่งแสวงหาความสุขที่ไม่มีวันสิ้นสุด ความสวยงามและความอมตะของร่างกาย แม่มองโฆษณา ดูรายการขายสินค้าคั่นความบันเทิงไร้สุนทรี โลกนั้นกำลังขับร้องท่อนหลักของมันอย่างบ้าคลั่ง และทำให้ทุกคนร้องตาม กีดกันเสียงเล็กๆของหัวใจ หัวใจที่สงสัยและตั้งคำถามถูกขู่ปรามจนหดหัวซ่อนอยู่ข้างใน ในที่สุดก็บอกตัวเองว่า ฉันคงเป็นฝ่ายผิด โลกเขาดำเนินไปเช่นนี้ นี่แหละกระแสหลัก นี่คือสิ่งที่เป็น ฉันสิต้องเป็นฝ่ายยอมรับ จะไร้เดียงสาอยู่อีกไม่ได้แล้ว จะเรียกร้องหาสิ่งดีงามถูกต้องทื่อๆได้อย่างไร มีความซับซ้อน มีเงื่อนไขปัจจัยที่ต้องซอกซอนหาหนทางที่ชาญฉลาดและเป็นจริงได้มากที่สุด โอ้ หัวใจดวงน้อยที่น่าสงสาร มันไม่อาจรำงับได้เลย มีวุฒิภาวะหรือ พลเมืองดีผู้จงรักภักดีต่อผืนธงไตรรงค์หรือ ไม่ว่าจะด้วยกระทะ เครื่องปั่นเอนกประสงค์ เส้นใยอัดเม็ด สมานฉันท์ อนุรักษ์ สมุนไพรละลายไขมัน เข็มขัดลดหน้าท้องหรือคอร์สออกกำลังก็ไม่อาจมั่นคงวางใจ และสงบน้อมยอมต่อชีวิตได้ ต่อให้สะเดาะเคราะห์ สักยันต์ หรือดูดวงโดยหมอดูฟันธงคอนเฟิร์มคนใด จงรักภักดีหรือยึดมั่นท่องบ่นคาถา สวย รวย ดี มีสุขภาพ นั้นก็ยังไม่พอ หัวใจอยู่ในระนาบกว้างใหญ่ ชีวิตก็ยาวไกล ลึกล้ำเกินกว่านั้น

 

พระเจ้าสัจจะอยู่ทุกหนแห่ง ในหัวใจเราสอง ในดอกไม้ สายฝน และส่ำเสียงแทรกซอนซับซ้อนจากธรรมชาติ ทรงมีถ้อยคำสำหรับเราแต่ละคน ฉะนั้นอย่ายึดกุมสัจจะไว้เลย อย่าได้ถือว่าความคิดรวบยอดที่เธอประจักษ์หรือหยั่งรู้นั้นคือที่สุด เป็นสัจธรรมอันเหมาะสมสำหรับทุกคน เพราะว่าพระเจ้าของช่างไม้นั้นพูดจาประสาช่างไม้ พระเจ้าของชาวนาพูดอย่างคนรู้จักวัวควาย และการงานในท้องไร่ท้องนา ส่วนพระเจ้าของคนสวนนั้นมีสีเขียว พระเจ้าของแม่พูดกับแม่ด้วยภาษาของงานบ้าน ลูก สามี หนังสือ ต้นไม้โดยช่องทางที่แม่เข้าใจ แม่จึงรู้ว่าพระองค์ได้ตรัสกับคนอื่นๆด้วยในแบบที่แม่อาจจะไม่รู้ ไม่เข้าใจ ตัวแม่เอง บางครั้งก็ยังไม่ทราบเลยว่า พระองค์กำลังพูดอยู่ข้างหู

 

แต่บรรดาผู้ที่เชื่อว่าตนยึดกุมสัจธรรมนั้นล้วนโหดร้าย เขามักก่อพฤติกรรมผ่านวาจาและการกระทำโดยอ้างความดีงามถูกต้อง แม่ไม่ชอบอยู่ใกล้คนเหล่านี้ เป็นธรรมดาที่หัวใจซื่อๆของเราไม่อยากจะรับฟัง หัวใจนั้นมีธรรมชาติอยู่ในโลกอันแผ่กว้างลุ่มลึก ละเอียดอ่อนยืดหยุ่น เปลี่ยนแปลง เคลื่อนไหว มันไม่อาจฝืนทนการบีบจำกัด ในผู้คนที่ความคิดตกผลึก ตัวตนแข็งแห้ง เหล่านักคิด นักวิชาการผู้เชื่อว่าตนรู้เห็นเข้าใจความเป็นไปของสังคมดีแล้ว นักบวชหรือผู้แสวงหาทางจิตวิญญาณที่คิดว่าตนเห็นโลกเห็นชีวิตจนพอเพียง หยั่งรู้ และตั้งตนสอนสั่งสัจธรรมชุดหนึ่งซึ่งเชื่อว่าคือทั้งหมด ขอเราอย่าอยู่ใกล้พวกเขาเลย มนุษย์ผู้รู้น้อย รู้ไม่รอบ ซึ่งคิดว่าตนรู้ดี และพยายามยัดเยียดสิ่งที่รู้แก่ผู้อื่น ขอเรามาอยู่ร่วมกับผู้คนเดินดินธรรมดา ผู้ที่หัวใจยังไม่ถูกความคิดครอบงำ ยังเหลือธรรมชาติ สัญชาตญาณที่จะโกรธ เกลียด รัก ร้องไห้ เสียใจอย่างซื่อ ๆ รวมทั้งรู้จักเมตตา

.....................

 

สมมติว่าลูกเข้าใจแม่ เข้าใจดีทุกคำ ทั้งที่ได้พูดออกมาและละไว้ในความเงียบ วันนี้ หรือว่าวันหน้าก็ได้ ส่วนในโลกที่ไม่มีวัน ไม่มีกาล ไม่มีเด็กหรือผู้ใหญ่ วันทุกวันมีอยู่วันเดียวนั้น เราย่อมเข้าใจกันเสมอ ...

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…