Skip to main content

 

 

 

มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป พวกเขาทำกับเราเช่นนั้น เหล่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกดูดดึงด้วยเวทมนต์บางอย่าง ถูกสะกดและแปลงเปลี่ยนผัสสะด้านใน ฝนไม่เป็นฝนดังที่คุณรู้สึก เจมส์ จอยซ์ทำให้มันเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวายและโศกเศร้า คุณค่อยๆหลุดหาย หายไปในเมืองที่ดรออิ้งภูมิภาพไม่เข้มชัด ภาพเขียน ซึ่งไม่เหมือนจริง ภาพถ่ายที่คมชัดในรายละเอียด เหมือนก้อนทึบ บลุบเบลอ ทว่าแน่นหนักด้วยโทนอารมณ์รู้สึก ต่างกับเรื่องเล่าที่ดำเนินด้วยเหตุการณ์ พล็อตฉับไวของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรียงลำดับตามแบบแผน ผู้คนที่กำลังถูกไล่ล่า หรือมีชีวิตข้ามวันด้วยรูปแบบหนึ่ง เผชิญเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง คุณเฝ้าดู ติดตามและถลำล่วง บรรดาพ่อมดหมอผี ผู้ทรงอาคมแห่งปลายปากกาลักพาคุณไปยังโลกที่พวกเขาสร้าง ซึ่งเขามีอำนาจเต็มที่ จะกระทำย่ำยี ปั่นหัวคุณอย่างไรก็ได้ คุณคือนักอ่านในอุดมคติ ถูกชักจูงด้วยเรื่องเล่า หลงละเมออยู่ภายใน นานสามวันสามคืนหรืออาจถึงสัปดาห์หากหนังสือหนา ลืมเลือนที่ตัวเองเป็น จิตใจดิ่งจมอยู่ในห้วงแห่งนิยาย กลายเป็นตัวละครตั้งแต่ก้าวข้ามธรณีบทนำ เขานั่นแหละส่งเส้นด้ายเหนียว ๆ เสกสร้าง ยึดโยง เหนี่ยวรัด ลากทึ้งคุณไป สู่ท้องทะเลถ้อยคำ ดำดิ่ง แหวกว่ายไม่รู้ตัวไปจนจบเรื่อง เหล่านักประพันธ์ ผู้ที่ทำคำ “อำนาจวรรณกรรม” เป็นจริง

\\/--break--\>

สิ่งนี้กินเวลาอยู่นาน การทำงานของมันในความรู้สึก ระหว่างอ่าน ภาพภายนอกเริ่มบิดเพี้ยน แสงแดดสดสว่าง นกปีกสีฟ้า อากาศเย็นชื่นหลังฝน แดดที่ส่องลอดเมฆทอประกาย ล้วนถูกเคลือบคลุมบดบัง ทุกสิ่งสูญเสียความจริง ความสด ความเป็นหมดสิ้น คุณ-ผู้รับรู้ได้ถูกครอบงำโดยเรื่องราวเข้มข้นยืดยาวอันหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจหอบพาไปยังห้วงเวลาและสถานที่กำหนด นวนิยายมีผลต่ออารมณ์อย่างลี้ลับ บางครั้ง อย่างชั่วร้าย มันทำหัวใจคุณเต้นเร็วถี่ ผิดจังหวะ ทำให้คุณชุ่มฉ่ำ สงบผ่อนคลาย ทำให้คุณหดหู่ อ้างว้าง ขมขื่นใจ คุณต้องอาศัยเวลาสำหรับคลายมนต์ดำ หลังอ่านจบจนกลับเป็นปกติ ไม่กี่วัน คุณกลับมาเปิดเล่มใหม่ ยอมตัวต่อชู้รักเล่มต่อไป

สรรเสริญกันว่า การอ่านคือประสบการณ์ยอดเยี่ยม สร้างเสริมสติปัญญา วิจัยกันออกมา การเรียนรู้ด้วยอารมณ์ประทับฝังแน่นในจิตที่สุด ทั้งละคร หนัง หนังสือ ดนตรี ศิลปะ ดุจเดียวกับประสบการณ์ที่ส่งผลแรงกล้าในชีวิต เฉพาะอย่างยิ่งยามอ่อนวัยไร้เดียงสา ไม่อาจแยกแยะ กลั่นกรองป้องกัน บาดแผลวัยเด็กที่ส่งผลตลอดทั้งชีวิต

ประชากรหนังสือบอกเล่าความลับแก่คุณ พวกเขาไม่เคยคิดปิดบัง คุณเห็นเขาได้ในที่รโหฐาน รโหฐานทั้งจิตใจ ร่างกาย แต่ละหน้า ๆ คุณติดตามเขาไป ประดุจภูตผี รูปเงา ชั่วขณะแห่งการอ่าน พวกเขาต่างหากที่เป็นคนจริง ๆ มนต์ประพันธ์ทำคุณเป็นหมอกควัน งานเขียนที่ทรงพลังทำให้เรากลายเป็นผี ไม่มีเรื่องราวของตัวเหลือแล้ว ตัวละครต่างหากที่โลดแล่น มีเลือดเนื้อ จริงเสียจนหัวใจระบม จากนั้น ทั้งที่คุณปิดเล่ม อำลาแล้ว กลับออกมาก็ไม่มีทางเหมือนเก่า พวกเขาแฝงฝังอยู่ในตัว คุณโดนของไปแล้ว ไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิม ในตัวคุณสะสมความเจ็บปวดและประสบการณ์ของพวกนั้นไว้ เศษเสี้ยวของหญิงชรา ชายบ้า เสมียนติดอ่างแบกปมด้อย เด็กชายแปลกแยก กะลาสีเรือหรือนักเดินทางผู้กล้า ทั้งหมดทิ้งเสี้ยวชีวิตในคุณ ดีหรือไม่อย่างไรไม่รู้ สำหรับคุณ ผู้ตกเป็นทาส ผู้เสพมนต์ดำ ไม่อาจถอนตัวออกห่าง กี่เดือนกี่ปีเล่าที่รับมนต์สะกดเข้าไป มนต์พ่อมดแม่มดมือใหม่ มนต์อ่อนๆ งวยงงซึ่งส่งผลไม่นาน มนต์กวีตราตรึงลึกล้ำ มนต์นิยายวรรณกรรมจับใจไม่รู้ลืม เวทมนต์ของพ่อมดชั้นสูง ยิ่งมายิ่งกล้าแกร่งทรงพลัง คุณมีแต่เสพซ้ำ ถวิลหาวันที่จะได้เสพใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ยอมถูกกระทำย่ำยี ปล่อยตัวให้ปากกาลากพาไป บางช่วงชีวิต คุณผลุบเข้าผลุบออก หายไปเลยก็มี คุณบางคนนั่งตาลอย อยู่เหมือนไม่ได้อยู่ ขานรับหนึ่งคำ กล่าวประโยคไม่ปะติดปะต่อแล้วเงียบใบ้ แอบอยู่ในโลกหนึ่ง สนิทสนม พูดคุยแต่กับตัวละครอันเป็นที่รัก เดินเหินภายนอกแต่จิตใจอยู่ข้างใน อยู่ยังท้องทุ่ง หุบเขา เคหาสถ์บ้านเรือนของเพื่อนคุณ

อย่างนั้น หนังสือก็คือแอลเอสดี แต่มันก็กล่อมประสาทไม่มากไม่น้อยไปกว่าอย่างอื่นในโลก คุณหันหน้าหนีผู้คนพล่ามชีวิต เล่าเรื่องราวจัดวางไม่เข้าท่า หมั่นตอกย้ำในจุดที่รู้สึกสำคัญ เล่าซ้ำ ๆ พร่ำซากๆ เสียงที่กระทบอากาศแล้วพลันสลาย ไม่เกี่ยวกับการดูถูกเพื่อนมนุษย์หรอกนะ แต่มีบางที เราต้องอดกลั้น ทนฟัง

สาธยายไม่ได้ว่า อ่านหนังสือทำไม เหตุใดการอ่านจึงต้องเป็นวาระแห่งชาติ เราอ่านมาชั่วชีวิต ตั้งแต่อ่านได้ ยังไม่จำความดี คนต้องมนต์คงไม่อาจถอยมามอง แยกแยะได้หรือ ตัวเราวันนี้มีองค์ประกอบจากสิ่งใด

หนังสือร้อยพันที่ทับถมลงไป ในบึงกว้างของความคิดรู้สึก ระหว่างตัวตนเติบโตตามวัย ประสบการณ์การอ่านปะทะตอบโต้กับประสบการณ์ชีวิต สิ่งที่ตาเห็น กายประสบภายนอก สิ่งรับรู้ผ่านโลกข้างใน กินช่วงเวลายาวนานในนั้น อาจตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ กินพื้นที่เกือบทั่วทุกมุมโลก แม้เป็นเศษภาพชีวิตเล็กๆ หากไม่เคยขาดตกบกพร่อง สุข ทุกข์ ขมขื่น เจ็บปวด สูญเสีย สรรเสริญ พลาดหวัง สมหวัง รัก ชัง ชะตากรรมปัจเจก ชะตากรรมของคนกลุ่มเล็ก ๆ แม่น้ำ ป่าไม้ หนองบึง ความน่ารังเกียจสยดสยองแห่งสงคราม ความละโมบ บ้าอำนาจ การเหยียดชาติพันธุ์ มากมายมั่งคั่งอยู่ในนั้นแล้ว ไม่รู้สึกขาด คุณจึงไม่ดิ้นรนค้นหาจากแหล่งอื่น

 

 

นักอ่านนั้นอยู่ลำพัง เขากับหนังสือเล่มหนึ่ง วางไว้บนโต๊ะ วางบนตัก เดี๋ยวเปิด เดี๋ยวปิด สลับกับทอดถอนใจ ล่องลอยขบคิด เรียนรู้ผ่านวรรณกรรมอาจไร้ทิศทาง ทางเดินนั้นมีอยู่แต่มีแพร่งแยกเสมอ ให้คุณเลือกเดินอย่างอิสระ เหล่าพ่อมดไม่เคยบอกหนทาง เขาไม่นำพา ไม่เทศนา ปล่อยให้คุณค้นหาเอาเอง ทว่า หนทางบางครั้งกลับไม่นำไปสู่ที่ใด ภายหลังเตร็ดเตร่จนผมหงอกขาว พบฉัน ยืนอยู่กลางหัวใจตัวเอง มะงุมมะงาหราไปเถอะ บันเทิงในรสชาติผิดแผก บางเล่ม บางวัย คุณอ่านไม่เข้าใจ แต่กลับถูกดึงดูดด้วยบางสิ่งบางอย่าง คุณเริ่มแปลกประหลาดใจ สงสัย ขบถต่อโลก หนังสือฉีกหน้ากากที่พบ มันรู้สึกอยากกระชาก เหล่าพ่อมดพากันตีความ สร้างโลกใหม่ แล้วนำมาฉายเปรียบเทียบให้เราดู บางคนก็ช่างโหดร้าย ร่ายนิยายให้คนอ่านถูก‘โบยตี’ คนมากเล่ห์เหล่านั้นเองที่หล่อหลอมเรา

โลกภายนอกจริงอย่างนั้นหรือ โลกภายในคือความคิดฝัน? สิ่งซึ่งสดและจริง ฝนที่เย็น ต้นไม้ที่เขียว ข้างหุงสุกใหม่ที่หอม อุ่น นุ่ม จริงคือสิ่งที่ร่างกายรู้สึก? หิวที่ท้อง ทุรนทุราย หงุดหงิด อิ่มที่ใจ อุ่นที่ผิว อร่อยที่ลิ้น ไพเราะที่หู จริงที่ปัจจุบัน หาใช่เที่ยวท่องล่องลอยในความรู้สึก? ใครเล่าอาจยืนยันได้ สิ่งใดเที่ยงแท้ เท็จหรือจริง ผู้รับรู้อยู่ที่ใดก็ถือมั่นในที่นั้น ตัวละครนั้น เรื่องราวนั้นๆ โลกที่เราอยู่อาจไม่ใช่โลกเดียวเมื่อมองผ่านสายตาแตกต่าง อย่างที่เล่าขานกันซ้ำๆ เนิ่นนานมา จวงจื่อพิศวงสงกา เราคือฝันของผืเสื้อ หรือคือผู้ฝันถึงผีเสื้อกันแน่..

** เขียนให้เด็กหญิงฟองน้ำ

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…