Skip to main content

 

 

 

มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป พวกเขาทำกับเราเช่นนั้น เหล่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกดูดดึงด้วยเวทมนต์บางอย่าง ถูกสะกดและแปลงเปลี่ยนผัสสะด้านใน ฝนไม่เป็นฝนดังที่คุณรู้สึก เจมส์ จอยซ์ทำให้มันเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวายและโศกเศร้า คุณค่อยๆหลุดหาย หายไปในเมืองที่ดรออิ้งภูมิภาพไม่เข้มชัด ภาพเขียน ซึ่งไม่เหมือนจริง ภาพถ่ายที่คมชัดในรายละเอียด เหมือนก้อนทึบ บลุบเบลอ ทว่าแน่นหนักด้วยโทนอารมณ์รู้สึก ต่างกับเรื่องเล่าที่ดำเนินด้วยเหตุการณ์ พล็อตฉับไวของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรียงลำดับตามแบบแผน ผู้คนที่กำลังถูกไล่ล่า หรือมีชีวิตข้ามวันด้วยรูปแบบหนึ่ง เผชิญเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง คุณเฝ้าดู ติดตามและถลำล่วง บรรดาพ่อมดหมอผี ผู้ทรงอาคมแห่งปลายปากกาลักพาคุณไปยังโลกที่พวกเขาสร้าง ซึ่งเขามีอำนาจเต็มที่ จะกระทำย่ำยี ปั่นหัวคุณอย่างไรก็ได้ คุณคือนักอ่านในอุดมคติ ถูกชักจูงด้วยเรื่องเล่า หลงละเมออยู่ภายใน นานสามวันสามคืนหรืออาจถึงสัปดาห์หากหนังสือหนา ลืมเลือนที่ตัวเองเป็น จิตใจดิ่งจมอยู่ในห้วงแห่งนิยาย กลายเป็นตัวละครตั้งแต่ก้าวข้ามธรณีบทนำ เขานั่นแหละส่งเส้นด้ายเหนียว ๆ เสกสร้าง ยึดโยง เหนี่ยวรัด ลากทึ้งคุณไป สู่ท้องทะเลถ้อยคำ ดำดิ่ง แหวกว่ายไม่รู้ตัวไปจนจบเรื่อง เหล่านักประพันธ์ ผู้ที่ทำคำ “อำนาจวรรณกรรม” เป็นจริง

\\/--break--\>

สิ่งนี้กินเวลาอยู่นาน การทำงานของมันในความรู้สึก ระหว่างอ่าน ภาพภายนอกเริ่มบิดเพี้ยน แสงแดดสดสว่าง นกปีกสีฟ้า อากาศเย็นชื่นหลังฝน แดดที่ส่องลอดเมฆทอประกาย ล้วนถูกเคลือบคลุมบดบัง ทุกสิ่งสูญเสียความจริง ความสด ความเป็นหมดสิ้น คุณ-ผู้รับรู้ได้ถูกครอบงำโดยเรื่องราวเข้มข้นยืดยาวอันหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจหอบพาไปยังห้วงเวลาและสถานที่กำหนด นวนิยายมีผลต่ออารมณ์อย่างลี้ลับ บางครั้ง อย่างชั่วร้าย มันทำหัวใจคุณเต้นเร็วถี่ ผิดจังหวะ ทำให้คุณชุ่มฉ่ำ สงบผ่อนคลาย ทำให้คุณหดหู่ อ้างว้าง ขมขื่นใจ คุณต้องอาศัยเวลาสำหรับคลายมนต์ดำ หลังอ่านจบจนกลับเป็นปกติ ไม่กี่วัน คุณกลับมาเปิดเล่มใหม่ ยอมตัวต่อชู้รักเล่มต่อไป

สรรเสริญกันว่า การอ่านคือประสบการณ์ยอดเยี่ยม สร้างเสริมสติปัญญา วิจัยกันออกมา การเรียนรู้ด้วยอารมณ์ประทับฝังแน่นในจิตที่สุด ทั้งละคร หนัง หนังสือ ดนตรี ศิลปะ ดุจเดียวกับประสบการณ์ที่ส่งผลแรงกล้าในชีวิต เฉพาะอย่างยิ่งยามอ่อนวัยไร้เดียงสา ไม่อาจแยกแยะ กลั่นกรองป้องกัน บาดแผลวัยเด็กที่ส่งผลตลอดทั้งชีวิต

ประชากรหนังสือบอกเล่าความลับแก่คุณ พวกเขาไม่เคยคิดปิดบัง คุณเห็นเขาได้ในที่รโหฐาน รโหฐานทั้งจิตใจ ร่างกาย แต่ละหน้า ๆ คุณติดตามเขาไป ประดุจภูตผี รูปเงา ชั่วขณะแห่งการอ่าน พวกเขาต่างหากที่เป็นคนจริง ๆ มนต์ประพันธ์ทำคุณเป็นหมอกควัน งานเขียนที่ทรงพลังทำให้เรากลายเป็นผี ไม่มีเรื่องราวของตัวเหลือแล้ว ตัวละครต่างหากที่โลดแล่น มีเลือดเนื้อ จริงเสียจนหัวใจระบม จากนั้น ทั้งที่คุณปิดเล่ม อำลาแล้ว กลับออกมาก็ไม่มีทางเหมือนเก่า พวกเขาแฝงฝังอยู่ในตัว คุณโดนของไปแล้ว ไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิม ในตัวคุณสะสมความเจ็บปวดและประสบการณ์ของพวกนั้นไว้ เศษเสี้ยวของหญิงชรา ชายบ้า เสมียนติดอ่างแบกปมด้อย เด็กชายแปลกแยก กะลาสีเรือหรือนักเดินทางผู้กล้า ทั้งหมดทิ้งเสี้ยวชีวิตในคุณ ดีหรือไม่อย่างไรไม่รู้ สำหรับคุณ ผู้ตกเป็นทาส ผู้เสพมนต์ดำ ไม่อาจถอนตัวออกห่าง กี่เดือนกี่ปีเล่าที่รับมนต์สะกดเข้าไป มนต์พ่อมดแม่มดมือใหม่ มนต์อ่อนๆ งวยงงซึ่งส่งผลไม่นาน มนต์กวีตราตรึงลึกล้ำ มนต์นิยายวรรณกรรมจับใจไม่รู้ลืม เวทมนต์ของพ่อมดชั้นสูง ยิ่งมายิ่งกล้าแกร่งทรงพลัง คุณมีแต่เสพซ้ำ ถวิลหาวันที่จะได้เสพใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ยอมถูกกระทำย่ำยี ปล่อยตัวให้ปากกาลากพาไป บางช่วงชีวิต คุณผลุบเข้าผลุบออก หายไปเลยก็มี คุณบางคนนั่งตาลอย อยู่เหมือนไม่ได้อยู่ ขานรับหนึ่งคำ กล่าวประโยคไม่ปะติดปะต่อแล้วเงียบใบ้ แอบอยู่ในโลกหนึ่ง สนิทสนม พูดคุยแต่กับตัวละครอันเป็นที่รัก เดินเหินภายนอกแต่จิตใจอยู่ข้างใน อยู่ยังท้องทุ่ง หุบเขา เคหาสถ์บ้านเรือนของเพื่อนคุณ

อย่างนั้น หนังสือก็คือแอลเอสดี แต่มันก็กล่อมประสาทไม่มากไม่น้อยไปกว่าอย่างอื่นในโลก คุณหันหน้าหนีผู้คนพล่ามชีวิต เล่าเรื่องราวจัดวางไม่เข้าท่า หมั่นตอกย้ำในจุดที่รู้สึกสำคัญ เล่าซ้ำ ๆ พร่ำซากๆ เสียงที่กระทบอากาศแล้วพลันสลาย ไม่เกี่ยวกับการดูถูกเพื่อนมนุษย์หรอกนะ แต่มีบางที เราต้องอดกลั้น ทนฟัง

สาธยายไม่ได้ว่า อ่านหนังสือทำไม เหตุใดการอ่านจึงต้องเป็นวาระแห่งชาติ เราอ่านมาชั่วชีวิต ตั้งแต่อ่านได้ ยังไม่จำความดี คนต้องมนต์คงไม่อาจถอยมามอง แยกแยะได้หรือ ตัวเราวันนี้มีองค์ประกอบจากสิ่งใด

หนังสือร้อยพันที่ทับถมลงไป ในบึงกว้างของความคิดรู้สึก ระหว่างตัวตนเติบโตตามวัย ประสบการณ์การอ่านปะทะตอบโต้กับประสบการณ์ชีวิต สิ่งที่ตาเห็น กายประสบภายนอก สิ่งรับรู้ผ่านโลกข้างใน กินช่วงเวลายาวนานในนั้น อาจตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ กินพื้นที่เกือบทั่วทุกมุมโลก แม้เป็นเศษภาพชีวิตเล็กๆ หากไม่เคยขาดตกบกพร่อง สุข ทุกข์ ขมขื่น เจ็บปวด สูญเสีย สรรเสริญ พลาดหวัง สมหวัง รัก ชัง ชะตากรรมปัจเจก ชะตากรรมของคนกลุ่มเล็ก ๆ แม่น้ำ ป่าไม้ หนองบึง ความน่ารังเกียจสยดสยองแห่งสงคราม ความละโมบ บ้าอำนาจ การเหยียดชาติพันธุ์ มากมายมั่งคั่งอยู่ในนั้นแล้ว ไม่รู้สึกขาด คุณจึงไม่ดิ้นรนค้นหาจากแหล่งอื่น

 

 

นักอ่านนั้นอยู่ลำพัง เขากับหนังสือเล่มหนึ่ง วางไว้บนโต๊ะ วางบนตัก เดี๋ยวเปิด เดี๋ยวปิด สลับกับทอดถอนใจ ล่องลอยขบคิด เรียนรู้ผ่านวรรณกรรมอาจไร้ทิศทาง ทางเดินนั้นมีอยู่แต่มีแพร่งแยกเสมอ ให้คุณเลือกเดินอย่างอิสระ เหล่าพ่อมดไม่เคยบอกหนทาง เขาไม่นำพา ไม่เทศนา ปล่อยให้คุณค้นหาเอาเอง ทว่า หนทางบางครั้งกลับไม่นำไปสู่ที่ใด ภายหลังเตร็ดเตร่จนผมหงอกขาว พบฉัน ยืนอยู่กลางหัวใจตัวเอง มะงุมมะงาหราไปเถอะ บันเทิงในรสชาติผิดแผก บางเล่ม บางวัย คุณอ่านไม่เข้าใจ แต่กลับถูกดึงดูดด้วยบางสิ่งบางอย่าง คุณเริ่มแปลกประหลาดใจ สงสัย ขบถต่อโลก หนังสือฉีกหน้ากากที่พบ มันรู้สึกอยากกระชาก เหล่าพ่อมดพากันตีความ สร้างโลกใหม่ แล้วนำมาฉายเปรียบเทียบให้เราดู บางคนก็ช่างโหดร้าย ร่ายนิยายให้คนอ่านถูก‘โบยตี’ คนมากเล่ห์เหล่านั้นเองที่หล่อหลอมเรา

โลกภายนอกจริงอย่างนั้นหรือ โลกภายในคือความคิดฝัน? สิ่งซึ่งสดและจริง ฝนที่เย็น ต้นไม้ที่เขียว ข้างหุงสุกใหม่ที่หอม อุ่น นุ่ม จริงคือสิ่งที่ร่างกายรู้สึก? หิวที่ท้อง ทุรนทุราย หงุดหงิด อิ่มที่ใจ อุ่นที่ผิว อร่อยที่ลิ้น ไพเราะที่หู จริงที่ปัจจุบัน หาใช่เที่ยวท่องล่องลอยในความรู้สึก? ใครเล่าอาจยืนยันได้ สิ่งใดเที่ยงแท้ เท็จหรือจริง ผู้รับรู้อยู่ที่ใดก็ถือมั่นในที่นั้น ตัวละครนั้น เรื่องราวนั้นๆ โลกที่เราอยู่อาจไม่ใช่โลกเดียวเมื่อมองผ่านสายตาแตกต่าง อย่างที่เล่าขานกันซ้ำๆ เนิ่นนานมา จวงจื่อพิศวงสงกา เราคือฝันของผืเสื้อ หรือคือผู้ฝันถึงผีเสื้อกันแน่..

** เขียนให้เด็กหญิงฟองน้ำ

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เชื่อในพระองค์จึงมุ่งหวังถึงสิ่งดีพร้อม เชื่อในตัวตนบริสุทธิ์ หัวใจสะอาดสมบูรณ์ ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันตั้งใจอย่างดีที่สุด ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำด้วยหัวใจ ถึงอย่างนั้น ภายหลัง มักรู้สึกเสมอว่า ยังมีดีที่สุดมากกว่านั้นรอคอยอยู่ เมื่อได้เห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเอง ขี้เกียจ ขาดวินัย หรือว่าเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น น้องชาย ตัวสูงใหญ่ บางถ้อยเผลอไผล วาดหวังเหรียญเงินและเหรียญทองแดง รางวัลชมเชยนั้นไว้คิดถึงมันยามต้องทำใจปล่อยวางไม่ดีกว่าหรือ เมื่อลงแรงลงใจทำสิ่งใด น่าจะใช้หนทางธรรม อยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม…
รวิวาร
ถ้อยคำทำให้ฉันเต็มอิ่มสดชื่น ถ้อยคำเหมือนฝนโปรยปราย ฉันเขียนถ้อยคำ ทำให้เกิดฝน เขียนตัวเองออกยืนอ้าแขน รับละอองฝนโปรย ฉันอ้าปากเหมือนเด็กน้อย ฝนหยดจิ๋วแตะลงบนลิ้น ความกระหายมากมายไม่อาจดับสิ้น พายุทำให้กระปรี้กระเปร่ามีพลัง พายุสร้างถ้อยคำในตัวฉัน เมื่อพายุพัด สายลมในกายหมุนวน มันได้ยินเสียงกู่ร้อง มันอยากออกไปหาพวกพ้องของมัน มันขับฉัน ผลักไสเท้าทั้งสองให้ออกไปโลดแล่นในทุ่งกว้าง ให้สายลมกรูเกรียวผ่านร่าง บังคับให้ฉันหมุนตัว เต้นระบำกับเกลียวพายุ หัวใจส่งเสียงคำรามเมื่อสายลมกู่ก้องออกจากป่า ลมร้องเริงร่าที่กิ่งไม้ รัวใบไม้แทนระนาดเงินใบเล็ก ๆ พายุโจมตีหลังคา…
รวิวาร
  ฉันรู้ว่า เธอต้องการใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและมั่นคง ผู้หญิงคนนั้น สตรีร่างยักษ์ซึ่งเคยก้มลงมายังเธอ ยิ้มอย่างใจดี แววเอ็นดูท้นอยู่ในดวงตา แล้วต่อมา ร่างของเธอกลับยืดสูง ขยายขึ้น เธอตัวสูงกว่าหญิงคนนั้น การรับรู้ของหล่อนเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่หล่อนต้องคอยกางปีกปกป้อง ทว่า ข้างในเธอกลับยังโหยหาวงแขนนั้น เธออยู่ระหว่างการต้องการการอารักขา และการยืนหยัดด้วยตัวเอง เหมือนรอยต่อระหว่างรัตติกาลและสนธยา มืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนและคนตัวโตอื่น ๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างไร บางครั้งเข้มงวดเหมือนเด็กเล็ก ๆ บางคราวปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นผู้ใหญ่…
รวิวาร
ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ…
รวิวาร
ลมหนาวยังไม่มาเยือน แต่อาคันตุกะมากหน้าแวะเวียนผ่านมาหลายคราแล้ว ชานหน้าบ้านกลายเป็นที่ชุมนุมคารวะดื่มด่ำภูเขา หมาแมววิ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เห่าเสียงเครื่องยนต์ไม่คุ้นหู ยื่นหน้ามาสูดกลิ่นยั่วน้ำลายในโตก ความรื่นเริงของหมู่มิตรอึกทึกแข่งเสียงนกในทุ่งสงัด แนวเทือกเขาซ้อนเหลื่อมชายแดนค่อย ๆ เผยเรื่องเล่าผ่านริมฝีปากพี่ชาย* ย้อนไปตั้งแต่ครั้งที่เรายังเด็ก ยามโถงรับแขกของทุกบ้านมีดอกฝิ่นแห้งประดับแจกัน การแตกแยกอันนำไปสู่สงครามระหว่างชนเผ่าในประเทศเพื่อนบ้าน การติดตามไล่ล่าข้ามดอย รบพุ่ง ทิ้งซากร่างและเม็ดกระสุนในเขตเชียงดาว ผืนโลกอัดแน่นด้วยเรื่องราว ตามเส้นทางลัดเลาะบนโขดเขาสีน้ำเงิน…
รวิวาร
ฝนมาเพียงไม่กี่ฝนเท่านั้น กิ่งสักโล้นโกร๋นก็ผลิใบกว้าง สีเขียวถูกเทระบายลงแทนสีแดง วันเว้นวันฟ้าหม่นมัว สีเทาดำปื้นเหมือนหมึกฉาบลงบนเมฆในท้องฟ้าก่อนซัดซ่าลงมาเป็นสายน้ำสีขาว เราจ้างคนมาขุดบ่อลึกลงไปอีกเมื่อปลายเมษาฯ ค่าแรงสำหรับตาน้ำใหม่คิดตามอัตราชนชั้นกลางในหมู่บ้าน (แพงกว่าปกติ) เพียงสัปดาห์ผ่าน ฝนกลับกระหน่ำลงมา บ่อเล็ก ๆ ของเราไม่เคยแห้งอีกเลย จากนั้น ลืมๆ เลือนๆ ไปบ้าง แล้วสวนกว้างก็เขียวขจีด้วยพงหญ้า เหมือนที่ภูเขา เรือกสวน ไร่นาและท้องทุ่ง ในตลาดและเพิงหญ้ารายทาง หน่อไม้แรกของปีขาวผ่อง เห็ดเผาะอ่อนๆ เยี่ยมหน้ามาในกรวยใบตองตึง ตามอย…
รวิวาร
  แซงแซวหางบ่วง คืออาคันตุกะตัวใหม่แห่งท้องทุ่งและคาคบ ตัวยาวเรียวสีออกดำ คาบหญ้าแห้ง บินผ่านต้นมะขามที่เพิ่งแตกใบอ่อน ผ่านกอกล้วยกอไผ่ โฉบสูงขึ้นไปบนคบไม้ ทิ้งรอยเรียวหางแฉกยาวไว้เป็นทางไม้ใหญ่หน้าบ้านเป็นอาณาจักรของหมู่นก ฤดูฝน ฤดูแห่งความสมบูรณ์ของพื้นพิภพ นกมากมายบินมาอาศัย เรารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่อยากเปิดหนังสือ ท่องชื่อนกหรือดวงดาว ฉันอยากรู้จักพวกเขาเป็นส่วนตัว จากพฤติกรรมที่เขาสัมพันธ์กับเรา จะได้จดจำกันด้วยหัวใจ ด้วยความรู้สึก ‘เธอ’ ไม่ใช่นกเอี้ยงสาลิกา ซึ่งเลิกมาทะเลาะกันบนหลังคาบ้านฉันสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นนกขนาดย่อม…
รวิวาร
เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอ ฉันมักจะฝันถึงเธอเสมอเวลาที่เราอยู่ไกลห่าง เธอยังเหมือนเดิม ส่งเสียงแจ้ว ๆ ไถ่ถามสิ่งต่าง ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เธอคือเด็กน้อยน่ารักที่สุด ความรู้สึกของเธอ หัวใจของเธอ ฉันรู้จักดีที่สุด แม่ของเธอคิดถึงเธออยู่นะสาวน้อย พ่อทางใจน้ำตาคลอขณะพับเสื้อกระโปรงตัวจิ๋วของนกน้อยต้อยตีวิด ส่วนพี่สาวที่ชอบข่มขู่ดุว่า แต่ก็ถลาไปปกป้องน้องยามมีภัยบ่นอยู่นั่นแล้วว่า คิดถึงเธอเหลือเกิน ใครจะรู้สึกถึงดินฟ้าได้เท่าเจ้านกน้อย สำหรับเธอแล้ว ก้อนกรวดที่พบตามพื้นดินหรือในลำธารสวยเสียจนต้องเก็บมาพินิจ เช่นเดียวกับลูกปัด ลูกแก้ว พลาสติกหรือพลอยเทียมราคาถูก ต้นไม้ดอกไม้ แมลงตัวเล็ก…
รวิวาร
ฤดูกาลแห่งดอกผล .............ก่อนหน้านี้ความไม่รู้พาเราไปอยู่ไหน  ที่เราเห็นคือกิ่งแห้ง ๆ ใบจุด ๆ สีดำ  ทว่า เวลานี้ หลังจากที่ฤดูฝนพ้นผ่าน หนาวจากจาง  ใบใหม่สีเขียวอ่อนงอกแซมตามกิ่งเก่า  สัปดาห์ เดือนผ่าน กระทั่งเข้ม เขียวขลับ  พร้อมกันกับช่อดอกเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อน หอมละมุนขจรขจาย  และกำลังจะกลายเป็นผล ...ต้นลำไยที่เคยทอดอาลัย   โมกสองต้นหน้าระเบียงผลิใบใหม่เขียวขจี รายเรียงตามกิ่งก้านคล้ำเข้ม...พี่ชาย ‘ชนกลุ่มน้อย’ มาถึงบ้านพร้อมด้วยเมล็ดกาแฟคั่วบด และค่าเรื่อง  รอยยิ้มอบอุ่นบอกกล่าวถ้อยคำมากมาย  .............
รวิวาร
เหมือนความต้องการไม่รู้จบ ... ยามเช้า จะดีเสียกว่า หากปราศจากเสียงจากหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน  ฉันต้องการเพียงสรรพสำเนียงยามเช้า  ที่ผู้เป็นเอกคือเหล่านกน้อย  โดยเฉพาะนักร้องนำดุเหว่าแห่งวงมโหรีไม้ใหญ่   เจ้านกส่งเสียงเซ็งแซ่ เริงร่า มีชีวิตชีวาทุก ๆ เช้า  เริ่มรุ่งอรุณอันสดใหม่  แล้วที่เหลือจากนั้น  ขอเพียงเสียงแผ่ว ๆเคล้าระคนจากชีวิตน้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ตามคบไม้ พงหญ้า   ท้องฟ้าจะได้ค่อย ๆ ซ่านแสงสี  ดวงตะวันจะได้เผยโฉมออกมาโดยปราศจากคนรบกวนเมื่อแรกเห็น  เราดีใจว่าที่นี่ไม่เปลี่ยวร้างเกินไป  ถนนเงียบสงบลาดผ่าน …
รวิวาร
สีแดงมาจากไหน  ล่องหนอยู่ในน่านฟ้าหรือ?...  เริ่มละเลงลงบนใบหูกวาง ชมพูแซมแทรกด้วยแดง  ระบายจุดสีคล้ำตามใบ ก่อนเคลือบด้วยน้ำตาล  ฤดูกาลคืบคลานมาช้า ๆ  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงขีดสุดกลางเดือนเมษาฯเหยี่ยวดำคู่ผัวเมียแห่งเชิงผาหายไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ดุเหว่าร่อนร้องทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ...กาเว๊า ๆ   เหยี่ยวทุ่งสีขาวเทาเยี่ยมหน้า  โฉบร่อนตามแนวถนน  บนกิ่งไม้และเหนือทุ่ง   ผืนดินเริ่มแห้ง  ต้นหญ้าสลดเฉาดุจเดียวกับพืชผล  มะเขือเทศข้างร่องน้ำผลิลูกเล็ก ๆ สีอ่อน ไม่ทันไรก็สุกแดง แห้งเหี่ยวหมดทั้งต้น  …
รวิวาร
นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่เรารู้จัก  ฉันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์  คนบางคนเหมือนสิ่งไม่คาดฝัน  อยู่ตรงหน้า พบเห็นเจนตา  ทว่า เมื่อคลี่เผยตัวตนออกมากลับงดงามยิ่ง................................................................พี่ดีใจที่ได้รู้จักและสนิทสนมกับน้อง  แม้ว่าสายตาหลายคู่ที่มองผ่านอาจเห็นเพียงหญิงสาวกะโปโลเริงร่า   ทว่า พี่ได้พบหลายสิ่งหลายอย่างไม่ธรรมดาในตัวน้อง