Skip to main content

คุณไม่ได้เป็นอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็น แต่กลับอาศัยงาน ภารกิจเล็กๆที่รับมอบพาไหลเลื่อนไปสู่ประตูที่เปิดกว้าง  บ้าน หญิงสูงวัย รั้วไม้ไผ่ที่เถาถั่วสีเขียวอมม่วงเลื้อยอิง กระจุกดอกเล็กๆกลีบอ่อนนุ่มและฝักสีม่วงชุ่มชูทาบท้องฟ้า ฟ้าสีฟ้าแจ่มแห่งฤดูหนาวเท่านั้น คุณมีสมุด ปากกา กล้องถ่ายรูปมาด้วย จริงอยู่ ปากขยับ ไถ่ถาม แนะนำตัว บอกที่มา คุณมาทำไม มาขอข้อมูลถั่วที่ออกดอกใหม่เอี่ยมนั่นไง  เหมือนมีตัวเองอยู่สองชั้น พูด ยิ้ม ถาม หัวเราะและหยุด สัตว์สังคมที่ฝึกมากับภายในซึ่งไร้ภาษา ซึมซับสิ่งที่ดวงตาดูดดื่ม สีหน้าของหญิงทั้งสอง  สำเนียงยองดอยสะเก็ดจากใบหน้า เหนือคิ้ว และบางแววตาซึ่งซ่อนความนิ่งขรึม กับอีกดวงหน้างาม วาจาไพเราะ เจือความสุขความเอื้อเอ็นดูอยู่ในทุกกระแสเสียง
\\/--break--\>

พวกเราเรียกเขาว่า ‘แม่’ บางทีก็ ‘ป้า’  แต่พวกเขาเรียกคำนำหน้าชื่อกันและกันว่าแม่  แม่เกี๋ยง แม่บัว แม่ก๋อง แม่คำ แม้เมื่อเยาว์อาจเอ่ยขาน ‘พี่’  นาน เนิ่นนานมาแล้ว ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ล้วนเป็นแม่ของเรา และเราคือ ‘ลูก’ ส่วนพ่อลุงผู้ชายทั้งหลาย ก็พึ่งพิงเคารพได้คล้ายพ่อ แม้ไม่ใช่ญาติเชื้อ

แม่บัวคำบอกว่า ‘ถั่วนี้แม่ไม่ได้ปลูกลูก มันขึ้นเอง แม่อุ๊ยแดงที่ตายแล้วเป็นคนปลูก’ นางขุดหลุม หยอดเมล็ดไว้ที่ริมรั้ว พอฟ้าฝนโปรย ต้นถั่วก็งอกขึ้น มะแปบมะบอยที่กินกันมาตั้งแต่รุ่นอุ๊ยหม่อน  เหมือนผักไผ่ ผักคาวตองที่ใช้แกล้มกินกับลาบ แค่กลุ่มหลังใช้เด็ดยอดชำใหม่เมื่อต้นเก่าโทรมลงเท่านั้น ฝนตกคราใด ถั่วที่ปลูกนี้ก็งอกใหม่เหมือนเนรมิต

บางวูบ มันน่าขัน แต่พวกเขาก็ไม่รังเกียจ ตอบคำถามตามหัวข้อกำหนด ขอทราบเหตุผลที่ปลูกค่ะ แล้วจะปลูกต่อไปไหมคะ? ทั้งที่ฉันเองรู้ดี ฉันว่าฉันรู้ ฉันเห็นอยู่ จากหม้อแกงและเตาอั้งโล่ของเขา จากใบหน้า วิถี และคำบอกเล่าซึ่งย้ำเตือนสิ่งรู้เห็นมาแต่วัยเยาว์ แต่ใครเล่าจะเอาความรู้สึกไปเป็นหลักฐาน

เหมือนคุณยายที่จากไปของฉัน แม่อุ๊ยแม่ป้าทุกหมู่บ้านซึ่งหายใจในรอยทางเก่า รอบอาณาจักรบ้านเรือนของนาง เขียวชื่นสดฉ่ำด้วยพืชผัก ริมรั้ว บนค้าง หรือโอ่งอ่างกระถางเก่า ทั้งเครื่องเทศ เครื่องชูรสโรยหน้า และผักหลักๆสำหรับต้มแกง ขณะสามีจับจองดอกเหงื่อในไร่นา ผลิต อาหารหลัก-ข้าว ผัวกับลูกชาย บางครั้งได้นางและลูกสาว ทำหน้าที่เกี่ยวเก็บโกยเมล็ดเหลืองทองฟาดและฝัดเรียงเม็ดขึ้นยุ้ง ส่วน ‘กับ’ สิ่งคู่กันกับข้าวนั้นอยู่ในความดูแลของนาง ไม่มีใครกินข้าวกับพริกเกลือตลอด 365 วันได้ นางจะเดินลงทุ่งลงหนองบ้าง เก็บผักบุ้ง ผักแว่น หาหอย ปู ปลา ที่ดีกว่านั้น คือคว้าผักริมรั้วใกล้ๆ   



คุณยายเถิง โพธิ


ป้าว่า ไม่มีใครปลูกมะแปบ มะบอยขายส่งหรอก กินกันอยู่แค่นี้ อย่างคนเมืองเฮา ไม่ใช่อาหารขึ้นเหลา แม้ยอดมะเขือเครือจะถูกเชิดชูได้ชื่อใหม่เป็นภาษาญี่ปุ่น เฮาแค่ปลูกไว้กิน เผื่อข้างบ้านบ้าง คั่ว ยำ หรือแกงมะแปบ เผ็ด เค็ม หอมหวานปะแล่มๆ ส่วนมะบอย ไว้แกะเมล็ดใส่แกงแค เมล็ดอ่อนสีเขียว เมล็ดลายริ้วสีชมพู เมล็ดแก่สีแดง เด็กน้อยชอบนัก ใช้ช้อนแกงคุ้ยตัก เคี้ยวเม็ดถั่วกลมๆต่างขนม

 


ฝักถั่วบ้ง

 

 
มะแปบม่วง

 

ป้าบัวคำซึ่งก้มหน้าเช็ดใบตองง่วนบอก ยามไปส่งข้าวต้มมัดใส่ถั่วใส่กล้วยก็เก็บมะแปบที่กินไม่ทัน แกะเม็ดมะบอยที่เหลือใส่จานไปขาย  ห้าบาทสิบบาท บางทีมากกว่านั้นที่ได้เข้าพกเข้าห่อ หรือเป็นค่ากะปิ น้ำปลา สิ่งไม่อาจปลูกทั้งหลาย คุณยายเถิงบ้านไม่ใกล้ไม่ไกลก็เหมือนกัน นางนำถั่วบ้ง ถั่วขนอ่อนอุยฝักใหญ่ที่ได้จากคนลีซูต้มเกลือแล้วนำไปขาย

 


เม็ดมะบอย


..................................................


ยามเย็นที่ถนนในเมือง แดดรอนๆสาดแสงสุดท้ายผ่านยอดไม้มาจากดอยนาง หญิงชราผมสีหงอกเงิน หลังโค้งเหมือนคันเบ็ดอ่อนๆ แววตาแจ่มใส ท่วงทีกระฉับกระเฉงนั่งอยู่บนอานจักรยาน เหลียวหน้าแลหลัง หาจังหวะพารถถีบรุ่นเก่าข้ามถนนไปจอดยังตลาด กระบุงข้างท้ายมีขนมตะโก้กับขนมใส่ไส้ที่ลุกขึ้นมาทำแต่เช้า

บันไดบ้านยายสูงชันปราศจากราวจับ ฉันเอ่ยตามมารยาท ‘ลำบากเหมือนกันเนาะยาย บันไดหลายขั้น’ พร้อมกับยื่นแขนให้จับ  ยายเดินไวไม่รับ กลับส่งสายตาห่วงใย ‘ลูกคงไม่ชิน เดินระวังๆ ยายน่ะสบาย ขึ้นลงทุกวัน’

เราไปดูต้นถั่วในสวน ถั่ววิเศษของแจ็ค ต้นเดียวแต่เลื้อยรก แผ่กว้างเต็มลาน ปราบหญ้าผิวดินเสียเกลี้ยง ฝักก็ใหญ่เบ้อเร้อเบ้อร่า แกะเมล็ดกินไม่เท่าไหร่ก็อิ่ม ถั่วบ้ง หน้าตาเหมือนตัวบุ้งนี้เหมาะไปทางของขบเคี้ยวแบบถั่วลิสงต้ม แต่ยายว่าเอาไปผัดก็น่าจะลำดี   

แม่ญิงหว่านอาหารฝากฟ้า แม่ฟ้าแม่ฝนช่วยดูแล พ่อจายฝากข้าวกับท้องนาและลำเหมือง พ่อขุนเขาป่าไม้ส่งน้ำมา ไม่มีพ่อซุปเปอร์มาร์เก็ตแม่อาหารแช่เย็น ไม่มีค่าขนส่งหรือภาษี ณ ที่จ่าย ผักหญ้าพื้นบ้านปลูกง่ายๆ ขายใกล้ๆ  
‘ถั่วบ้านๆแบบนี้ฉีดยาไม่ได้นะ ใส่ปุ๋ยเคมีก็สำลักตาย’ ป้าบอก  ‘เราไม่ต้องดูแล บ่ต้องเปิดตำราศึกษาวิธี แค่ปลูกทิ้งๆเหมือนปู่ย่าตายายพาทำ ถึงเวลาก็เก็บกิน ขยันหน่อยก็รดน้ำยามแล้ง มันก็จะออกฝักต่อเอง’

เหมือนห่อห้อมด้วยความสุข คุณก็ไม่รู้ด้วยเหตุใด ขี่มอเตอร์ไซค์ ยิ้มไปตลอดทาง คุณไม่สนเรื่องข้อมูล คุณค่าอะไรนัก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อสามัญไม่รู้จัก น้ำหนักใจมันไหลเอียงไปข้างหนึ่ง สู่ทุกสิ่งที่สัมผัส ซึ่งหลอมเป็นบรรยากาศตั้งแต่จากรั้วบ้าน ใบหน้า อากัปกิริยา สิ่งที่พวกเขาทำ ที่ที่พวกเขาอยู่

ไม่ใช่พื้นลาดคอนกรีต แต่เป็นลานดินกว้าง ไม่ใช่แอร์คอนดิชั่น แต่เป็นโรงเรือนไร้ฝา มุงหญ้าคา มีลมพัดโกรก ซึ่งเขานั่งคุยไปทำงานไปอยู่บนแคร่ใหญ่  ลุงชราเหลาตอกอยู่ใต้ร่มลำไย ขณะหมาผอมป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆอย่างจงรัก...ยังคงเป็นจังหวะเดิม ช้าเชือน ไม่รีบร้อน เหมือนไม่มีจุดหมาย มีชีวิตอยู่ หายใจ สุขสบาย วันต่อวัน ขณะแต่ละขณะ คุณโรแมนติกหรือคิดไปเองหรือเปล่า? ไม่หรอก คุณรู้สึก...

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
บ่อน้ำ... คำนี้ช่างชุ่มเย็นหวานฉ่ำ ซุกซ่อนอยู่ในร่มเงาไม้ ที่ละอองไอชื้นแผ่มาจากบ่ออิฐตะไคร่คร่ำ เมื่อลัดจากทุ่งร้อนเปรี้ยงหรือผ่านมาตามถนนสีแดง คนเดินทางถูกดึงดูดสู่ร่มเงา ถอยจากเปลวแดดเต้นยิบ ความกระหายเผารมลำคอ เขาก้มมองลงไป มืด ชื้นฉ่ำ ได้ยินเสียงน้ำเย็นเสนาะใสอยู่เบื้องใต้ หันซ้ายแลขวา พบหลักไม้ กิ่งไม้ หรืออาจวางเค้เก้อยู่บนดิน ครุ กระชุชันยา หรือถังน้ำพร้อมเชือก...
รวิวาร
ก่อนหนาวคลาย เขามีงานมหกรรมดนตรีชนเผ่าที่ค่ายเยาวชนใกล้ๆน้ำพุร้อน ปะทะกับแคมป์ดนตรี ชีวิต วิญญาณของชาวญี่ปุ่น  หนึ่งในสามสี่คืน บนเวทีใหญ่ พี่น้องหลากเผ่าทั่วเชียงดาว ไต ลีซู ลาหู่ ดาระอั้งฯลฯ ส่งตัวแทนขึ้นแสดงนาฏการบนเวที แจมด้วยดนตรีโฟล์คซองจากหนุ่มญี่ปุ่น  คืนอื่นๆที่เหลือล้วนเป็นของชาวแจแปน  มีอยู่คืนเหมือนว่าเป็นคืนของเรา เรียก’เรา’ นั่นล่ะ ด้วยว่าพรรคพวกหมู่เฮามากันหลาย  สุดสะแนนปิดร้านยกวงมา พี่ตุ๊ก บราสเซอรี่กีตาร์เทพก็มา รวมทั้งน้าหงา น้าหว่องและวงคาราวาน  คืนนั้นมากหน้าหลายตา แต่ก็คนกันเอง รู้จักคุ้นหน้า บ้างมาร่วมงานเฉยๆบ่ได้แจมดนตรี …
รวิวาร
* แต หรือเขียง สิ่งก่อสร้างสำหรับแบ่งน้ำในลำเหมือง มี ต๊าง บากเป็นช่องสำหรับให้น้ำผ่านตามที่ตกลงกันไว้ว่าจะปันให้นาแต่ละเจ้าเท่าใด * อ่าน จุดจบแห่งจินตนาการ  อรุณธตี รอย
รวิวาร
คุณไม่ได้เป็นอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็น แต่กลับอาศัยงาน ภารกิจเล็กๆที่รับมอบพาไหลเลื่อนไปสู่ประตูที่เปิดกว้าง  บ้าน หญิงสูงวัย รั้วไม้ไผ่ที่เถาถั่วสีเขียวอมม่วงเลื้อยอิง กระจุกดอกเล็กๆกลีบอ่อนนุ่มและฝักสีม่วงชุ่มชูทาบท้องฟ้า ฟ้าสีฟ้าแจ่มแห่งฤดูหนาวเท่านั้น คุณมีสมุด ปากกา กล้องถ่ายรูปมาด้วย จริงอยู่ ปากขยับ ไถ่ถาม แนะนำตัว บอกที่มา คุณมาทำไม มาขอข้อมูลถั่วที่ออกดอกใหม่เอี่ยมนั่นไง  เหมือนมีตัวเองอยู่สองชั้น พูด ยิ้ม ถาม หัวเราะและหยุด สัตว์สังคมที่ฝึกมากับภายในซึ่งไร้ภาษา ซึมซับสิ่งที่ดวงตาดูดดื่ม สีหน้าของหญิงทั้งสอง  สำเนียงยองดอยสะเก็ดจากใบหน้า เหนือคิ้ว…
รวิวาร
ฉันมองโลกจากตัวฉัน เฝ้าดู เพ่งพินิจพิจารณาสิ่งละอันพันละน้อยที่อยู่รอบตัวด้วยดวงตาของผู้หญิงคนหนึ่ง ดักจับภูมิภาพตามลักษณะอารมณ์ความคิดแห่งเพศของเธอ  มักไม่ใคร่เห็น ตื่นเต้นเลยไกลถึงสิ่งยิ่งใหญ่ ขับดันโลก ไม่สนิทสนมคุ้นเคยเกี่ยวแก่การบ้านการเมือง จดจำตัวเลข สถิติ หรือข้อมูลทางวิชาการไม่ใคร่ได้ เพียงคิด ดู และพรรณนาไปตามความรู้สึก หญิงอื่นอาจรอบรู้เก่งกาจแตกต่าง แหละความเป็นหญิงอาจไม่ใช่ข้ออ้าง ฉันเพียงบอกเล่าจากมุมของตน
รวิวาร
  ตัวเป็นๆ   ‘อาว์’ อยู่บนรถเข็น มองมาด้วยดวงตาลึกงัน รอบข้างคือความเคลื่อนไหว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การพูดคุยโบกไม้โบกมือ สตริงควอเท็ตมือสมัครเล่นจบไปแล้วค่ำนั้น งานหนังสือในสวน  ข้าพเจ้าเดินผ่านสายตากราดปะทะ แต่มิได้เข้าไปหา  เหมือนโลกหยุดนิ่งชั่วขณะ ช่วงเวลาอันควรมาถึง แต่ข้าพเจ้ากลับปล่อยผ่าน ลูกและสามีเร่งยิกๆ ให้กลับ เฉกเช่นด้านบัดซบของความจนปล่อยลอยผ่าน รวมเรื่องสั้นรอซื้อสำหรับส่งไปบูชาครู รดน้ำดำหัวที่โป่งแยงคราวสงกรานต์ ข้าพเจ้าให้เผอิญอยู่ไกล ไม่ได้ข่าว ขาดงบประมาณบ้าง มิได้กราบอาว์จริงๆ สักครั้ง
รวิวาร
ชื่อชั้น (2) รึจะเป็น ใต้ถุนป่าคอนกรีต สนิมกรุงเทพฯ หรือ? สำมะหาอะไรกับความทรงจำของเด็ก ข้าพเจ้าพยายามเดาจากรายชื่อหนังสือที่พิมพ์ก่อนปีเกิด แต่ก็หมดปัญญา
รวิวาร
อ่านแรก (1)   ข้าพเจ้าจำได้ ตู้ไม้กรุกระจกใบย่อมใต้หิ้งพระบ้านยาย นอกจากข้าพเจ้ากับน้องจะยึดประตูของมันคนละบาน ใช้ปลายเท้าจิกลงบนกรอบไม้ชิ้นบางที่ยึดแผ่นกระจกด้านล่าง ขณะสองมือเหนี่ยวกรอบบนเท้าข้างหนึ่งถีบพื้นกระดาน แนบร่างกับแผ่นกระจก เหวี่ยงประตูเข้า ๆออกๆ พลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ตู้หลังนั้น ใบเดียวกับที่ตั้งอยู่ข้างตัวยามนี้ อัดแน่นด้วยหนังสือ ยัดทะนานความคิดความรู้สึก
รวิวาร
หมุนวนแต่ไม่ได้หมุนรอบ ซ้ำซากอยู่กับที่ หรือทุกข์ทรมานเหนื่อยล้าราวถูกตีตรวน มันคือรอบของเกลียวที่หมุนขึ้นสู่เบื้องบน ส่งสัญญาณชัดแจ้งตั้งแต่ตอนแรกแล้วในดีเอ็นเอ วงโคจรแห่งดาว กำเนิดจักรวาล ชีวิต วงหมุน สังสารวัฏ รอบซึ่งมีทิศทะยานขึ้น พัดพาเราหนุนเนื่องไหลตามไป ขออย่างเดียว แค่อย่าเขลาไถลลื่นลง ถึงอย่างนั้น การย้อนศรชีวิตก็ไม่น่าง่าย เพราะมันขัดกับตัวชีวิตเอง แม้จะมีความโง่เขลายิ่งใหญ่ในการทำลายตัวเองหนุนโลกอยู่โต้งๆ ...คุณก็รู้ สัตว์ป่าออกครอบครองพื้นที่แถบเชอร์โนบิล พวกมันจับจองเตาไฟ พื้นกระท่อมที่ถูกทิ้งร้าง หลังผู้อาศัยอพยพหนีรังสีนิวเคลียร์ คุณก็เห็น เวทีเล็กเวทีน้อยที่ชาวบ้านไหวตัว…
รวิวาร
  ฉันตื่นมาตอนหกโมง หมอกลงฝอยขาวโพลนจนมองเห็นเพียงใกล้ๆ อากาศหนาวจนตัวสั่นไปหมด  วันนี้เช้าและหนาวเกินกว่าจะไปสวรรค์...
รวิวาร
      มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป พวกเขาทำกับเราเช่นนั้น เหล่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกดูดดึงด้วยเวทมนต์บางอย่าง ถูกสะกดและแปลงเปลี่ยนผัสสะด้านใน ฝนไม่เป็นฝนดังที่คุณรู้สึก เจมส์ จอยซ์ทำให้มันเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวายและโศกเศร้า คุณค่อยๆหลุดหาย หายไปในเมืองที่ดรออิ้งภูมิภาพไม่เข้มชัด ภาพเขียน ซึ่งไม่เหมือนจริง ภาพถ่ายที่คมชัดในรายละเอียด เหมือนก้อนทึบ บลุบเบลอ ทว่าแน่นหนักด้วยโทนอารมณ์รู้สึก ต่างกับเรื่องเล่าที่ดำเนินด้วยเหตุการณ์ พล็อตฉับไวของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรียงลำดับตามแบบแผน ผู้คนที่กำลังถูกไล่ล่า…
รวิวาร
เหมือนความเศร้านั้นมีมวล  แผ่จับและหนักอึ้งอยู่จนถึงรุ่งเช้า  ในดวงตาก้มต่ำ ริมฝีปากเงียบงันล่องลอยยังที่ใด ตัวมันเองไม่ต้องการคำถาม ไม่สรรหาคำอธิบายมาบอก ความรู้สึกที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องใต้นั้น ภาษาก็อับจนหนทาง