Skip to main content

บ่อน้ำ... คำนี้ช่างชุ่มเย็นหวานฉ่ำ ซุกซ่อนอยู่ในร่มเงาไม้ ที่ละอองไอชื้นแผ่มาจากบ่ออิฐตะไคร่คร่ำ เมื่อลัดจากทุ่งร้อนเปรี้ยงหรือผ่านมาตามถนนสีแดง คนเดินทางถูกดึงดูดสู่ร่มเงา ถอยจากเปลวแดดเต้นยิบ ความกระหายเผารมลำคอ เขาก้มมองลงไป มืด ชื้นฉ่ำ ได้ยินเสียงน้ำเย็นเสนาะใสอยู่เบื้องใต้ หันซ้ายแลขวา พบหลักไม้ กิ่งไม้ หรืออาจวางเค้เก้อยู่บนดิน ครุ กระชุชันยา หรือถังน้ำพร้อมเชือก...

นานแสนนานมาแล้ว บ่อน้ำที่เรารู้จัก  ก่อวงมนด้วยอิฐสีส้มเรียงราย บางแห่งฉาบปูนมันเลื่อม  ความชุ่มชื้นแผ่ขยายรอบๆ หญ้าเขียวสด ต้นไม้ ดอกไม้ ผักสวนครัว ส้มโอ มะนาว หรือกระถินใหญ่ของยายเหยียดกิ่งใบอย่างมีความสุข  ละแวกบ้าน บางบ่อทำหลังคาคร่อมกันใบไม้ร่วง บ้านอีกหลังทำฝาปิดติดบานพับ  ทว่าบ่อส่วนใหญ่นั้นเปิดโล่ง รับแสงตะวัน เดือนดาวและสายลม  พวกแม่ญิงจะวนเวียนอยู่รอบๆ บ่อ  หย่อนเชือกลงไปหาน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เช้าสำหรับใส่น้ำต้น หม้อดินนอกชาน หรือแจกันดอกโกศลบนหิ้งพระ สายตักใส่ตุ่มหลังบ้านหรือลานครัว  ถ้าจะซักผ้าก็ซักล้างกันอยู่ใกล้ๆบ่อน้ำนั่นเอง ย่ำเย็น หากครัวไม่ไกลจากบ่อนัก ก็มักจะยกจานชามมาล้างเสียแถวๆนั้น  เสร็จจากตระเตรียมมื้อค่ำ นางเดินเข้าตูบ-ต๊อบอาบน้ำ ห้องสี่เหลี่ยมไร้หลังคา ทางเข้าหักวน ไม่ต้องมีประตู  ด้านข้างกั้นสายตาด้วยใบตองตึงตับหนา หญ้าคาหรือว่าไม้ไผ่ น้ำอาบเย็นชื่นใจคอนหาบไว้แล้ว หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ได้น้ำทิพย์ชุ่มฉ่ำชำระล้าง


ครั้งนั้นเรายังเด็ก เที่ยวท่องตามตรอกซอกซอย เตร่ขึ้นหน้าเรือน เลยลงกระไดหลัง ไถลไปยังสวนหลังบ้าน บ่อต่างๆล้วนหลากบุคลิก บางบ่อตื้น ตักง่าย บางบ่อลึกมองไม่เห็นก้น มองนานๆใจหวิวสั่น เหมือนทุ่มดวงตาลงไปในอุโมงค์แคบเรียวไร้ที่สิ้นสุด  บ่ออย่างนั้นไม่มีเชือกผูกกับกระชุกระออมแล้ว แต่เป็นหลักไม้ยาว มีถังผูกถาวรไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างเป็นปี๊บอัดซีเมนต์แข็งหนัก ใช้ชักดึง ถ่วงถังหย่อนลงไปเงียบนาน กว่าจะยินเสียงจ๋อมที่ผิวน้ำ


บ่อน้ำในใจยังข้ามกาลมาปรากฏในภาพวาดกลางหน้าหนังสือบทกวีไฮกุ ตราตรึงและซ้อนรวมกับแหล่งน้ำหอมหวานแห่งความทรงจำ ไม้เลื้อยดอกม่วงเส้นบางพาดพันแทนซุ้มหลังคา วงบ่อตวัดด้วยหมึกดำสงบง่าย พร้อมพู่กันจารจดบทกวีเบื้องใต้...

.................................................................................


คนหนึ่งอยู่ข้างบน

 


อีกคนอยู่ข้างล่าง


การรู้จักผู้สร้างกลับยิ่งเนิ่นนานกว่า คนใต้ดินเหล่านั้น ที่ทุ่มแรงบากหน้าดินลงไป  ค่อยๆแซะ ขุดเป็นวงกลมอย่างดีชนิดที่เครื่องจักรไม่อาจมอบให้  วันหนึ่งหรือสองวัน หากมากันเป็นหมู่คณะ  ห้าหรือหกวันหากมีเพียงคนหนึ่งหรือสอง ค่อยๆถ่ายเทแลกแรงเป็นกองดิน


ที่เห็นเป็นเงาตะคุ่มก้นบ่อคือ อ้ายศักดิ์  หนุ่มร่างเล็ก ผอมบางกร้องแกร้ง พาทีนุ่มเนิบ...อ้ายใช้ความกล้ามากไหม ลงไปใต้ดินอย่างนั้น? ใครบางคนตะโกนถาม...ไม่หรอก...อ้ายว่า... ต้องแข็งแรงมากซิท่า? (ไม่น่าเชื่อ ดูผอมบางอย่างนั้น)...ทำมาตลอดชีวิต แรงมันก็อยู่ตัว...ดูท่าแล้ว น่าจะใจเย็น และอุตสาหะพากเพียรเป็นที่ตั้ง เห็นเขาค่อยๆคืบ ค่อยๆขุดทีละนิดอย่างนั้น ลุงอีกคนสาวเชือกเนิบๆอยู่ปากบ่อ ลุงสุ่มเล่าว่า แกชำนาญการโดยบังเอิญ ยี่สิบปีก่อนตอนย้ายบ้าน แกทำใจกล้า ลองขุดบ่อดู  ตัวคนเดียว วันละท่วมสองท่วม สี่ซ้าห้าวันก็ได้น้ำให้เมียใช้

พวกเขาพาดพะองลงไปก่อน จากนั้นปีนกระไดลงไปแผล็วๆ...ผลัดกันนะโว๊ยศักดิ์  ภาคเช้าเอ็งลงก่อน บ่ายถึงทีข้า แค่ตะกุยขุดไปอีกซักท่วม น้ำก็เหลือเฟือแล้ว...เพิ่มความลึกบ่อเก่ายามแล้งอย่างนี้ อ้ายศักดิ์เรียก “ปลง”  คิดท่วมละพันก็พอ แต่ถ้าขุดใหม่เลย ต้องอาศัยคนมากกว่านี้ กับพิธีรีตองนิดหน่อย จำไว้นะ เหล้าไห-ไก่คู่ จะไหว้จะทำอะไรก็ต้องใช้ไว้ก่อน  ดิ่งดำใต้ดินอย่างผม ถึงกำลังใจมี แต่ก็ต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์  ดินเป็นของแข็งจริง แต่ก็ร่วนละลายได้ ไหลทับลงมากองมาสุมได้ จะยังไง คนก็ใช่ตุ่นใช่งู  ภาวนากับเจ้าที่เจ้าทางไว้ก่อน ขอให้รอดปลอดภัย เจอน้ำไวๆ ขอให้ได้สายน้ำใสพอใช้อาบกินตลอดทั้งปี

ลุงของเขาซึ่งสิ้นแล้วพาเด็กหนุ่มผู้นี้ติดสอยห้อยตามทุกที่  การขุดบ่อนั้นอาศัยคนข้างล่างกับข้างบน  คนขุดอยู่ล่าง โกยดินลงถังให้คนอยู่ปากบ่อรับช่วงนำไปเททิ้ง พอขุดพบกระสายน้ำซับซึม ก็ต้องครูดถังตัก เอาน้ำออกเพื่อสะดวกในการขุดต่อ ศักดิ์สมัยนั้นจบป.4 ชั้นสูงสุดของโรงเรียนประจำหมู่บ้าน นอกจากทำไร่ไถนา ทำสวน ตกปลาหากุ้งหอย ก็ได้อาศัยวิชาที่ฝึกฝนกับลุงเลี้ยงตัว ไอ้กลัวนั้นก็ยอมรับว่ากลัวอยู่ เขาว่า ยิ่งลึกยิ่งมืด แหงนมองข้างบนเห็นเพียงรูแสงกลมๆ คนที่เลือดลม ตับปอดไม่ดี ลงไปมีแต่หายใจหืดหอบ เราทำงานใต้โลก จ้วงขุดอยู่ท่ามกลางความมืด ความเงียบและเสียงหอบหายใจของตัวเอง ก้นบ่อนั้นไม่กว้างขวาง ต้องการเพียงไหน ก็แออัดกันลงไปไม่ได้ เสียงจอบสะท้อนดังฉึกฉับ ดินชื้นมืดดำโอบรัด  ยิ่งลึกลง หากชั้นดินยังคงแห้งผาก ต้องอาศัยแสงเทียนช่วยส่องทาง ส่องพลังใจ...

“บ่อตื้นอย่างนี้ขุดง่ายครับ ปีนี้ดี ฝนแล้ง ผมได้งานขุดบ่อ ปลงบ่อน้ำหลายเจ้า...” เขาว่าขุดมาลึกสุด 8-9 ท่วม พันกว่าเมตรได้ นั่นแหละ ที่ต้องลงไปหายใจข้างใต้  วันหนึ่ง หรือสอง สาม สี่ กว่าจะได้ขึ้นมาสู่แสงสว่าง ขุดมาอย่างนี้ยี่สิบห้าปีแล้ว ห้าบ่อแรกลูกผีลูกคน ใจมันยังเต้นยังสั่นกระเด็นกระดอน  พอหายกลัวก็สอบผ่าน ส่วนปอดก็แข็งแรงดี หายใจคล่อง ลงบ่อลึกได้ไม่มีปัญหา  “ขุดส้วมง่ายกว่าว่ะ ท่วมเดียวเสร็จ” คนสูงวัยตัดบท 

ประชากรใต้ดินเหล่านี้เหลืออยู่หมู่บ้านละไม่กี่คนแล้ว มนุษย์ไม่สมัครใจจะกลับลงไปรูเรี้ยวหรือโพรงถ้ำอีก มีนักขุดสมัครเล่นอยู่บ้างเหมือนกัน ขุดแลกเงินยามว่าง ขุดอย่างลูกมือ ไม่ใช่ช่าง เดิมสล่าขุดบ่อนั้นมีทุกหนแห่ง แต่เดี๋ยวนี้ ไม่มีคนสืบทอดแล้ว...

สายน้ำเอ่อขึ้นมาปริ่มๆที่ก้นบ่อ ความรู้สึกกระเตื้องขึ้นนิดหน่อย บ่อบ้านเราแคบ ไม่อาจขุดลึกลงไปได้อีก...มีทางเดียวครับ คือขุดใหม่อีกบ่อ...ร่างผอมเปื้อนโคลนสีเทาไปทั่ว เสื้อแสงไม่ใส่ นุ่งผ้าเตี่ยวผืนเดียวกระมอมกระแมมเหมือนคนอะบอริจินหรืออัฟริกันในรูปถ่าย คู่หูต่างวัยนั่งยองๆ สูบยา...ลุงบ่แม่นสล่า ถ้าอ้ายศักดิ์ไม่เรียกลุงก็ไม่มา   

ฉันขอบคุณผู้ต่อชีวิตพรรณไม้ คนและหมา หนึ่งนั้นแก่แล้ว ร่วมหกสิบ ส่วนอีกคนย่างสี่สิบ ผอมกะหร่องกับหย่อนย่นพุงย้อย คนเหล่านี้หรอกหรือ ผู้อยู่เบื้องหลังภาพเงาชุ่มเย็นนิรันดร์

“รับประกัน 1 ปีครับ” สล่าขุดน้ำบ่อย้ำ หากปีหน้าน้ำลด ตามจรรยาบรรณแล้ว พวกเขาจะกลับมาขุดซ้ำโดยไม่คิดค่าแรง ระหว่างรีรอเก็บสัมภาระ แว่วเสียงหารือ ”หาดีงูเห่ามาละลายเหล้าขาวสักตองดีกว่าว่ะ  กินแล้วหายใจคล่องดี ต่อให้ขุดลึกถึงนรกข้าก็ไม่กลัว!

 

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…