Skip to main content

“ตื่นมาทุกเช้า อย่าลืมทำดีให้ตัวเอง”  ประโยคนี้นึกขึ้นเมื่อสาย  
ยังดีเป็นสายที่มีแดดส่อง  ไม่ใช่สายเกินไป  สายเกินการณ์......

“เขียนหนังสือ”  เขียนทุกวันไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย  ไม่ยากเนื่องจากเรารู้ และคิดหัวข้อเรื่องไว้มากมาย  แต่ที่ไม่ง่ายคือ  แรงบันดาลใจสดใหม่ขณะเขียน

สำหรับฉันแล้ว “แรงบันดาลใจ”  คือความรู้สึกล้นปรี่ที่ขับความปรารถนา  ความสุข และความกระหายภายในพรั่งพรูออกมาเป็นตัวอักษร  ความรู้สึกเช่นนั้นเป็นความรู้สึกของความสุขหรรษา และการสร้างสรรค์อันเบิกบาน  วันใดที่เริ่มต้นยามเช้าด้วยความขุ่นข้องหมองจิต  ไม่อาจสรรหาแรงบันดาลใจ-  แรงดลล้นปรี่แห่งความสุขภายใน

.............................................

20080425

ทำดีให้ตัวเอง รู้สึกดีหรือรักตัวเองทำได้ไม่ยาก  เพียงตื่นมายามเช้า  รู้สึกถึงโลกอันเยือกเย็นบริสุทธิ์    สัมผัสละอองหมอกฝอย ๆ เย็นสดชื่น  รับรู้ว่าทุกอย่างยังดีอยู่  เรายังมีชีวิตอยู่  มีลมหายใจ และรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ ได้เช่นที่เคยเป็น

เช้านี้หงุดหงิดกับเด็ก, หมา  ด้วยความวุ่นวายชักช้าไม่เป็นอย่างใจ   กลับมานั่งถอนหายใจ  คลึงถ้วยกาแฟอุ่น ๆ  เรียกความสงบกลับคืน   

ความรู้สึกอยากเขียนมีมากมายเหลือเกิน  ความสุขที่เหมือนหย่อนร่างลงในสายธาร  ลำธารแห่งถ้อยคำที่ชุ่มฉ่ำ เต็มเปี่ยม และสะอาดใสบริสุทธิ์  แหวกว่าย และค้นพบถ้อยคำซึ่งยังไม่มีใครเคยใช้  เขียนเรื่องราวที่ยังไม่มีใครเขียน  และสามารถเรียงร้อยได้อย่างอิสระ  หมดจดเหมาะใจ    

เราเขียนด้วยความกระหาย  เพื่อดับกระหาย  เมื่อพบว่า วันหนึ่ง  หนังสือที่อยากอ่านเหมือนหายไป ไม่มีในโลก  เล่มนี้ก็ไม่ใช่ เล่มโน้นก็ไม่เชิง  มันเพียงแค่แตะ ๆ  ถูกอารมณ์บางเสี้ยว ทว่า ลึก ๆ ภายในยังโหยหา ไม่อิ่ม  โอสถหรือกระยาทิพย์ใดจากในนั้น
    
ทุกครั้งที่เริ่มต้น หวาดหวั่นดุจรอเวลากระโจนจากหน้าผา  ตัวหนังสือเอยจะนำเราไปที่ใด  เฝ้ารวบรวมเรียกหาอารมณ์เหมาะเจาะ ฉกฉวยแรงบันดาลใจที่สว่างวาบขึ้นตรงหน้า เกิดใหม่ หรือว่าถูกปลุกให้มีชีวิตอีกครา เพื่อที่จะกระโจน ล่องลอย  สละทั้งชีวิต โลดลิ่วติดตามไป  

นกเรื่องเล่าจะนำเราไปสู่ทิศไหน  การร่อนบินอันน่าตื่นใจ...  แม้จะเคยร่วงหล่น หรือลงจอดหกคะเมนบอบช้ำ   ฉันไม่รู้สึกเข็ดหลาบจดจำ   ขอเพียงทุกวันได้นั่งลง  ปลดสัมภาระเครื่องป้องกันกาย  จดจ่อ กระโจน!

เช้าที่ลืมทำดีให้ตัวเอง  และการเขียนขาดตอนด้วยเรื่องราวทางโทรศัพท์   กลับพบแรงบันดาลใจซุกซ่อนอยู่มุมหนึ่งของบ้าน ในไฟล์งานของลูกสาว
    
ลูกสิบสองขวบริเขียนนวนิยาย  และเป็นนิยายที่หากเขียนจบ  มีทีท่าว่าจะไปได้สวย  ความรู้สึกนี้แหละ ความรู้สึกเช่นนี้ที่ขับดันเธอ ไม่ว่าจะเพศวัยใดให้ลุกขึ้นมาทำบางสิ่งบางอย่าง ...สำหรับแม่  รู้ไหม?  งานเขียนของลูกเหมือนปาฏิหาริย์ !...
       
จินตนาการช่างหยั่งรากยาวนาน  ผู้เป็นแม่ไม่เคยนึกว่าลูกสาว ซึ่งร้องไห้ในวัยสี่ขวบเพียง  เพราะสงสารดอกไม้ที่เพื่อนเด็ดจะติดตามความฝันมาไกลถึงเพียงนี้ พ่อกับแม่ส่ายหน้าเมื่อลูกคลั่งไคล้ดารา  จมปลักอยู่กับนิยายเริงรมย์และละครโทรทัศน์  ลูกอาจไม่ชอบใจทัศนคติเราผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ว่าอะไร  ทุกคืน กำบังกายอยู่ในโปงผ้านวม ท่ามกลางแสงโคมไฟสีส้ม  หมกมุ่นเขียนบางอย่างอยู่ลำพัง

นี่อย่างไร แรงบันดาลใจ  มันอัดอั้นอยู่ภายในใคร่ระบาย  หากไม่ได้เขียนออกมาย่อมจะกลัดกลุ้มไม่เป็นสุข  เมื่อเขียนได้แล้วอิ่มเอิบ ผ่อนคลาย   ลูกสาวอดทนฟังเสียงบ่น เรียกเข้านอนจากแม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  เพื่อจะทำตามใจกระหาย

.........................................

สิ่งใดๆ ที่กระทำลงไปด้วยแรงดลดาลจากภายใน  แววตาจะเปล่งประกายสุกใส หัวใจคับพอง   สิ่งดีงามของชีวิตจะทยอยติดตามมา  พวกมันแอบอยู่เบื้องหลังประตูบานนั้นเอง  บานประตูแห่งจินตนาการ  ที่ลูกเปิดมันออกด้วยผลงาน  ด้วยความมุมานะไม่เบื่อหน่ายทุกคืนค่ำของเจ้า  

รักตัวเองเถิดหนา  ทำดีกับตัวเองให้มากไว้เถิดลูก  ทำในสิ่งที่หัวใจเป็นสุข  และบางครั้งก็เมินเฉยกับคำบ่นว่าที่ปราศจากความเข้าใจของแม่บ้าง  เพื่อลูกจะได้ติดตามหัวใจ   ด้วยว่าหัวใจนั้นอาศัยอยู่ในแหล่งพลังยิ่งใหญ่  สมบูรณ์แบบ งอกงามและสร้างสรรค์อย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย
       
วันนี้  ลูกบอกแม่เรื่อง การงานของหัวใจ  
เจ้าย้ำเตือนแม่ถึงสิ่งยิ่งใหญ่  .. “อะไร” มีความหมายต่อชีวิต?
 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…