Skip to main content

นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่เรารู้จัก  ฉันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์  คนบางคนเหมือนสิ่งไม่คาดฝัน  อยู่ตรงหน้า พบเห็นเจนตา  ทว่า เมื่อคลี่เผยตัวตนออกมากลับงดงามยิ่ง

................................................................

พี่ดีใจที่ได้รู้จักและสนิทสนมกับน้อง  แม้ว่าสายตาหลายคู่ที่มองผ่านอาจเห็นเพียงหญิงสาวกะโปโลเริงร่า   ทว่า พี่ได้พบหลายสิ่งหลายอย่างไม่ธรรมดาในตัวน้อง

ชีวิตที่ผ่านมาของน้องต้องเผชิญหลายสิ่ง  เรามาจากครอบครัวที่มีปัญหา  แต่ดูเหมือนน้องจะหนักหนากว่า   พี่จึงประหลาดใจและชื่นชมในข้อที่ว่า น้องสามารถก้าวผ่านมันมา  ปลอดภัยและสามารถรักษาจิตใจที่ดีงามเข้มแข็ง
    
บางทีเราก็หัวเราะร่วนบ้าบอด้วยกันนะ  ขบขัน ประชดประชันเรื่องนั้นเรื่องนี้  สิ่งหนึ่งที่พี่สัมผัสก็คือ น้องไม่เคยนินทาว่าร้าย ไม่พิพากษาหรือว่าตัดสินใคร  ในหัวใจเธอมีเรือนชาน  เปิดกว้างต่อทุกความเป็นไปและเหตุปัจจัยที่หล่อหลอมตัวตนมนุษย์   
    
บางคนดูว่าน้องไร้สาระ  แต่การงานของน้องจริงจังหลักแหลม   ที่พี่ชอบใจคือเราถูกมนตราของหนังสือสะกดจนหัวปักหัวปำเหมือนกัน  หากมีหนังสือสักเล่มอยู่ในมือละก็  เราไม่ต้องกินต้องนอนก็ได้   เราเคยผลัดเวรหลับ สลับกันตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือเล่มเดียว  คิดดูก็น่าขำ ที่ยังทำตัวเหมือนเด็ก   แต่น้องก็มีความเป็นเด็กจริงนั่นแหละ  น้องชอบเล่นกับเด็ก ๆ   ส่วนพวกตัวเล็กก็เรียกหาแต่น้อง
     
การงานของน้องทำให้ต้องวางตัวสอดคล้องตามสถานการณ์แตกต่าง  ท่ามกลางคนหลากหลายชนชั้น สถานะ  บางทีน้องก็ทุกข์ใจ  เพราะมุ่งมั่นตั้งใจรับผิดชอบ ด้วยจิตใจของคนเป็นผู้ใหญ่   อันที่จริง เธออยากอยู่ง่าย ๆ กางแข้งกางขา พูดจาไร้สาระ สนุกเฮฮา ไม่อยากวางท่าเป็นผู้ชำนาญการ  หรือผู้หลักผู้ใหญ่น่าเคารพนับถือ   แต่ก็เต็มใจทำเมื่อไม่อาจนิ่งดูดาย

ทุกคืน ทุกวัน   น้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านป่า  ทำทุกอย่างที่ทำได้เพราะหัวใจไม่อาจปฏิเสธ  พาชาวบ้านไปหาหมอ  ช่วยจดทะเบียนสำมะโนครัว  จัดฝึกอบรม  ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเล็กๆ น้อย ๆ ร่วมโครงการห้องเรียนชุมชน  ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง นอกเหนืองานที่องค์กรสั่ง  
    
บางที ที่มนุษย์ยิ่งใหญ่อาจเป็นเพราะเขาไม่ยอมแพ้ หรือศิโรราบต่อชะตากรรมและข้อจำกัดที่พบบนหนทาง   เขางดงาม เนื่องเพราะมีความหวังใจที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง  เขาไม่เลือกเพียงความสุขสบาย ความปลอดภัยส่วนตน  แม้ว่าเขาจะมิได้ประกอบการงานแห่งอุดมคติอย่างเชื่อมั่น สุขสงบ   เขาทุกข์  บ่อยครั้งสับสนขัดแย้ง ไม่เข้าใจตัวเอง  หลายครั้งคราต้องทำในสิ่งที่ไม่ถนัดและลำบากใจ    
      
เรามีจริตนิสัยเยี่ยงคนธรรพ์  รักการสรวลเสเฮฮา  เหน็ดหน่ายที่จะจริงจังตลอดเวลากับโลกใบนี้   เราผ่อนคลายสุขสบายที่สุดเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกพ้อง  ในโลกเสรีที่ปราศจากกฎกติกา   มีเพียงระเบียบแห่งใจ คือความเคารพธรรมชาติและเพื่อนมนุษย์   เรารู้สึกพอใจที่ได้เป็นพลเมืองของดาวเคราะห์โลกมากกว่าประชากรของดินแดนเล็ก ๆ ที่ตราเส้นบอกเขตสมมติ  เชื่อในกฎธรรมชาติว่าเป็นจริง ศักดิ์สิทธิ์ ไม่อาจขัดขืน  หากแต่ไม่วางใจ และใคร่ตรวจสอบอำนาจอันมาจากมนุษย์

20080506 (1)

หมู่บ้านเล็ก ๆ พื้นที่ราว 3 งานแห่งนั้น  ชนเผ่าดาระอั้ง 300 คน ซึ่งอยู่อย่างเบียดเสียดยัดเยียด  ถูกดำเนินคดีและจับกุมด้วยข้อหาบุกรุกป่านับครั้งไม่ถ้วน   กฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองต้นไม้ขับไล่ผู้คนออกไป   ผืนทวีปไม่ใช่ที่ที่ใครจะเลือกอาศัยอยู่ตามใจชอบ  แม้โลกจะเป็นบ้านของมวลมนุษย์   แหละผืนดินมีไว้ให้คนเพาะปลูก อยู่อาศัย    พืชพรรณธัญญาหาร  ต้นไม้อากาศ และน้ำ มีเพียงพอสำหรับเราทุกคน  แต่สุดท้าย รัฐ  กฎหมาย สนธิสัญญา สิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์บัญญัติขึ้นกลับศักดิ์สิทธิ์กว่าชีวิตมนุษย์   ชนชายขอบหลายล้านคนในโลกจึงต้องอดอยาก  ขาดแคลนที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน  รากเหง้าถูกทำลาย  วิถีบรรพชนลบเลือน   เหมือนกับเราส่วนใหญ่  ที่ทุกวันนี้ถูกลดสภาพมนุษย์กลายเป็น ‘ผู้บริโภค’  มีชีวิตตามวิถีทุนถูกกำหนด  เพียงแต่พวกเขาเหล่านั้นเข้าไม่ถึง ไม่อาจ ‘บริโภค’ เช่นเรา      
    
น้องวนเวียนเข้าออกบ้านปางแดง ผ่านแนวป่ายามค่ำ  ท่ามกลางความมืด แดดร้อนเร่าและลมพายุ   ทุ่มเทเรี่ยวแรงและจิตใจ เหมือนที่เคยร่วมช่วยชุมชนทางใต้ได้ผืนดินกลับคืน   พี่รู้ กระบวนการทั้งหมดที่เกิดไม่ได้มีใครเป็นตัวละครเอก   ที่นี่ ผู้คนที่มีใจเวียนวนเข้าออก หาทางช่วยเหลือ  ร่วมแก้ไขปัญหาตีบตันซ้ำซาก  เพียงแต่เวลานี้ เหตุปัจจัยต่าง ๆ มาสู่สำนึกรับผิดชอบของเธอ  น้องจึงไม่อาจวางมือได้
    
พี่เขียนเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกเคารพในตัวตนของน้อง  ในสิ่งที่น้องทำ พร้อมทั้งอยากขอบคุณเธอที่ทำให้เลือดในหัวใจพี่สูบฉีด  พลุ่งพล่านด้วยความกล้า ความหวัง และการอุทิศตัว  ทำให้พี่ระลึกขึ้นได้ว่ายังมีผู้คนเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่อีกมากมายกำลังทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อโลกอยู่  แม้ว่าอาจจะเล็กน้อยจนไม่เป็นที่สังเกต  ทว่า คนที่ทำความดีแม้เพียงคนเดียวย่อมแผ่วงคลื่นออกไป  กระเพื่อมออกจนสุดฝั่งโลก   การลุกขึ้นสู้โดยปราศจากชุดเกราะ  ศัสตราวุธ หรือกองทัพเกรียงไกรหนุนหลัง แต่ยังคงเปี่ยมพลังมุ่งมั่น นั่นล่ะ! ความสง่างาม  คือการยืนยันถึงศักดิ์ศรีและเหตุแห่งการเกิดเป็นมนุษย์   มันคือไฟแห่งเทวะที่ลุกไหม้อยู่ในร่าง  คือคุณงามความดี  จิตใจที่จรรโลงสู่ท้องฟ้า  และศักยภาพสูงสุดที่จะกอบกู้ เยียวยา สรรค์สร้าง อันอาจส่งพลังแก่ผู้อ่อนล้าอย่างคาดไม่ถึง

20080506 (2)

อันที่จริง พี่เขียนมาเพราะไม่มีของขวัญให้น้องน่ะ  (แหะ ๆ) ขอถ้อยคำเหล่านี้แทนพรในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 29 นะจ๊ะ  ขอให้น้องมีความสุข มีพลังใจไม่เสื่อมคลาย  ขอให้วงกระเพื่อมจากกรวดก้อนเล็ก ๆ ในมือน้องสะท้อนพละกำลังและความรักความเข้าใจกลับมาอย่างไม่สิ้นสุด  ให้น้องสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้อย่างเบิกบานและเข้มแข็ง  เอาล่ะ! ยิ้มกว้าง ๆ  รับพรและคำสรรเสริญเยินยอจากพี่สาวคนนี้ไปแต่โดยดี  
    
บทนี้ ฉันเขียนถึงเธอคนนั้น  และเพื่อส่งสารจากใจถึงคนธรรมดาสามัญที่เล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่ทุกผู้   ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร กำลังทำสิ่งเล็กน้อยหรือใหญ่โตแค่ไหน  เราจะเป็นกำลังใจให้กัน  เพราะเราคือ ‘มนุษย์’  โลกใบนี้เป็นของเราร่วมกัน

* อ่านเรื่องราวของหมู่บ้านปางแดงได้จากงานวิจัยของสกุณี  ณัฐพูลวัฒน์  และงานเขียนของสุวิชานนท์ รัตพิมล  รายงานโดย ภู เชียงดาวใน Prachatai.com หรือข้อมูลจากแหล่งอื่นทางอินเตอร์เนต ...ชาวบ้านปางแดงถูกจับกุมคุมขังมาหลายครั้ง  คดีหลังสุด  ศาลยังไม่พิพากษา เพื่อดูว่าจะหาหนทางแก้ไขอย่างไร ปัจจุบันมีทั้งสถาปนิก ทนายความ และเอ็นจีโอช่วยกันคิดหาทาง

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…