Skip to main content

20080514 1

สีแดงมาจากไหน  ล่องหนอยู่ในน่านฟ้าหรือ?...  เริ่มละเลงลงบนใบหูกวาง ชมพูแซมแทรกด้วยแดง  ระบายจุดสีคล้ำตามใบ ก่อนเคลือบด้วยน้ำตาล  ฤดูกาลคืบคลานมาช้า ๆ  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงขีดสุดกลางเดือนเมษาฯ

เหยี่ยวดำคู่ผัวเมียแห่งเชิงผาหายไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ดุเหว่าร่อนร้องทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ...กาเว๊า ๆ   เหยี่ยวทุ่งสีขาวเทาเยี่ยมหน้า  โฉบร่อนตามแนวถนน  บนกิ่งไม้และเหนือทุ่ง   ผืนดินเริ่มแห้ง  ต้นหญ้าสลดเฉาดุจเดียวกับพืชผล  มะเขือเทศข้างร่องน้ำผลิลูกเล็ก ๆ สีอ่อน ไม่ทันไรก็สุกแดง แห้งเหี่ยวหมดทั้งต้น   ฟักทองลูกสุดท้ายสุกเหลืองก่อนโตเต็มขนาด

ไล่เลี่ยกับแคแสดดอกบานเบ้อเริ่มตามขอบทุ่ง  กัลปพฤกษ์ในดวงใจชมพูสะพรั่งที่โน่นที่นี่   ดอกไม้อะไรอย่างนี้  ตลอดปีมีเพียงใบเขียว ๆ กับฝักเก่าๆ แขวนระย้า  เมื่อมีนาคมปรบมือเรียกฤดูร้อนย่างกรายมา  รากและลำต้นก็ไหวตัว กระซิบบอกเนื้อเยื่อ  สั่ง ‘ชีวิต’ ที่อยู่ภายใน...ได้เวลาผลิดอกแล้ว  สีชมพูถูกส่งมาแล้ว  แล้วเมื่อดอกสีชมพูบานพราวออกมาพร้อมกัน คุณเคยเห็นไหม?  ภาพพีชบล็อสซัมในชุดสวนผลไม้เบ่งบานของแวนโกะห์   ต้นไม้สีชมพูที่ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ   สีสันของมันส่งความรู้สึกมายังเรา เลยไปถึงฟากฟ้า  พื้นถนน และแมกไม้ใกล้ ๆ  

บนภูเขามีดอกเสี้ยวขาว  ขณะใบไม้มากมายถูกบ่มด้วยแสงแดดและความร้อน จนกระทั่งผืนป่าเขียวสดเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนแก่ และน้ำตาล  ไม้ป่าที่ออกดอกหน้าร้อนทยอยผลิช่อ  เป็นดอกไม้ขาวหรือเหลืองละออ  รวมทั้งเถาช่อชมพูฝาดเลื้อยพัน

20080514 2

แล้วเมื่อประตูหน้าต่างเปิดกว้างรับลมดึก  ทุกคนพร้อมใจกันสลัดผ้านวม ฉวยผ้าผวยผืนบางคลุมอก  ต้นไม้สีชมพูกระจ่างก็จางลงเป็นสีขาว  ค่อย ๆ หล่นร่วงบางตา  หางนกยูงข้างทางสยายปีกแดงโรจน์ไปทั่วหลังจากรอเวลาไม่กี่สัปดาห์   สีชมพูของฤดูร้อนถูกสีแดงเติมลงไปจนหมดขวด  ดุจเดียวกับความร้อนแรงของดวงอาทิตย์  เที่ยงวันอันร้อนรุ่ม หรือเที่ยงคืนที่นอนพลิกตัวกระสับกระส่าย  ถึงตอนนั้นชมพูพันธุ์ทิพย์ก็จับจีบชมพูม่วงบานล่วงหน้าไปแล้ว  ที่รีรอหลังสุดไม่ใช่ใคร  เมื่อฝนกระหน่ำส่งฤดู  ลมแล้งก็ทิ้งช่อเหลืองกระจ่าง ห้อยระย้าอยู่ในสายลม

เราออกจากบ้าน เดินทางไปตามถนนสายทอดยาวคดเคี้ยวเลียบภูเขา  จากต้น กลาง และปลายฤดูร้อน  ภูเขาที่ผลัดอาภรณ์ก่ำแดงในคราแรก แห้งผากเป็นสีน้ำตาล  แล้วแปรเปลี่ยนเป็นสีดำด้วยเขม่าควันไฟ  และเมื่อมรสุมพัดผ่าน เขย่าหลังคากราวใหญ่   ต้นไม้ก็เริ่มแตกใบ  สีเขียวใหม่ ๆ จากจานสีของธรรมชาติค่อย ๆ แตะแต้มลงบนราวป่า

รอบบ้านเป็นทุ่งโล่ง มองไปเห็นภูเขาไกล ๆ  รายรอบ  ที่สูงสง่าตรงหน้าคือดอยหลวงเชียงดาว  ซบแนบแทบข้างคือดอยนางผู้จงรัก  ถัดไปเป็นเทือกทิวที่ทอดสู่อำเภอปาย ทะเลหมอกแห่งห้วยน้ำดัง  แยกอีกทาง เบี่ยงเป็นแนวเทือกเขาแดนลาว   เขตดอกไม้ผลไม้เมืองหนาวแห่งดอยอ่างขาง   ด้านทิศตะวันออกนั้นมีแนวเขาไม่สูงนัก คั่นระหว่างอำเภอพร้าว  ทะลุสู่ถนนสายเหยียดยาวมุ่งหน้าไปยังจังหวัดเชียงราย  ขุนเขาด้านนี้เป็นกลุ่มเตี้ย ๆ  ยอดตัด คล้ายโต๊ะศิลาใต้เมฆ  มองจากหน้าต่าง  แนวต้นสักของสวนถัดไป  ทาบกิ่งก้านโล้นโกร๋นเป็นฉากหน้าแห่งทัศนียภาพ

ทั้งยามกลางวัน และคืนจันทร์เต็มดวง  มองจากนอกชาน  จุดรวมสายตาตามธรรมชาตินอกจากขุนเขาใหญ่ คือไม้ต้นหนึ่งซึ่งแลดูสูงเพียงไหล่ดอย   กลางฤดูร้อน มันเปลี่ยนสีเป็นแดงช้ำและน้ำตาลคล้ายเตรียมผลัดใบ  สีแดงในตอนแรกนั้นสวยราวฉากฤดูใบไม้ร่วง  พอสีน้ำตาลฉาบจับจนคล้ำ  เราเผลอทอดอาลัย  มันคงกำลังจะทิ้งใบ   ฉับพลัน ในวันอันว่องไวและคาดไม่ถึงนั้นเอง  สีสันอันห่อเหี่ยวและชวนใจถึงความตายกลับกลายเป็นสีเขียวอ่อนลออของชีวิตใหม่   คุณเคยเห็นอะไรอย่างนี้ไหม?  ปกติไม้ใหม่จะแตกใบสีชมพูฝาด  แล้วค่อย ๆ เขียว  พอแก่ใกล้ร่วงจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล  ไม่ได้รวมกิริยาอาการของใบไม้ผลิและร่วงไว้ด้วยกันอย่างนี้

เมื่อไม้ชวนฉงนกลับสู่ความเขียวขจีดังเก่า  ฉันพบว่าเสียงดุเหว่าจางไป  มันไม่มาร้องใกล้ ๆ  ทั้งเวลาเช้าและเย็นย่ำ  แต่เพรียกพร่ำนาน ๆ จากที่ไกล ๆ  พวกที่ส่งเสียงจ้อไม่ยอมหยุด และบุกรุกปลุกเราแต่เช้านี่สิ เจ้าเอี้ยงสาลิกา  พวกมันเปลี่ยนที่จิกตีกันจากใต้คบไม้ใหญ่หน้าบ้าน และตามพงหญ้าขึ้นมาบนหลังคา  เสียงอุ้งเท้าเล็ก ๆ ที่มีปลายเล็บแข็ง ๆ จิกครูดไปบนกระเบื้องลอน  ปากก็ส่งเสียงเอะอะโวยวายเหมือนอยู่ในตลาดเช้า  เด็กน้อยที่ยังง่วงงุนถามแม่ว่า  นกมันทะเลาะกันหรือจ๊ะ?  ส่วนนักประพันธ์ขี้เซาผู้ปลุกปั้นกับงานเขียนจนใกล้รุ่งหลับปุ๋ย ไม่สำเหนียกส่ำเสียงใด

เหมือนทุกสิ่งดำเนินไปตามปกติ  ชีวิตที่นี่ทำให้เราเห็นฤดูกาลชัดขึ้น  เราตัวเล็ก เหมือนครอบครัวสัตว์ทุ่งครอบครัวหนึ่ง  แหละสายฝน  ความหนาว ความร้อน  ทัพเมฆ  มรสุม  ก็แสดงตัวต่อหน้า  ทว่า... แท้จริง  ไม่มีฤดูร้อนใดร้อนเท่าปีนี้   นานมาแล้ว  ดื่นดึกของเดือนเมษาฯ เราเคยได้อาศัยผ้านวมผืนนุ่มเสมอ  แต่ปีนี้  เที่ยงคืน  อุณหภูมิค้างอยู่ที่ 30 องศา บ้านต้องเปิดกว้าง  เลิกหวั่นน้ำค้างหรือไอชื้น   เรากระสับกระส่ายผุดลุกผุดนั่งยามกลางวัน  พื้นกระดานร้อนผ่าวจนนั่งไม่ลง  กระเบื้องหลังคาส่งไอร้อนลงมาไม่หยุดหย่อน  เราพากันดื่มน้ำเหมือนไม่รู้จักอิ่ม

ดอกไม้ของฉันอดทนมากเมื่อต้องมาอยู่ที่นี่  ‘หนองแร้ง-แล้ง’ ตามชื่อดั้งเดิมของมัน  ดอกไม้ไม่ค่อยโตแต่ก็ทรงชีวิต   ไม่มีหมอก ไม่มีสายฝน  มีเพียงความร้อนที่แผดเผาเราอยู่นานหลายสัปดาห์  ผืนดินแห้งแข็งแตกปริ  น้ำในบ่อแห้งขอดลง จนต้องแบ่งกันให้ดีระหว่างคนกับต้นไม้  

20080514 3

ตลอดเดือนมีนาคม  ฉันดีใจมากที่เด็ก ๆ ไม่อยู่บ้าน  ช่วงเวลาของกิจกรรมแห่งความสืบเนื่องของฤดูกาล  ‘ไฟ’ ถูกจุดขึ้น ส่งควันสักการะท้องฟ้า  การทำความสะอาดผืนดิน ลานบ้านจากใบไม้ เศษขยะ  การปราบเรือกสวนนาไร่รวมทั้งผืนป่า  เปลวไฟเลื้อยไล่ไปตามสันดอยด้วยความหวังจากการหาอาหารไพร  ผืนนาที่ดำละเอียดด้วยเถ้า ซึ่งชาวนานั่งมองอย่างพึงพอใจว่า  ฤดูแห่งงานหนักได้ผ่านไปแล้วอีกรอบหนึ่ง หลังจากพักเหนื่อย ปาดเหงื่อออกจากหน้า  ก็จะถึงเวลาลงแรงใหม่

เราทำเช่นนั้นไม่ได้อีกแล้ว!  ทั่วแอ่งกระทะภาคเหนือตอนบน   กะทะเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน  สองปีมาแล้วที่เราถูกคั่วไหม้รมควันอยู่ข้างใน  ฤดูกาลยังมาเยือนเหมือนซื่อตรง แต่ความผันแปรที่มีนัยยะร้ายก็แสดงตัวให้เห็นอย่างเด่นชัด   ที่บ้าน  เรามองไม่เห็นดอยหลวงที่ตั้งตระหง่านตรงหน้านานหลายสัปดาห์  ท้องฟ้าไม่เป็นสีฟ้า  เมฆขาวหายไป  มีเพียงชั้นเขม่าสีส้มจางบดบัง  ค่ำคืนไม่เห็นดาว ไม่เห็นจันทร์  ฉันภาวนาให้ตัวเองไม่ต้องใช้ยาพ่นขยายหลอดลม   แต่หลานน้อย และแม่ผู้ชราซึ่งอยู่แนวเทือกเขาถัดไปอาการไม่ใคร่ดีนัก

ขอเราจงตระหนักและบังเกิดความเข้าใจ  เราเป็นเพียงชาวนาชาวไร่แห่งเมืองเล็ก ๆ มี  ขุนเขาที่ทั้งโอบกอดและปิดล้อม  เราไม่รู้ว่าตลอดองคาพยพอันกว้างใหญ่ของโลก  บัดนี้เจ็บป่วยเพียบแปล้ไปทั่ว  ช่วยบอกเราด้วยว่า ร่างกายของโลกพ่นควันอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว  บอกคนอื่น ๆ ด้วยว่าให้หยุดขุดเจาะ  เลิกนำเทคโนโลยีมาบิดเบือนแสวงประโยชน์จากธรรมชาติ  เพื่อที่ฤดูกาลจะยังเที่ยงตรง  ชีวิตจึงจะดำเนินไปได้

ฉันกลับเข้าไปนั่งในบ้าน  ฝนตกกระหน่ำเมื่อวาน ทำให้ค่ำคืนที่เพิ่งผ่านเย็นฉ่ำหลับสบาย  แต่ว่าวันนี้ ฤดูร้อนยังอยู่กับเรา  สีแดงยังไม่หมดขวดดี  พระอาทิตย์ที่คล้อยไปตกตรงรอยต่อดอยนางยังไม่เปลี่ยนเส้นทางโคจร  วันนี้ เราจะอยู่กับความรุ่มร้อนได้ดีเพียงใด...

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…