Skip to main content

20080514 1

สีแดงมาจากไหน  ล่องหนอยู่ในน่านฟ้าหรือ?...  เริ่มละเลงลงบนใบหูกวาง ชมพูแซมแทรกด้วยแดง  ระบายจุดสีคล้ำตามใบ ก่อนเคลือบด้วยน้ำตาล  ฤดูกาลคืบคลานมาช้า ๆ  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงขีดสุดกลางเดือนเมษาฯ

เหยี่ยวดำคู่ผัวเมียแห่งเชิงผาหายไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ดุเหว่าร่อนร้องทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ...กาเว๊า ๆ   เหยี่ยวทุ่งสีขาวเทาเยี่ยมหน้า  โฉบร่อนตามแนวถนน  บนกิ่งไม้และเหนือทุ่ง   ผืนดินเริ่มแห้ง  ต้นหญ้าสลดเฉาดุจเดียวกับพืชผล  มะเขือเทศข้างร่องน้ำผลิลูกเล็ก ๆ สีอ่อน ไม่ทันไรก็สุกแดง แห้งเหี่ยวหมดทั้งต้น   ฟักทองลูกสุดท้ายสุกเหลืองก่อนโตเต็มขนาด

ไล่เลี่ยกับแคแสดดอกบานเบ้อเริ่มตามขอบทุ่ง  กัลปพฤกษ์ในดวงใจชมพูสะพรั่งที่โน่นที่นี่   ดอกไม้อะไรอย่างนี้  ตลอดปีมีเพียงใบเขียว ๆ กับฝักเก่าๆ แขวนระย้า  เมื่อมีนาคมปรบมือเรียกฤดูร้อนย่างกรายมา  รากและลำต้นก็ไหวตัว กระซิบบอกเนื้อเยื่อ  สั่ง ‘ชีวิต’ ที่อยู่ภายใน...ได้เวลาผลิดอกแล้ว  สีชมพูถูกส่งมาแล้ว  แล้วเมื่อดอกสีชมพูบานพราวออกมาพร้อมกัน คุณเคยเห็นไหม?  ภาพพีชบล็อสซัมในชุดสวนผลไม้เบ่งบานของแวนโกะห์   ต้นไม้สีชมพูที่ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ   สีสันของมันส่งความรู้สึกมายังเรา เลยไปถึงฟากฟ้า  พื้นถนน และแมกไม้ใกล้ ๆ  

บนภูเขามีดอกเสี้ยวขาว  ขณะใบไม้มากมายถูกบ่มด้วยแสงแดดและความร้อน จนกระทั่งผืนป่าเขียวสดเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนแก่ และน้ำตาล  ไม้ป่าที่ออกดอกหน้าร้อนทยอยผลิช่อ  เป็นดอกไม้ขาวหรือเหลืองละออ  รวมทั้งเถาช่อชมพูฝาดเลื้อยพัน

20080514 2

แล้วเมื่อประตูหน้าต่างเปิดกว้างรับลมดึก  ทุกคนพร้อมใจกันสลัดผ้านวม ฉวยผ้าผวยผืนบางคลุมอก  ต้นไม้สีชมพูกระจ่างก็จางลงเป็นสีขาว  ค่อย ๆ หล่นร่วงบางตา  หางนกยูงข้างทางสยายปีกแดงโรจน์ไปทั่วหลังจากรอเวลาไม่กี่สัปดาห์   สีชมพูของฤดูร้อนถูกสีแดงเติมลงไปจนหมดขวด  ดุจเดียวกับความร้อนแรงของดวงอาทิตย์  เที่ยงวันอันร้อนรุ่ม หรือเที่ยงคืนที่นอนพลิกตัวกระสับกระส่าย  ถึงตอนนั้นชมพูพันธุ์ทิพย์ก็จับจีบชมพูม่วงบานล่วงหน้าไปแล้ว  ที่รีรอหลังสุดไม่ใช่ใคร  เมื่อฝนกระหน่ำส่งฤดู  ลมแล้งก็ทิ้งช่อเหลืองกระจ่าง ห้อยระย้าอยู่ในสายลม

เราออกจากบ้าน เดินทางไปตามถนนสายทอดยาวคดเคี้ยวเลียบภูเขา  จากต้น กลาง และปลายฤดูร้อน  ภูเขาที่ผลัดอาภรณ์ก่ำแดงในคราแรก แห้งผากเป็นสีน้ำตาล  แล้วแปรเปลี่ยนเป็นสีดำด้วยเขม่าควันไฟ  และเมื่อมรสุมพัดผ่าน เขย่าหลังคากราวใหญ่   ต้นไม้ก็เริ่มแตกใบ  สีเขียวใหม่ ๆ จากจานสีของธรรมชาติค่อย ๆ แตะแต้มลงบนราวป่า

รอบบ้านเป็นทุ่งโล่ง มองไปเห็นภูเขาไกล ๆ  รายรอบ  ที่สูงสง่าตรงหน้าคือดอยหลวงเชียงดาว  ซบแนบแทบข้างคือดอยนางผู้จงรัก  ถัดไปเป็นเทือกทิวที่ทอดสู่อำเภอปาย ทะเลหมอกแห่งห้วยน้ำดัง  แยกอีกทาง เบี่ยงเป็นแนวเทือกเขาแดนลาว   เขตดอกไม้ผลไม้เมืองหนาวแห่งดอยอ่างขาง   ด้านทิศตะวันออกนั้นมีแนวเขาไม่สูงนัก คั่นระหว่างอำเภอพร้าว  ทะลุสู่ถนนสายเหยียดยาวมุ่งหน้าไปยังจังหวัดเชียงราย  ขุนเขาด้านนี้เป็นกลุ่มเตี้ย ๆ  ยอดตัด คล้ายโต๊ะศิลาใต้เมฆ  มองจากหน้าต่าง  แนวต้นสักของสวนถัดไป  ทาบกิ่งก้านโล้นโกร๋นเป็นฉากหน้าแห่งทัศนียภาพ

ทั้งยามกลางวัน และคืนจันทร์เต็มดวง  มองจากนอกชาน  จุดรวมสายตาตามธรรมชาตินอกจากขุนเขาใหญ่ คือไม้ต้นหนึ่งซึ่งแลดูสูงเพียงไหล่ดอย   กลางฤดูร้อน มันเปลี่ยนสีเป็นแดงช้ำและน้ำตาลคล้ายเตรียมผลัดใบ  สีแดงในตอนแรกนั้นสวยราวฉากฤดูใบไม้ร่วง  พอสีน้ำตาลฉาบจับจนคล้ำ  เราเผลอทอดอาลัย  มันคงกำลังจะทิ้งใบ   ฉับพลัน ในวันอันว่องไวและคาดไม่ถึงนั้นเอง  สีสันอันห่อเหี่ยวและชวนใจถึงความตายกลับกลายเป็นสีเขียวอ่อนลออของชีวิตใหม่   คุณเคยเห็นอะไรอย่างนี้ไหม?  ปกติไม้ใหม่จะแตกใบสีชมพูฝาด  แล้วค่อย ๆ เขียว  พอแก่ใกล้ร่วงจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล  ไม่ได้รวมกิริยาอาการของใบไม้ผลิและร่วงไว้ด้วยกันอย่างนี้

เมื่อไม้ชวนฉงนกลับสู่ความเขียวขจีดังเก่า  ฉันพบว่าเสียงดุเหว่าจางไป  มันไม่มาร้องใกล้ ๆ  ทั้งเวลาเช้าและเย็นย่ำ  แต่เพรียกพร่ำนาน ๆ จากที่ไกล ๆ  พวกที่ส่งเสียงจ้อไม่ยอมหยุด และบุกรุกปลุกเราแต่เช้านี่สิ เจ้าเอี้ยงสาลิกา  พวกมันเปลี่ยนที่จิกตีกันจากใต้คบไม้ใหญ่หน้าบ้าน และตามพงหญ้าขึ้นมาบนหลังคา  เสียงอุ้งเท้าเล็ก ๆ ที่มีปลายเล็บแข็ง ๆ จิกครูดไปบนกระเบื้องลอน  ปากก็ส่งเสียงเอะอะโวยวายเหมือนอยู่ในตลาดเช้า  เด็กน้อยที่ยังง่วงงุนถามแม่ว่า  นกมันทะเลาะกันหรือจ๊ะ?  ส่วนนักประพันธ์ขี้เซาผู้ปลุกปั้นกับงานเขียนจนใกล้รุ่งหลับปุ๋ย ไม่สำเหนียกส่ำเสียงใด

เหมือนทุกสิ่งดำเนินไปตามปกติ  ชีวิตที่นี่ทำให้เราเห็นฤดูกาลชัดขึ้น  เราตัวเล็ก เหมือนครอบครัวสัตว์ทุ่งครอบครัวหนึ่ง  แหละสายฝน  ความหนาว ความร้อน  ทัพเมฆ  มรสุม  ก็แสดงตัวต่อหน้า  ทว่า... แท้จริง  ไม่มีฤดูร้อนใดร้อนเท่าปีนี้   นานมาแล้ว  ดื่นดึกของเดือนเมษาฯ เราเคยได้อาศัยผ้านวมผืนนุ่มเสมอ  แต่ปีนี้  เที่ยงคืน  อุณหภูมิค้างอยู่ที่ 30 องศา บ้านต้องเปิดกว้าง  เลิกหวั่นน้ำค้างหรือไอชื้น   เรากระสับกระส่ายผุดลุกผุดนั่งยามกลางวัน  พื้นกระดานร้อนผ่าวจนนั่งไม่ลง  กระเบื้องหลังคาส่งไอร้อนลงมาไม่หยุดหย่อน  เราพากันดื่มน้ำเหมือนไม่รู้จักอิ่ม

ดอกไม้ของฉันอดทนมากเมื่อต้องมาอยู่ที่นี่  ‘หนองแร้ง-แล้ง’ ตามชื่อดั้งเดิมของมัน  ดอกไม้ไม่ค่อยโตแต่ก็ทรงชีวิต   ไม่มีหมอก ไม่มีสายฝน  มีเพียงความร้อนที่แผดเผาเราอยู่นานหลายสัปดาห์  ผืนดินแห้งแข็งแตกปริ  น้ำในบ่อแห้งขอดลง จนต้องแบ่งกันให้ดีระหว่างคนกับต้นไม้  

20080514 3

ตลอดเดือนมีนาคม  ฉันดีใจมากที่เด็ก ๆ ไม่อยู่บ้าน  ช่วงเวลาของกิจกรรมแห่งความสืบเนื่องของฤดูกาล  ‘ไฟ’ ถูกจุดขึ้น ส่งควันสักการะท้องฟ้า  การทำความสะอาดผืนดิน ลานบ้านจากใบไม้ เศษขยะ  การปราบเรือกสวนนาไร่รวมทั้งผืนป่า  เปลวไฟเลื้อยไล่ไปตามสันดอยด้วยความหวังจากการหาอาหารไพร  ผืนนาที่ดำละเอียดด้วยเถ้า ซึ่งชาวนานั่งมองอย่างพึงพอใจว่า  ฤดูแห่งงานหนักได้ผ่านไปแล้วอีกรอบหนึ่ง หลังจากพักเหนื่อย ปาดเหงื่อออกจากหน้า  ก็จะถึงเวลาลงแรงใหม่

เราทำเช่นนั้นไม่ได้อีกแล้ว!  ทั่วแอ่งกระทะภาคเหนือตอนบน   กะทะเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน  สองปีมาแล้วที่เราถูกคั่วไหม้รมควันอยู่ข้างใน  ฤดูกาลยังมาเยือนเหมือนซื่อตรง แต่ความผันแปรที่มีนัยยะร้ายก็แสดงตัวให้เห็นอย่างเด่นชัด   ที่บ้าน  เรามองไม่เห็นดอยหลวงที่ตั้งตระหง่านตรงหน้านานหลายสัปดาห์  ท้องฟ้าไม่เป็นสีฟ้า  เมฆขาวหายไป  มีเพียงชั้นเขม่าสีส้มจางบดบัง  ค่ำคืนไม่เห็นดาว ไม่เห็นจันทร์  ฉันภาวนาให้ตัวเองไม่ต้องใช้ยาพ่นขยายหลอดลม   แต่หลานน้อย และแม่ผู้ชราซึ่งอยู่แนวเทือกเขาถัดไปอาการไม่ใคร่ดีนัก

ขอเราจงตระหนักและบังเกิดความเข้าใจ  เราเป็นเพียงชาวนาชาวไร่แห่งเมืองเล็ก ๆ มี  ขุนเขาที่ทั้งโอบกอดและปิดล้อม  เราไม่รู้ว่าตลอดองคาพยพอันกว้างใหญ่ของโลก  บัดนี้เจ็บป่วยเพียบแปล้ไปทั่ว  ช่วยบอกเราด้วยว่า ร่างกายของโลกพ่นควันอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว  บอกคนอื่น ๆ ด้วยว่าให้หยุดขุดเจาะ  เลิกนำเทคโนโลยีมาบิดเบือนแสวงประโยชน์จากธรรมชาติ  เพื่อที่ฤดูกาลจะยังเที่ยงตรง  ชีวิตจึงจะดำเนินไปได้

ฉันกลับเข้าไปนั่งในบ้าน  ฝนตกกระหน่ำเมื่อวาน ทำให้ค่ำคืนที่เพิ่งผ่านเย็นฉ่ำหลับสบาย  แต่ว่าวันนี้ ฤดูร้อนยังอยู่กับเรา  สีแดงยังไม่หมดขวดดี  พระอาทิตย์ที่คล้อยไปตกตรงรอยต่อดอยนางยังไม่เปลี่ยนเส้นทางโคจร  วันนี้ เราจะอยู่กับความรุ่มร้อนได้ดีเพียงใด...

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เชื่อในพระองค์จึงมุ่งหวังถึงสิ่งดีพร้อม เชื่อในตัวตนบริสุทธิ์ หัวใจสะอาดสมบูรณ์ ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันตั้งใจอย่างดีที่สุด ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำด้วยหัวใจ ถึงอย่างนั้น ภายหลัง มักรู้สึกเสมอว่า ยังมีดีที่สุดมากกว่านั้นรอคอยอยู่ เมื่อได้เห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเอง ขี้เกียจ ขาดวินัย หรือว่าเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น น้องชาย ตัวสูงใหญ่ บางถ้อยเผลอไผล วาดหวังเหรียญเงินและเหรียญทองแดง รางวัลชมเชยนั้นไว้คิดถึงมันยามต้องทำใจปล่อยวางไม่ดีกว่าหรือ เมื่อลงแรงลงใจทำสิ่งใด น่าจะใช้หนทางธรรม อยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม…
รวิวาร
ถ้อยคำทำให้ฉันเต็มอิ่มสดชื่น ถ้อยคำเหมือนฝนโปรยปราย ฉันเขียนถ้อยคำ ทำให้เกิดฝน เขียนตัวเองออกยืนอ้าแขน รับละอองฝนโปรย ฉันอ้าปากเหมือนเด็กน้อย ฝนหยดจิ๋วแตะลงบนลิ้น ความกระหายมากมายไม่อาจดับสิ้น พายุทำให้กระปรี้กระเปร่ามีพลัง พายุสร้างถ้อยคำในตัวฉัน เมื่อพายุพัด สายลมในกายหมุนวน มันได้ยินเสียงกู่ร้อง มันอยากออกไปหาพวกพ้องของมัน มันขับฉัน ผลักไสเท้าทั้งสองให้ออกไปโลดแล่นในทุ่งกว้าง ให้สายลมกรูเกรียวผ่านร่าง บังคับให้ฉันหมุนตัว เต้นระบำกับเกลียวพายุ หัวใจส่งเสียงคำรามเมื่อสายลมกู่ก้องออกจากป่า ลมร้องเริงร่าที่กิ่งไม้ รัวใบไม้แทนระนาดเงินใบเล็ก ๆ พายุโจมตีหลังคา…
รวิวาร
  ฉันรู้ว่า เธอต้องการใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและมั่นคง ผู้หญิงคนนั้น สตรีร่างยักษ์ซึ่งเคยก้มลงมายังเธอ ยิ้มอย่างใจดี แววเอ็นดูท้นอยู่ในดวงตา แล้วต่อมา ร่างของเธอกลับยืดสูง ขยายขึ้น เธอตัวสูงกว่าหญิงคนนั้น การรับรู้ของหล่อนเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่หล่อนต้องคอยกางปีกปกป้อง ทว่า ข้างในเธอกลับยังโหยหาวงแขนนั้น เธออยู่ระหว่างการต้องการการอารักขา และการยืนหยัดด้วยตัวเอง เหมือนรอยต่อระหว่างรัตติกาลและสนธยา มืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนและคนตัวโตอื่น ๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างไร บางครั้งเข้มงวดเหมือนเด็กเล็ก ๆ บางคราวปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นผู้ใหญ่…
รวิวาร
ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ…
รวิวาร
ลมหนาวยังไม่มาเยือน แต่อาคันตุกะมากหน้าแวะเวียนผ่านมาหลายคราแล้ว ชานหน้าบ้านกลายเป็นที่ชุมนุมคารวะดื่มด่ำภูเขา หมาแมววิ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เห่าเสียงเครื่องยนต์ไม่คุ้นหู ยื่นหน้ามาสูดกลิ่นยั่วน้ำลายในโตก ความรื่นเริงของหมู่มิตรอึกทึกแข่งเสียงนกในทุ่งสงัด แนวเทือกเขาซ้อนเหลื่อมชายแดนค่อย ๆ เผยเรื่องเล่าผ่านริมฝีปากพี่ชาย* ย้อนไปตั้งแต่ครั้งที่เรายังเด็ก ยามโถงรับแขกของทุกบ้านมีดอกฝิ่นแห้งประดับแจกัน การแตกแยกอันนำไปสู่สงครามระหว่างชนเผ่าในประเทศเพื่อนบ้าน การติดตามไล่ล่าข้ามดอย รบพุ่ง ทิ้งซากร่างและเม็ดกระสุนในเขตเชียงดาว ผืนโลกอัดแน่นด้วยเรื่องราว ตามเส้นทางลัดเลาะบนโขดเขาสีน้ำเงิน…
รวิวาร
ฝนมาเพียงไม่กี่ฝนเท่านั้น กิ่งสักโล้นโกร๋นก็ผลิใบกว้าง สีเขียวถูกเทระบายลงแทนสีแดง วันเว้นวันฟ้าหม่นมัว สีเทาดำปื้นเหมือนหมึกฉาบลงบนเมฆในท้องฟ้าก่อนซัดซ่าลงมาเป็นสายน้ำสีขาว เราจ้างคนมาขุดบ่อลึกลงไปอีกเมื่อปลายเมษาฯ ค่าแรงสำหรับตาน้ำใหม่คิดตามอัตราชนชั้นกลางในหมู่บ้าน (แพงกว่าปกติ) เพียงสัปดาห์ผ่าน ฝนกลับกระหน่ำลงมา บ่อเล็ก ๆ ของเราไม่เคยแห้งอีกเลย จากนั้น ลืมๆ เลือนๆ ไปบ้าง แล้วสวนกว้างก็เขียวขจีด้วยพงหญ้า เหมือนที่ภูเขา เรือกสวน ไร่นาและท้องทุ่ง ในตลาดและเพิงหญ้ารายทาง หน่อไม้แรกของปีขาวผ่อง เห็ดเผาะอ่อนๆ เยี่ยมหน้ามาในกรวยใบตองตึง ตามอย…
รวิวาร
  แซงแซวหางบ่วง คืออาคันตุกะตัวใหม่แห่งท้องทุ่งและคาคบ ตัวยาวเรียวสีออกดำ คาบหญ้าแห้ง บินผ่านต้นมะขามที่เพิ่งแตกใบอ่อน ผ่านกอกล้วยกอไผ่ โฉบสูงขึ้นไปบนคบไม้ ทิ้งรอยเรียวหางแฉกยาวไว้เป็นทางไม้ใหญ่หน้าบ้านเป็นอาณาจักรของหมู่นก ฤดูฝน ฤดูแห่งความสมบูรณ์ของพื้นพิภพ นกมากมายบินมาอาศัย เรารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่อยากเปิดหนังสือ ท่องชื่อนกหรือดวงดาว ฉันอยากรู้จักพวกเขาเป็นส่วนตัว จากพฤติกรรมที่เขาสัมพันธ์กับเรา จะได้จดจำกันด้วยหัวใจ ด้วยความรู้สึก ‘เธอ’ ไม่ใช่นกเอี้ยงสาลิกา ซึ่งเลิกมาทะเลาะกันบนหลังคาบ้านฉันสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นนกขนาดย่อม…
รวิวาร
เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอ ฉันมักจะฝันถึงเธอเสมอเวลาที่เราอยู่ไกลห่าง เธอยังเหมือนเดิม ส่งเสียงแจ้ว ๆ ไถ่ถามสิ่งต่าง ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เธอคือเด็กน้อยน่ารักที่สุด ความรู้สึกของเธอ หัวใจของเธอ ฉันรู้จักดีที่สุด แม่ของเธอคิดถึงเธออยู่นะสาวน้อย พ่อทางใจน้ำตาคลอขณะพับเสื้อกระโปรงตัวจิ๋วของนกน้อยต้อยตีวิด ส่วนพี่สาวที่ชอบข่มขู่ดุว่า แต่ก็ถลาไปปกป้องน้องยามมีภัยบ่นอยู่นั่นแล้วว่า คิดถึงเธอเหลือเกิน ใครจะรู้สึกถึงดินฟ้าได้เท่าเจ้านกน้อย สำหรับเธอแล้ว ก้อนกรวดที่พบตามพื้นดินหรือในลำธารสวยเสียจนต้องเก็บมาพินิจ เช่นเดียวกับลูกปัด ลูกแก้ว พลาสติกหรือพลอยเทียมราคาถูก ต้นไม้ดอกไม้ แมลงตัวเล็ก…
รวิวาร
ฤดูกาลแห่งดอกผล .............ก่อนหน้านี้ความไม่รู้พาเราไปอยู่ไหน  ที่เราเห็นคือกิ่งแห้ง ๆ ใบจุด ๆ สีดำ  ทว่า เวลานี้ หลังจากที่ฤดูฝนพ้นผ่าน หนาวจากจาง  ใบใหม่สีเขียวอ่อนงอกแซมตามกิ่งเก่า  สัปดาห์ เดือนผ่าน กระทั่งเข้ม เขียวขลับ  พร้อมกันกับช่อดอกเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อน หอมละมุนขจรขจาย  และกำลังจะกลายเป็นผล ...ต้นลำไยที่เคยทอดอาลัย   โมกสองต้นหน้าระเบียงผลิใบใหม่เขียวขจี รายเรียงตามกิ่งก้านคล้ำเข้ม...พี่ชาย ‘ชนกลุ่มน้อย’ มาถึงบ้านพร้อมด้วยเมล็ดกาแฟคั่วบด และค่าเรื่อง  รอยยิ้มอบอุ่นบอกกล่าวถ้อยคำมากมาย  .............
รวิวาร
เหมือนความต้องการไม่รู้จบ ... ยามเช้า จะดีเสียกว่า หากปราศจากเสียงจากหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน  ฉันต้องการเพียงสรรพสำเนียงยามเช้า  ที่ผู้เป็นเอกคือเหล่านกน้อย  โดยเฉพาะนักร้องนำดุเหว่าแห่งวงมโหรีไม้ใหญ่   เจ้านกส่งเสียงเซ็งแซ่ เริงร่า มีชีวิตชีวาทุก ๆ เช้า  เริ่มรุ่งอรุณอันสดใหม่  แล้วที่เหลือจากนั้น  ขอเพียงเสียงแผ่ว ๆเคล้าระคนจากชีวิตน้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ตามคบไม้ พงหญ้า   ท้องฟ้าจะได้ค่อย ๆ ซ่านแสงสี  ดวงตะวันจะได้เผยโฉมออกมาโดยปราศจากคนรบกวนเมื่อแรกเห็น  เราดีใจว่าที่นี่ไม่เปลี่ยวร้างเกินไป  ถนนเงียบสงบลาดผ่าน …
รวิวาร
สีแดงมาจากไหน  ล่องหนอยู่ในน่านฟ้าหรือ?...  เริ่มละเลงลงบนใบหูกวาง ชมพูแซมแทรกด้วยแดง  ระบายจุดสีคล้ำตามใบ ก่อนเคลือบด้วยน้ำตาล  ฤดูกาลคืบคลานมาช้า ๆ  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงขีดสุดกลางเดือนเมษาฯเหยี่ยวดำคู่ผัวเมียแห่งเชิงผาหายไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ดุเหว่าร่อนร้องทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ...กาเว๊า ๆ   เหยี่ยวทุ่งสีขาวเทาเยี่ยมหน้า  โฉบร่อนตามแนวถนน  บนกิ่งไม้และเหนือทุ่ง   ผืนดินเริ่มแห้ง  ต้นหญ้าสลดเฉาดุจเดียวกับพืชผล  มะเขือเทศข้างร่องน้ำผลิลูกเล็ก ๆ สีอ่อน ไม่ทันไรก็สุกแดง แห้งเหี่ยวหมดทั้งต้น  …
รวิวาร
นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่เรารู้จัก  ฉันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์  คนบางคนเหมือนสิ่งไม่คาดฝัน  อยู่ตรงหน้า พบเห็นเจนตา  ทว่า เมื่อคลี่เผยตัวตนออกมากลับงดงามยิ่ง................................................................พี่ดีใจที่ได้รู้จักและสนิทสนมกับน้อง  แม้ว่าสายตาหลายคู่ที่มองผ่านอาจเห็นเพียงหญิงสาวกะโปโลเริงร่า   ทว่า พี่ได้พบหลายสิ่งหลายอย่างไม่ธรรมดาในตัวน้อง