Skip to main content

20080527 1

เหมือนความต้องการไม่รู้จบ ... ยามเช้า จะดีเสียกว่า หากปราศจากเสียงจากหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน  ฉันต้องการเพียงสรรพสำเนียงยามเช้า  ที่ผู้เป็นเอกคือเหล่านกน้อย  โดยเฉพาะนักร้องนำดุเหว่าแห่งวงมโหรีไม้ใหญ่   เจ้านกส่งเสียงเซ็งแซ่ เริงร่า มีชีวิตชีวาทุก ๆ เช้า  เริ่มรุ่งอรุณอันสดใหม่  แล้วที่เหลือจากนั้น  ขอเพียงเสียงแผ่ว ๆเคล้าระคนจากชีวิตน้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ตามคบไม้ พงหญ้า   ท้องฟ้าจะได้ค่อย ๆ ซ่านแสงสี  ดวงตะวันจะได้เผยโฉมออกมาโดยปราศจากคนรบกวน

เมื่อแรกเห็น  เราดีใจว่าที่นี่ไม่เปลี่ยวร้างเกินไป  ถนนเงียบสงบลาดผ่าน  ทอดตัวไปตามหมู่ไม้  ไกลไปจนถึงเนินเขา  มาบัดนี้  เมื่ออยู่อาศัยกลับกลายเป็นว่า  จิตใจยิ่งโหยหาความสงัด  ต้องการมากยิ่งขึ้นไปอีก  ไม่มีผู้คน รถราผ่านเลยคงดี   ฉันอดประหลาดใจความรู้สึกพิลึกพิลั่นของตนไม่ได้   สัญชาตญาณไพรหรืออย่างไรกัน

ก่อนหน้านี้  เรามาค้างอ้างแรม ยามที่ยังไม่มีบ้าน  กางเต็นท์ ก่อกองไฟ  อยู่กับราตรีกาลเหมือนที่มนุษย์แต่ก่อนเคยทำ   รอบกายมีเพียงความมืด  ท้องฟ้าดุจผืนผ้าพรายดาวคลี่สะบัดอยู่เบื้องบน   ที่ราบดินดอนร้างผู้คน เปล่าเปลี่ยวบริสุทธิ์  สรรพสำเนียงหลายร้อยพันแสดงอาการแห่งชีวิตอยู่ใกล้ไกล   ยิ่งมืด ยิ่งเปลี่ยว สงัด หัวใจยิ่งกระปรี้กระเปร่า  ใคร่ลุกขึ้นกู่ร้อง หรือห้อตะบึงไปเยี่ยงสัตว์ป่า   ในตัวเราคงมีธาตุเดียวกันกับหริ่งหรีด  งูเงี้ยวเขี้ยวขอ  หรือสัตว์กลางคืนแห่งป่าไพร


.....................................................................................

20080527 2

ที่ภูเขาเดี๋ยวนี้  มีแสงไฟยามกลางคืน   ตีนดอยยามวัน เสียงเครื่องจักรทำงานอย่างต่อเนื่อง    เวลานี้  หากลองชะโงกหน้ามองไปยังภูเขา  ตรงสันเนินเล็ก ๆ ตีนดอยหลวงต่อกับดอยนาง  จะเห็นแผลใหญ่เหวอะหวะสีส้ม  ลานดินที่รถยักษ์ใหญ่ไถล้มต้นไม้อยู่หลายวัน

พวกเขาบอกกับฉัน ... “รู้ไหม  ต่อไปที่นี่จะไม่เงียบเหงาแล้ว  โน่นไง บนเขา  เราจะมีพระยืนองค์ใหญ่  คนจะพากันมามากมาย  ถนนสายนี้จะคึกคัก รถราขวักไขว่  ว่ากันว่า  อาจจะเป็นพระพุทธรูปประทับยืนองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศ  ไม่ไกลกัน ตรงนั้นก็มีเจดีย์ ที่ชาวบ้านกำลังช่วยกันสร้าง   ดีจังนะ ว่าไหม?”

ได้ยินมาว่า  เชียงดาวได้รับการพยากรณ์ให้รอด   คนเมืองกรุงมุ่งหน้าแสวงหาแผ่นดินคะนาอัน*  นำเงินทองมาแลกผืนดิน ...  เราต้องสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใหญ่โตทรงอิทธิฤทธิ์  เพื่อปัดเป่าเภทภัยร้าย   เพื่อความเป็นศิริมงคล   เป็นศูนย์รวมบุญกุศล คุณความดี

....เฉพาะภูเขาอย่างเดียวไม่ดีหรือ  ไหล่ดอย สันเขา ไต่ไปจนสุดยอด ล้วนเป็นเขตรักษาพืชพรรณสัตว์เถื่อน  แล้วยังยอดดอยศักดิ์สิทธิ์  ที่กาลเวลาและมลทินจากโลกย์เบื้องล่างแทบจะไม่แผ้วพานอีกเล่า   คิดสร้างกระเช้าข่มข้ามก็คิดแล้ว  รู้ ประจักษ์ ตระหนักแล้วว่าผิด    เพียงแค่อนุญาตหมู่มนุษย์สามัญย่ำเท้าไปชื่นชมก็รบกวนขุนเขาเทวดามากพอแล้ว   จะยังสร้างอะไรกระหนาบดอยอีก

ฟังว่า  เทวดานั้นไม่ชอบอยู่ใกล้มนุษย์  ด้วยเหม็นคาว สาบสาง สกปรก  หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สวรรค์ เทวดามีจริง  คงมีทิพยธาตุละเอียดพิสุทธิ์  ฉันว่าเทวดาน่าจะโปร่งเบา  เหินลอย   ยอดดอยหลวงสูงเสียดฟ้าซึ่งคงสภาพมานานนับล้านปี  อาจเพียงพอที่จะรับรองเทวดาได้  ดูเถิด  ปวงดอกไม้บนนั้นก็หาใช่ของโลก  เป็นพืชพรรณกึ่งสวรรค์กึ่งโลกมนุษย์  เทียนนกแก้วที่สีสันรูปทรงเหมือนนกแก้วไม่ผิดเพี้ยน  ราวเกิดจากการหลอมรวมระหว่างพฤกษากับวิหค  กุหลาบศรีจันทราที่หอมฟุ้งขจรขจายเฉพาะอย่างยิ่งคืนพระจันทร์เต็มดวงเล่า ก็ลี้ลับดุจบุปผาจากแดนสรวง

เหล่าพืชพรรณวิเศษแห่งยอดดอยเชียงดาวที่อยู่มานานนับกัปกัลป์  คืออุทยานเดินเล่นของชาวสวรรค์   เสียงสวดมนตร์ที่แว่วมาทุกวันพระของเหล่าเทวดา  ตำนานเจ้าหลวงคำแดง  กษัตริย์แห่งทวยเทพ  เก๊าผีล้านนา  ตำนานรักกับแม่นางอินเหลา?  หรือเราลืมแล้วว่า ความศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้นที่ถ้ำเชียงดาว  ตั้งแต่ชายป่า ใกล้เขตแดนมนุษย์  ไล่ขึ้นไปตามสันเขา  สู่จุดสูงสุด ณ  ยอดดอย แดนดินถิ่นทวยเทพ**

แม้พระพุทธรูปจะไม่ใช่กระเช้าลอยฟ้า  ทว่า คือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่  อาจบดบังหมู่ไม้งำเมฆฝน   หรือก่อเกิดผลกระทบอันไม่อาจประเมินค่า จากผู้คนมากมายที่เดินทางมาท่องเที่ยวสักการะ         

มนุษย์ไม่แตะต้องบ้างไม่ได้หรือ  ปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ อยู่ตามลำพังของมันเอง  ไม่ต้องเพียรพยายามปีนป่ายยอดเขาสูงชัน  หรือดำลึกลงไปก้นบึ้งสมุทร    ด้วยว่ากิเลสตัณหา แม้จะฝ่ายดี  หากไม่พิจารณาอย่างถ้วนถี่ย่อมส่งผลร้าย  

ฉันอาจดูเหมือนคนไร้ศรัทธา  ต่อต้านความเจริญทางศาสนา   ถึงอย่างไร หัวใจรู้สึกว่า ขุนเขาโดดเด่นอย่างเดียวงดงามกว่า  สูงสง่า บริสุทธิ์  ยังจิตใจสุขสงบ   ความเปลี่ยนแปรที่ภูเขาแสดง ผ่านใบไม้เปลี่ยนสี   ผ่านเหยี่ยว  กวางผา อีกา  หรือหมู่เมฆ  รูปเงาที่สะท้อนบนฟากฟ้า ผ่านลีลาตะวันที่หมุนเยื้องไปตามฤดูกาล  ทั้งหมดนั้นคือ สัจธรรม  ป่าไม้ให้อากาศบริสุทธิ์  อาหาร และน้ำหล่อเลี้ยงกาย  ขุนเขาหล่อเลี้ยงใจ พระพุทธองค์สอนว่า ...ธรรมมะ -ธรรมชาติ  ท่านอาจารย์พุทธทาสกล่าว ‘ตถตา’    แก่นไม่ใช่เปลือก   เปลือกหรืออาจนำไปสู่แก่น  สิ่งก่อสร้างใหญ่โต วัดวาอารามจักช่วยยึดยื้อจิตใจที่แสวงหาเพียงความสุข ความมั่งคั่งในโลกนี้ หรือสวรรค์ในโลกหน้าได้อย่างไร ?

อาจบางที...
ขุนเขา ป่าไม้  กล่าวโลกุตรธรรม
หากวัตถุที่มนุษย์เสกสร้าง
ฉายเพียงความหวาดหวั่น  และศีลธรรมพื้นผิว

เรามาสร้างพระในใจกันดีกว่า  ประดิษฐานธรรมะลงในชีวิตจิตใจ    ปล่อยขุนเขาให้อยู่อย่างสงบ  แสดงอนิจลักษณ์อันยิ่งใหญ่ต่อไป

.....................................................................................

* แผ่นดินคะนาอัน หมายถึงดินแดนที่พระเจ้าสัญญาว่าจะประทานให้แก่ชนชาติอิสราเอล ซึ่งพวกเขายังคงทำสงครามแย่งชิงกับปาเลสไตน์อยู่จนทุกวันนี้
** เจ้าหลวงคำแดง ประมุขแห่งเทพไท้เทวดาทั่วถิ่นล้านนา  ตามตำนานเดิมเป็นกษัตริย์มนุษย์  มาพบนางฟ้าจำแลงร่างเป็นกวางทอง คือแม่นางอินเหลา จึงตามนาง หายลับเข้าไปในถ้ำเชียงดาว กลายเป็นประมุขแห่งเทวดา สถิตอยู่ ณ ดอยหลวงเชียงดาว
***ไชโย! หลังจากเขียนเรื่องนี้ได้ไม่นาน  เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็เข้ามาระงับการก่อสร้างในบริเวณดังกล่าว 
 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…