รายงานความเคลื่อนไหวการช่วยเหลือญาติผู้ต้องขังคดีการเมือง จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา
แต่ให้ตายเถอะ การให้แบบนี้เราไม่ชอบเลย ให้พวกเขาได้รับนิรโทษกรรมออกมามีอิสรภาพ ได้ทำมาหากินตามปกติจะดีกว่าไหม การผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมควรมีพลังและมีความหวังมากกว่านี้จากพรรครัฐบาลที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกเข้ามา
มิตรสหายทั้งหลาย
ผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ออกมาแล้ว คนกทม.เสียงส่วนใหญ่เลือกใครมันก็สะท้อนความต้องการของพวกเขา สะท้อนรสนิยมทางการเมืองของพวกเขานั่นล่ะ เหมือนเลือกตั้งใหญ่เมื่อ 3 กรกฎาคม 2011 ที่คนส่วนใหญ่เลือกรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มันก็สะท้อนรสนิยมทางการเมืองของคนไทยได้ระดับหนึ่งเหมือนกัน
ประชาธิปไตยมันก็ยังดี ดีที่เปิดโอกาสให้เราได้เลือก ได้มีเสียง ได้แสดงเจตจำนงของคนอย่างเท่าเทียมกัน ต่อให้เป็นปราชญ์สยาม หรือยามเฝ้าตึกคุณก็มีแค่เสียงเดียวเหมือนกัน
ยินดีกับผู้ชนะ แม้เราจะไม่เคยชอบพรรคที่คุณสังกัดเลยก็ตาม ขอให้กำลังใจคนที่พ่ายแพ้ในกติกา คราวหน้าแก้ตัวใหม่ และผู้แพ้ก็ต้องสรุปบทเรียนและหาทางเปลี่ยนใจคนกทม. เพื่อให้เขาลงคะแนนในอีกสี่ปีข้างหน้า
ยินดีกับคนกทม.ที่มีสิทธิเลือกผู้ว่าฯแต่เพียงเมืองเดียวบนแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองนี้ ไม่รู้อีกนานเพียงใด คนเชียงใหม่ คนโคราช คนนครศรีธรรมราช คนสงขลา คนสุพรรณบุรี คนศรีสะเกษ คนบึงกาฬจะได้เลือกผู้ว่าเหมือนคนเมืองฟ้าอมรรัตนโกสินทร์นี้บ้าง หรือว่า เราไม่ได้อยู่ประเทศเดียวกันวะ
จบการบ่นสนทนาประสาคนเฝ้ามอง เฝ้าติดตามข่าวที่อยากให้มีข่าวแบบนี้ทุกจังหวัด
ทีนี้กลับมาที่รายงานการเบิกจ่ายของบัญชีกองทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องขังคดีการเมืองเสื้อแดงอุบลราชธานี "อย่าลืมว่าพวกเขาถูกขัง อย่าขังพวกเขาจนลืม"
คุณจำได้ไหม มีคนที่เป็นนักโทษการเมืองจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมด้วยอาวุธสงครามเต็มรูปแบบเมื่อเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2010 กี่มากน้อย? บาดเจ็บและตายไปกี่มากน้อย ? ฆาตกรผู้สั่งการ ผู้ลงมือสังหารได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอันพิสุทธิ์เพริศแพร้วของประเทศนี้หรือยัง?
จากความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว (คลิกเพื่ออ่าน http://www.facebook.com/photo.php?fbid=515425068503403&set=a.117426118303302.8710.100001077429414&type=1&theater)
มาบัดนนี้ครบรอบเดือนแล้ว ที่เราจักได้รายงานความเคลื่อนไหวของกองทุนฯให้มิตรสหายที่มีใจห่วงใยครอบครัวของพวกเขา บ้างส่งกำลังใจ บ้างให้กำลังทรัพย์ บ้างไปเยี่ยมพวกเขาถึงเรือนจำพิเศษหลักสี่ นั่นคือ พลังใจที่มิตรสหายของเราต่างมอบให้พวกเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย - จดหมายจากเรือนจำที่ส่งถึงผมทุกสัปดาห์ได้แต่พร่ำขอบคุณ
หลังจาก 5 กุมภาพันธ์ 2013 มีความเคลื่อนไหวในบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี บัญชีเลขที่ 393 0 23434 3 ชื่อบัญชี น.ส.กิ่งกาญจน์ สำนวนเย็น หรือ นายเสนาะ เจริญพร หรือ นางเสาวนีย์ ตรีรัตน์ อเลกซานเดอร์ มีเงินในบัญชี 166,717.86 บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นหกพันเจ็ดร้อยสิบเจ็ดบาทแปดสิบหกสตางค์) มาวันนี้วันที่ 5 มีนาคม 2013 มีความเคลื่อนไหวต่อจากนั้น 7 รายการ รายละเอียด ดังนี้
1) 12 กุมภาพันธ์ 2013 มีเงินเข้ายอดแรก 1,000 บาท
2) 12 กุมภาพันธ์ 2013 มีเงินเข้าอีกยอด 10,500 บาท
3) 14 กุมภาพันธ์ 2013 มีเงินเข้ายอดแรก 3,210 บาท
4) 14 กุมภาพันธ์ 2013 มีเงินเข้าอีกยอด 5,000 บาท
5) 20 กุมภาพันธ์ 2013 มีเงินเข้าจำนวน 4,000 บาท
6) 4 มีนาคม 2013 มีเงินเข้าบัญชีจำนวน 5,000 บาท
7) 5 มีนาคม 2013 ถอนเงินออกมา 12,000 บาท
การเบิกเงินวันนี้ แบ่งเป็น
1) เพื่อมอบให้ครอบครัวผู้ต้องขังคดีการเมืองเสื้อแดงอุบลราชธานี 4 ครอบครัว ๆ ละ 2,000 บาท (รวม 8,000 บาท)
2) มอบให้ครอบครัวของคำพลอย นะมี ที่ตอนนี้ร่างกายแข็งแรงแต่ดวงตามองไม่เห็น 2,000 บาท
และ 3) โอนเข้าบัญชีของครอบครัวของผู้ต้องคดีการเมืองที่สกลนคร (เลื่อน ศรีสุโพธิ์ - แกนนำชาวบ้าน) มีเงินเหลือในบัญชีกองทุน 183,427.86 บาท (หนึ่งแสนแปดหมื่นสามพันสี่ร้อยยี่สิบเจ็ดบาทแปดสิบหกสตางค์)
แต่ให้ตายเถอะ การให้แบบนี้เราไม่ชอบเลย ให้พวกเขาได้รับนิรโทษกรรมออกมามีอิสรภาพ ได้ทำมาหากินตามปกติจะดีกว่าไหม การผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมควรมีพลังและมีความหวังมากกว่านี้จากพรรครัฐบาลที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกเข้ามา
กลัวอะไรนักหนากับการช่วยเหลือประชาชน กลัวอะไรนักหนากับการปลดปล่อยประชาชนจากโซ่ตรวนอำมหิตของระบบเก่าล้าหลัง
เห็นมั๊ยมวลชนเต็มแผ่นดินต่างหยัดยืนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้คุณจนบาดเจ็บล้มตายไปกี่มาน้อย การสร้างมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมต้องเดินหน้า มวลชนแสดงความหาญกล้ามาแล้ว รัฐบาลที่มาจากประชาชนก็ต้องมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง
ประชาชนจงเจริญ
05-03-2013
ธีร์ อันมัย
ป.ล.ขอบคุณเสนาะ เจริญพร กิ่งกาญจน์ สำนวนเย็น ผู้เป็นธุระเรื่องบัญชีและการมอบเงิน ขอบคุณมิตรสหายทุกคนครับ