ไม่ลืม
ในบ้านเมืองที่ไม่ได้ปกครองด้วยหลักกฎหมายที่เป็นธรรมเสมอหน้าและกระบวนการยุติธรรมก็ได้ล่มสลายลงไปนานแล้วนั้นมันเหมือนการเล่นตลกร้ายกับชะตากรรม กับความจริงและความทรงจำของผู้คนในยุคสมัยของเรา
หากใครบอกว่า นี่คือช่วงเวลาแห่งความสุข ก็คงเป็นห้วงเวลาแห่งความสุขของคนที่ไม่สนใจความทุกข์ของคนรายรอบและบางส่วนก็มีความสุขอย่างล้นเกินบนกองทุกข์ของคนอื่น หรือไม่ก็คงเป็นความสุขแบบทนฝืนกลืนกล้ำ
หากใครบอกว่า นี่คือห้วงเวลาแห่งเสรีภาพ ก็คงเป็นเสรีภาพของคนที่มีปืนหรือยืนอิงแอบอยู่ข้างหลังหรือเคียงข้างคนมีปืนเท่านั้น หรือไม่ก็มีเสรีภาพภายใต้ข้อจำกัดจำเขี่ยยิ่งนัก
ท่ามกลางซากปรักหักพังของสิทธิเสรีภาพ ประเทศนี้เต็มไปด้วยนักโทษทางความคิด นักโทษทางการเมือง และคนที่ไม่สามารถแสดงออกซึ่งความคิดเห็นหรือความคับข้องหมองใจอย่างสงบและสันติได้นั้น
จำพวกเขาได้ไหม สมยศ พฤกษาเกษมสุข สมบัติ บุญงามอนงค์และนักโทษทางความคิดอีกจำนวนมาก ?
จำพวกเขาได้ไหม สมศักดิ์ ประสานทรัพย์ สนอง เกตุสุวรรณ์ ธีรวัฒน์ สัจสุวรรณ ปัทมา มูลมิล นักโทษการเมือง 4 คน จากอุบลราชธานี ?
อย่าลืมว่า พวกเขาถูกขัง และทุกวันนี้ก็มีคนถูกขังจนแทบจะถูกลืมมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับพวกเขาเป็นอาชญากรชั่วช้าผู้ก่ออาชญากรรมหนักต่อมวลมนุษยชาติจนไม่มีสิทธิได้รับแม้แต่การปล่อยตัวชั่วคราวหรือให้ประกันตัว
...
ต้นเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2014 ที่ผ่านมานั้น กองทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องขังคดีการเมืองเสื้อแดงอุบลราชธานีได้มีความเคลื่อนไหวอันเงียบงันเพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องขังคดีการเมืองเสื้อแดงอุบลราชธานี 4 ครอบครัว ดังรายละเอียดความเคลื่อนไหวในบัญชี ดังนี้ ..
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เบิกจากบัญชี 8,000 บาท มอบให้ 3 ครอบครัว (ยกเว้นครอบครัวของธีรวัฒน์ที่เบิกล่วงหน้าเพื่อเป็นค่าเล่าเรียนให้น้องชายของเขาก่อน 3,000 บาทและงดมอบให้ในเดือนนี้และหักครึ่งหนึ่งในเดือนมิถุนายน) และที่สกลนคร ครอบครัวละ 2,000 บาท รวม 8,000 บาท
วันที่ 2 มิถุนายน 2014 เบิกจากบัญชี 9,000 บาท มอบให้ 5 ครอบครัว โดยครอบครัวธีรวัฒน์ ได้รับ 1,000 บาท และในเดือนต่อไปจะได้ครบ 2,000 บาทเหมือนเดิม
อันว่าเงินกองทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องขังคดีการเมืองเสื้อแดงอุบลราชธานีนั้นได้รับการบริจาคสมทบจากมิตรสหายผู้ต้องการช่วยบรรเทาเบาบางความลำบากของครอบครัวผู้ต้องขังคดีการเมือง อันเนื่องมาจากพวกเขาออกชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หยุดการเข่นฆ่าคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2010
จนถึงวันนี้เงินกองทุนฯคงเหลืออยู่จำนวน 199,429.18 บาท (หนึ่งแสนเก้าหมื่นเก้าพันสี่ร้อยยี่สิบเก้าบาทสิบแปดสตางค์) รายละเอียดตามภาพประกอบ เราจะยังไม่หยุดการช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องขังที่ถูกจองจำมาแล้วกว่า 4 ปี และถึงวันนี้ความหวังถึงอิสรภาพของพวกเขาดูจะริบหรี่ลงไปอีกหลายเท่าตัว
หวังว่า พวกเราจะไม่ลืมพวกเขาเหล่านักโทษทางความคิดและนักโทษทางการเมือง
นี่คือ ยุคสมัยของเรา
25 มิถุนายน 2014