Skip to main content

ฉันนั่งนิ่ง ณ สถานที่แห่งหนึ่งในตัวเมือง ยามพรรษาฤดู แห่งดินแดนล้านนาอิสรา

สายฝนโปรยปราย - โปรยปรอย

ยามเช้า...เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไม้โครงเหล็กเก่าคร่ำคร่า ...

น้องแมวสีเหลืองกระโดดขึ้นมามาบนโต๊ะมาทักทาย ฉั น


- - -
เหมียว... เหมียว... เหมียว....

นัยน์ตาสีเหลืองอ้อนมองดวงตาฉัน ฉันให้ปลาทูแด่เธอ

ฉันเพิ่งเดินอออกไปซื้อที่ปากซอยข้างนอก

และแล้วก็มีน้องแมวดำ และน้องหมาขาวเดินเข้ามาทักทายฉัน
ฉันก็ให้ปลาทูแด่เธอทั้งสอง


- - -
ณ บ้าน - ร้านนี้

เจ้าของร้านและเพื่อนๆ ที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยกัน เจ็ด, แปดคน ...

พวกเขาเป็นคนใจบุญ - รักสัตว์... หมา แมว นก หนู กา ไก่ ฯลฯ


เ ค ย มีคนเอาแมวมาปล่อย

เขารักสัตว์เลี้ยงจริงหรือ ? เจ้าของแมวที่เอามาปล่อยหน่ะ...

แต่เจ้าของร้านนี้เขาก็เอ็นดูเลี้ยงไว้หมด


มีน้องหมาตัวหนึ่ง เธอซัดเซ

พเนจรเข้ามาหาในบ้าน - ร้านนี้ พวกเขาก็ต้อนรับเลี้ยงดู


"
ผมตั้งชื่อมันว่า "ไอ้มาหา" ...

"ฮวก - อรุณรุ่ง สัตย์สวี" เจ้าของร้านบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม

ดวงตาเปล่งประกายอิ่มบุญ ก็หมายถึงหมาสีขาวที่ฉันให้ปลาทูแด่เธอนั่นเอง...
"
ฮวก" บอกว่า มันมาหาตั้งแต่ตัวยังเล็กอยู่

เมื่อมันมาหา ผมก็เลยตั้งชื่อมันว่า "ไอ้มาหา"


เดี๋ยวนี้ "ไอ้มาหา" โตเป็นหนุ่ม แล้ว

พลังกายมหาศาล กลายเป็น "ขาใหญ่" ที่นี่...
"
ไอ้แก่" หมาที่อยู่มาก่อนเคยข่มขู่ ข่มเหงกัด "ไอ้มาหา" จน "ไอ้มาหา" หงอกลัว
แต่มาบัดนี้ "ไอ้มาหา" โตเป็นหนุ่มร่างกายแข็งแรง กลับกลายเป็น "ขาใหญ่" แทน
สามารถข่มขู่ กัด "ไอ้แก่" จนทำให้ "ไอ้แก่"หงอกลัวบ้าง


"ที who ที IT" --- "ไอ้มาหา" คงพูดเช่นนั้น

ทำไม "ไอ้แก่" ถึงหงอกลัว "ไอ้มาหา" ?

มีเรื่องเล่า...


สาเหตุที่ "ไอ้แก่ หงอ กลัว และยอมไอ้มาหา"
ก็เพราะมีครั้งหนึ่ง ขณะที่พี่น้องชาว "สุดสะแนน" กำลังนั่งล้อมวงกินข้าวร่วมกันบนโต๊ะในร้าน...
"
ไอ้แก่" กะ "ไอ้มาหา" ก็มายืนรอขออาหาร และต่างก็ข่มขู่กัน ครางฮื่อๆ ใส่กันส่งเสียงดังลั่น
ไม่ยอมลดราวาศอกให้กัน ....
"
ฮวก" และเพื่อนพี่น้องตวาดบอกให้หยุด เพราะรำคาญ
"
พวกกูกำลังแดกข้าวอยู่ดีๆ พวกมึงก็มารบกวนสมาธิการแดกของกู" เจ้าของร้านคงคิดแบบนี้


เจ้าน้อง "หมาแก่" และเจ้าน้อง "หมาขาว" ก็ยิ่งครางฮื่อๆ แฮ่ๆ ใส่กันหนักหน่วงยิ่งขึ้น

ทั น ใ ด ... "ฮวก" ก็อุ้มจับ "ไอ้มาหา" โยนใส่ "ไอ้แก่"
และแล้ว ปี่ กลอง เพลงมวยแห่งหมาก็เริ่มบรรเลงเพลงบู๊ขึ้น ...
"
เจ้ามาหา" กะ "เจ้าแก่" ปล้ำฟัดกันอิรุงตุงนัง โต๊ะกับข้าวของพวกจิ๊กโก๋ สุดสะแนนนั่งกินข้าวไป
และนั่งยลดูบทเพลงแห่งการต่อสู้ของน้องหมาทั้งสอง


"ไอ้แก่" อายุมากแล้ว ถูก"ไอ้มาหา" หนุ่มกลัดมันกัดขบแน่นที่คาง กัดไม่ยอมปล่อย
ถึงที่สุด "ไอ้แก่" ก็ต้องยอมแพ้ วิ่งหนีแยกกันไป


"
ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป มันจะได้ไม่ต้องฮื่อๆ แฮ่ๆ ใส่กันอีก" อ้ายฮวกบอก ...
ได้ผล นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีการข่มขู่ คำรามใส่กันอีกแล้ว !

"ไอ้แก่" หงอ กลัว "ไอ้มาหา" เลย... เจ๋งจริง มุขนี้!


สายลมโชยพลิ้ว สายฝนพรูพรำ

ต้นไม้ ดอกไม้ งดงาม ผีเสื้อเริงรำร่อน ดูดดื่มเกสรดอกไม้...

เป็นบทเพลงต้อนรับฤดูฝนที่มาเยือน ... ดวงใจ ฉัน ฉ่ำบาน !


ณ สถานที่แห่งนี้ คือ ป่า ใ ห ญ่ ใ น เมื อ ง มี ตึก คอนโดคลาคล่ำ ล้อมรอบ

- - - ไ ก่ แ จ้ร่วมสิบกว่าชีวิตเริงลีลา ย่ำย่างจิกยอดผักยอดหญ้าใบไม้หากิน ...
นก นานา ชนิด ร้องเพลงขับขาน กล่อมโลก ชีวิต


โ อ้ ... หั ว ใ จ ฉั น เ บิ ก บา น ณ ยามอรุณรุ่งแห่งชีวี

จักเอาอะไรกันนักเล่าเพื่อนมนุษย์เอ๋ย ?

วัตถุ - เงินตรา... คือ พ ระ เ จ้า อ ง ค์ ใ ห ม่ ข อ ง ม นุ ษย์ ห รื อ ?


ณ ขณะ ปรัตยุบันนี้... เราก็มิได้ปฏิเสธ
วัตถุ - เงินตรา เมื่อเราต้องดำรงวิถีชีวิตอยู่ในเมือง

ทว่า...ตามความคิดเห็นของฉัน... เราพึงเข้าใจ และเป็น "นาย" ของมัน...
มิใช่เป็น " ทาส" ของมัน !


* "คนเราจะมีความสุขได้ ต้องได้อย่างที่ตัวเองอยากได้
แต่ก่อนอื่น ต้องรู้ก่อนว่า จริงๆแล้วอยากได้อะไร ไม่ใช่ให้สังคมบอกว่า เราควรมีอะไร

คุยกับตัวเองให้เข้าใจก่อน แต่ต้องไม่ไปเบียดเบียนทั้ง ตัวเองและผู้อื่น ฯลฯ"

ค วา ม สุ ข ของคนก็อยู่ตรงนี้แหละ ...

ฉั นเห็นด้วย


@
น ก แ อ่ น ฟ้า ในเมือง โบยบิน ฉวัดเฉวียน

เวียนว่อน แสดงว่า บนนภากาศยังมีอาหารให้พวกเธอได้ดื่มด่ำกินอยู่

สา ย ล ม โชยพริ้มพลิ้ว ... สา ย ฝ นหยุด พรูพรำ ...
โอ้ เพื่อนมนุษยชาติเอ๋ย หากเราเข้าใจจิตวิญญาณธรรมชาติ ชีวิต แล้ว

- - - โ ล ก นี้ ย่ อ ม ง ด ง า ม !


บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
ดูกร... ภราดา ...  ภราดร ...  โปรดอย่าได้  ฉงนฉงายค ว า ม ห ม า ย ชี วี  เพลานี้ณ  ที่ซึ่ง  มนุษยชาติ  โ อ บ ก อ ด ป ฐ พีณ ที่ซึ่ง เวลานี้  เ ธ อ มี รั ก ป ร ะ จั ก ษ์ ใ จรั ก มิ ต้อง ฝัน ... รั ก  นั้นคือ รั ก จ ริ ง !“ ค ว า ม รั ก นั้ น ยิ่ ง ใ ห ญ่ ”เริงรำร้อง  เที่ยวท่องไปสู่จุดหมายปลายทางแห่ง   เ พ ล ง รั ก นิ รั น ด ร์ณ ที่นี่ ... ที่นั่น ... ที่โน่น! นั้นมี  รัก!เราผ่อนพักชีวา  รั ก รั ง ส ร ร ค์เ มื่ อ  วิ ญ ญ า ณ  แห่ง  รั ก  โ อ บ ก อ ด กันโ ล ก = น ร ก – ส ว ร ร ค์  เป็นฉันใด  มิ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ภาพจาก แฟ้มข่าวประชาไท(๑) Excellent Life Rhythm(เป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก)ปลายฤดูฝน – ต้นฤดูหนาวแสง สี เสียง แห่งแม่พระธรรมชาติ อันเป็นรากเหง้า แห่งวิถีชีวิตเพื่อนมนุษยชาติ ช่างงดงาม หลากสีสันนัก!--- ดวงตะวัน ดวงดาว เดือนเสี้ยว –- กลางฤดูปลายฝน ต้นหนาว-- ฯลฯ --- ฯลฯ --- ฯลฯ---เริงระบำ รำร่ายฟ้อนเป็น Rhythm… เป็นจังหวะดนตรีแห่งสีสัน ช่างงดงามนักExcellent Life Rhythmเป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก!“ Life is Very Beautiful”ชีวิตช่างงดงามนัก หากโครงสร้างสังคม สามานย์ เปลี่ยนแปลง(๒) หมดเวลาของคุณแล้ว!Hello!พณฯหัวเจ้าท่าน คมช.หมดเวลาของคุณแล้ว!อย่าสืบต่ออำนาจต่อไปอีกเลย!อย่าเผด็จการฟัสซิสม์…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ล ม ห น า ว เ ห นื อ พั ด โ ช ย ม ายามต้องไล้ผิวกายร้อน ที่รุ่ม ก็ คลายกลิ่นอาย เหมันตฤดู มิรู้เลือน น ก น้ อ ย ๆ สีเหลืองเรืองเรื่อโบยบินทุกแหล่งหล้ามิรู้หนโผร่อนจับเกาะกิ่งก้านต้นมะขามสนามหลวง – สนามราษฎร์ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว – ตามไล่ทักทายกันโ อ ... ก็นานนักแล้วซิหนอที่พวกเจ้ามิได้มาพบกัน! ณ เบื้อง ฟ้าบนด ว ง ต ะ วั น สาดแสงแรงกล้า น ก พิ ร า บ ข า ว พราวอันมิถ้วนนับสะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อน ... ราวจักข่ม คคนานต์พราวปีกขาว สะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อนเริงรำร่อนจับเกาะกอดโดมแดนธรรม... ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์โ อ !...…
แสงดาว ศรัทธามั่น
(1)จักรวาลอวยพรชัยณ ยามราตรีกาลดวงดาวเดือนพราวพร่างบนทุ่งฟ้าวิบ วิบ วับ วับ เปล่งประกายทอแสงเจิดจ้าอวยพรชัยแด่โลก ชีวิต!แล ณ ยามอรุณรุ่งดวงตะวันสาดแสงสีทองส่องโลกหล้าวิหคนกกามวลสรรพสิ่ง – สรรพชีวี...เริงระบำรำร่ายฟ้อนอวยพรชัยแด่ผองเพื่อนมนุษยชาติ!ณ คืนวันแห่งการสัปประยุทธ ต่อสู้ด้วยอหิงสา ศานติวิธีพี่น้องม่าน พี่น้องชนเผ่าทั้งผอง...แล สตรีเหล็ก “ออง ซาน ซูคยี”รวมทั้งผองเพื่อนพี่น้องร่วมโลกร่วมแผ่นดินแห่งดาวโลกดวงนี้ต่างคล้องแขนร่วมเดินทางเปล่งร้องขับขานบทเพลงแห่งชัย...ชัย...ชัย...ชัย ! ดูรา...ภราดา...ภราดายลดูด้วยประกายดวงตาปลื้มปิติ...ดูซี...ดูซี...“มองดูความจริงซี”พระคุณท่าน แม่ชี...…