Skip to main content

 

(โคลงอิสรา)

 

@ ครา คนเรียนรู้โลก แจ่มชัด

โลก ย่อมรักรึงรัด มนุษย์จ้อย

โลกธรรมชาติชีวิต วางจัด แจ่มแจ้ง แล้วเนอ

เพียงแต่มวลมนุษย์น้อย จักตรัสรู้ ฉันใด ? @


 

(กลอนอิสระ)

 

@ ตรัสรู้ ก็คือรู้จัก โลก

สัมผัสสายลมโชยโบกสะอาดใส

- - - สายนที ดาว เดือน ดวงตะวัน อำไพ

อันมอบให้มนุษยชาติได้ดำรงชีวี

 

- - - ตรัสรู้ คือรู้คารวะ แม่พระธรรมชาติ

พราวพิลาสให้เราได้สุขี

ดิน น้ำ ลม ไฟ แม่พระธรณี

ศักดิ์สิทธิ์ปกป้องวิถีชีวิตมนุษยชน

 

ลัทธิอภิมหาบริโภคทุนนิยมสามานย์โลกาวินาศสุดโต่ง

เปล่ากลวงโล่งในทุกหน

ทำลายรากเหง้าวิถีชีวันแห่งปวงคน

โลก จึง ร้อนรน เลวร้าย นิรันดร์มา


- - -
จึงเพื่อนมนุษย์เอ๋ย

เคยคำนึงบ้างไหมเล่า เคยกังขา ?

ว่าหายนะโลกร้อนเพิ่มขึ้นทุกทีมา

ก็ด้วยอวิชชาบ้าคลั่งวัตถุนิยมเงินตรา

 

หายนะภัยร้ายจากน้ำมือมนุษย์

สุด สุด แจ่มแจ้ง เห็นกันทั่วหน้า

สึนามิ มหันตภัย โรคร้ายนา นา

ล้วนถาโถมถล่มมนุษย์อวิชชาพินาศพลัน

 

เงยหน้ามองดู ดาว เดือน ตะวัน บ้างซี

แล้วดวงใจ เธอ จักล้นปรี่ รักรังสรรค์

ออกมากลางแจ้งรับสายลมแสงแดดกัน

ฟังเสียงวิหคนกกาแจ้วจำนรรจ์ยาม อรุณ

 

เพื่อนเจ้ามนุษย์เอ๋ย …

อย่าลืมเลยว่าตราบ ดาวโลก นี้ยังคงหมุน

ก็ด้วยเพราะว่า แม่พระธรรมชาติ นี้มีพระคุณ

โปรดอย่าเนรคุณพระคุณแม่แห่งเธอเลย @

 

ชื่อเรื่องจากบทเพลงของวงดนตรี “ทีโบน”

ฤดูหนาว, ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ณ “ปลายฝน - ต้นหนาว”

ล้านนาอิสระ, เจียงใหม่.

 

 

 

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
แสงดาว ศรัทธามั่น เขียนกวีถึง วัฒน์  วรรลยางกูร
แสงดาว ศรัทธามั่น
แ ส ง ดา ว   ศ รั ท ธา มั่ น  
แสงดาว ศรัทธามั่น
 * * * * *  * -^-  * * * * * {  (  กลอนเปล่าอิสระ  :  จังหวะ …  “  ม้า ก ระ ทื บ โ ร ง  “   )  }
แสงดาว ศรัทธามั่น
                    ------------------------------
แสงดาว ศรัทธามั่น
  @   ( ๑ )    *    “   ฉั น  มี     ปี ก     เป็นของตนเองและ   คุ ณ   ไม่ได้เป็น   เจ้าของ  ท้องฟ้า “
แสงดาว ศรัทธามั่น
แสงดาว ศรัทธามั่น
  * * * * * -^- * * * * * -^- * * * * * *@ เ พื่ อ น ม นุ ษ ย ช า ติ ผู้ ใ จ ง า ม เอ๋ย . . .มิพึงให้ ความคิดเห็นต่าง ของเพื่อนมนุษย์ที่ คิด เห็น ไม่ ต ร ง กับ ใ จ เ ร ามาบั่นทอน จิตใจ ที่จักก้าวไปสู่ จุดหมายปลายทาง แห่ง หั ว ใ จ เ ร า
แสงดาว ศรัทธามั่น
________@ เ มื่ อ คื น ฉั น ฝั น ว่า ...มี " ปี ศ า จ " ตนหนึ่ง ดู คลับคล้าย คลับคลาเป็น " ปี ศ า จ " ใน นวนิยาย ของนักเขียน ไ ท คนหนึ่ง ที่ยังมีชีวิตอยู่มา เ ข้ า ฝั น และ สนทนา กับ ฉั นพูดคุย สนทนาธรรมกันหลายเรื่องราว