Skip to main content

 

(หนึ่งเพลงจักจั่น

 

@        จักจั่น   เรไรร้อง

โลกทั้งผอง   พราวสดใส

 ออร์เคสตร้า   อัน  อำไพ

โดยไม่ต้องมี  ออร์เคสตร้าคอนดั๊กเต้อร์”

 

คือเพลงแห่ง  ธรรมชาติ

พราวพิลาสงดงามเสมอ

บางครา ฉั น   พร่ำเพ้อ

ถึง หญิงสาวที่จากไป

 

. . . จากไป ด้วยจิตกล้า

เมื่อรู้ว่า   มีคนใหม่

โอ้จักจั่นกล่อมเพลงไพร

แห่งป่าเมือง    ที่นี้

 

- -  บางเศร้า เมื่อหวนคิด

ในอดีต อัน เปรมปรีดิ์

หอมหวานแห่งฤดี

โอบกอดรัก เคยยาวนาน

 

บางคราก็  สดใส

ด้วยดวงใจพร้องเพรียกขาน

โลกมนุษย์ ย่อม เบิกบาน

เมื่อชนผองร่วมพลัง

                                        

เพลงจักจั่น บรรเลงรมณ์

งดงามสม  ให้ความหวัง

เพื่อนมนุษยชาติเอ๋ยย่อมจีรัง

เมื่อเผด็จการน่าชิงชังทุกสายพันธุ์ พินาศลง 

 

- - -   นั่งกินนึ่งไข่มดแดง

อรุณแสง  แห่งเผ่าพงศ์

ยืนหยัดย่อมดำรง

อรุณหล้า โลกงดงาม

 

- -  ดนตรีจักจั่น

โลกรังสรรค์ทุกเขตคาม 
อัปรีย์ใดหมิ่นหยาม

ย่อมพบพาน  พลังมนุษยชน

 

เสียงเพลงจักจั่นใช่เสียงของเครื่องยนต์

อันพ่นมลพิษทุกแห่งหน

ทุนนิยมบริโภคสามานย์ที่แปลกปน

ไร้ซึ่งเสียง  ธรรมชาติ  เรา !


- -  คารวะ เพลงจักจั่น

อันพริ้งเพราะเพริศพริ้งเพรา

ดังบทเพลงที่ปลูกเร้า

อวยพรชัย  ป ระ ชา ช น  @

 

( สอง )      เพลงชีวิต 

 

เ มื่ อ วา น ไปนั่งพูดคุยกับ ยูร เพื่อนรุ่นน้องนักพัฒนาเอกชนหนุ่ม ณ เฌองดอยสุเทพ ใกล้วัดร่ำเปิง เขาทำงานด้านสิทธิมนุษบชน ช่วยเหลือเพื่อนพม่า  ที่ถูกรุกรานกดขี่ข่มเหง จากพวกเผด็จการสล๊อตทหารพม่า  ฉั น ได้ยินเสียงจักจั่นบรรเลเพลงออร์เคสตร้า  ฉั นบอกน้องว่า  ฉั นชอบเสียงเพลงของจักจั่นมาก  มันเป็นเพลงออร์เคสตร้าที่ไม่ต้องมี conducter ที่มายืนหน้าวงหน้าเวทียกไม้ยกมือให้จังหวะ  น้องบอกฉันทำนองว่า

เมื่อก่อนผมรำคาญเสียงจักจั่น และมันก็เยี่ยวใส่หัวผมด้วย แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่รำคาญแล้ว

เสียงเพลงจักจั่นเพราะมากเน้อ เราอยู่ในเมือง ได้ยินแต่เสียงรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เสียงเครื่องจักรกล ฯลฯ  เป็นไงบ้าง  นั่นคือมลพิษทางเสียง  มันไม่ไพเราะเพราะพริ้งเหมือนเสียงจักจั่น และ เสียงนกร้องดอก   น้องพยักหน้ายิ้ม ในระหว่างที่เราสนทนาธรรมกัน

 

มีอยู่คราหนึ่ง ฉันกะอ้าย สุวิชานนท์  รัตนภิมลหรือ คำ พอวา  กวี  นักเขียน  คนเพลง (นักดนตรี)  หรือ  ชนกลุ่มน้อย (อ้ายนนท์ผูกพันกับชนกลุ่มน้อยมาก คือพี่น้องชนเผ่าต่างๆในประเทศไทยสมมุตตืนี้  ที่ถูกเหยียดหยามรังแกจากพวกข้าราชการ  และถูกเหยียดหยามจากคนในเมือง) ที่เขียนใน  blog  ประชาไทนี้แหละ  ขอเปิดเผยชื่อนามปากกาโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต  ต้องขอโทษอ้ายนนท์ตวย แต่อย่างไรก็ตามคิดว่าผู้คนส่วนมากก็รู้นามปากกา หลากหลายของอ้ายนนท์อยู่แล้ว (ความลับไม่มีในโลก  และสสารก็ไม่สูญหายไปจากโลก  แค่จะถามหน่อยว่า …“ทนายสมชาย นีละไพจิตร  ที่ว่าความให้ พี่น้องมุสลิมภาคใต้หายไปไหน  ในสมัยอ้ายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และก็ขอถามว่า ทนง โพธิอ่าน  ผู้นำกรรมกรหายไปไหน? ในสมัยเผด็จการทหารสุจินดา คราประยูร และ บิ๊กจ๊อด (สุนทร คงสมพงษ์ ที่อ้ายทักษิณฯไปสวามิภักดิ์กะเผด็จการอ้ายทักษิณฯ หายไปไหน? จึงไม่มาร่วมสู้กับอ้ายตู่ จตุพร  พรหมพันธุ์  อ้ายสุวิทย์ วัดหนู  ลุงจำลอง  ศรีเมือง  อ้ายสุริยันต์ ทองหนูเอียด และคนอีกมากมายที่อยู่ทั้งสีเหลืองสีแดงสมมุติทั้งหลาย ฯลฯ

เอ๊า  ว่าต่อ ขอถามว่าทั้งทนายสมชายฯ และอ้ายทนงหายไปไหน?  ถ้าเป็นลูก เมีย น้อง ญาติ ของคุณ  หายไป  พวกคุณก็แทบจะพลิกแผ่นดิน หากันจ้าละหวั่น และให้พวกตำรวจลูกน้องหาฆาตกรที่อุ้มฆ่าให้พบจนได้ ความเป็นธรรมอยู่ที่ไหน? มันไม่มีจริงดอกหากมีหลายมาตรฐาน โดยเฉพาะพวกอภิสิทธิ์ชนและอำนาจรัฐอันโคตรห่วยแตกมาทุกยุค ฯลฯ

 

ขอย้อนหน่อย มิใช่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ สำหรับตัวฉัน เป็นตัวตนของตัวเอง ไม่ว่าใคร ฝ่ายสมมุติไหนจะถล่มฉัน ฉันไม่ mind และยินดีรับฟังสนทนาธรรมแลกเปลี่ยน เพียงแต่ขอร้องอย่าใช้อารมณ์ มีวุฒิภาวะ  มีสติ  มีเมตตา ฯลฯ เอ๊า แลกเปลี่ยนต่อ   ตอนที่ รสช. ทำรัฐประหารแล้ว อ้ายทักษิณฯ เข้าไปคารวะบิ๊กจ๊อด จอมเผด็จการ ทำนองไปขอบคุณที่เอื้อประโยชน์ให้ จากที่ฉันได้อ่านได้ฟังมาทำนองว่า

 

“ถ้าไม่มีพี่ช่วย  ผมก็แย่แล้ว  ไปขอบคุณเผด็จการทำไม?  มันก็เป็นเผด็จการเช่นเดียวกะเผด็จการ  คมช. นี่แหละ  จึงขอถามพี่น้องเสื้อแดงหน่อยที่ตอนนี้ที่ว่าต่อสู้กับเผด็จการศักดินาอำมาตย์ฯ และเผด็จการทหาร คมช.  เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น ฉันเห็นด้วยเต็มที่ แต่ถ้าต่อสู้เพื่อเผด็จการพลเรือนอีกรูปแบบหนึ่ง คือเผด็จการพลเรือนทักษิโณมิคทุนนิยมสามานย์สุดโต่ง  ฉันไม่เห็นด้วย  เพราะมันก็เป็นเผด็จการทุกสายพันธุ์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการสุเทพฯ,  อภิสิทธิ ฯลฯ  ที่ศักดินาอมาตยาฯ และเผด็จการทหารหนุนหลัง ฯลฯ (ส่วนใครจะคิดว่าการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยอย่างเดียวนั้นก็เป็นความคิดของแต่ละคนไป เพียงแต่ฉันขอแลกเปลี่ยนว่า เราต้องคิดถึงเรื่อง เนื้อหา เป็นประการสำคัญ มิใช่เป็นเรื่องของ ปรากฏการณ์  และ รูปแบบ เพียงอย่างเดียว! )


เอ๊า พูดถึงเรื่องน้องจักจั่น และน้องนก ต่อ 

 

ครา อ้ายนนท์ พาฉันไปเยือนอ้าย ยอดวีระศักดิ์  ยอดระบำ  กวี นักคิด นักเขียน ฯลฯ ที่แม่น้ำเงา  อ้ายนนท์ พาเราเข้าตลาดอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน  เป็นตลาดที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีพี่น้องทุกชนเผ่าบนดอยสูง  พี่น้องคนเมือง  พี่น้องชาวต่างประเทศ ฯลฯ   ใครจะว่าแม่สะเรียง  ปาย   แม่ฮ่องสอน เปลี่ยนไป ไม่มีความดิบดั้งเดิม เหมือนแต่ก่อน ฉันก็เห็นด้วยในส่วนหนึ่ง  แต่มันก็มีความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity)  อยู่ เป็นเมืองในหุบเขาที่มีเสน่ห์

 

 ฉั นเดินเจ้าไปในตลาดกับอ้ายนนท์   พอฉันเหลือบตาเห็นจักจั่นทอด และ นกปิ้ง  ที่แม่ค้าวางขาย ฉันปรี่เข้าไปซื้อทันที เพราะฉันชอบกินตอนเป็นเด็กๆ  เคยเป็นเด็กอยู่บ้านนอกมาช่วงหนึ่งเมื่อพระคุณพ่อของฉันย้ายไปเป็นหัวหน้าชลประทานแม่แฝก อำเภอสันทราย  คนงานเอาจักจั่น  ไข่จักจั่น กระต่าย ไก่ป่า ฯลฯ มาให้เราซึ่งเป็นลูกๆ กิน อร่อยมาก เป็นอาหารที่ปลอดสารพิษด้วย  ตอนนั้นป่ายังอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่ามาก มีเสือด้วย ฉันจึงชอบอาหารแบบนี้มาก จนถึงปรัตยุบัน


ตอนแรกอ้ายนนท์คงจะเป็นงง งง เพราะรู้ว่า ฉันรักธรรมชาติ  สรรพสิ่ง  สรรพชีวิต ฯลฯ  แต่ทำไมต้องซื้อกินสัตว์เหล่านี้ แต่ตอนหลังอ้ายนนท์ก็บรรลุธรรม เข้าใจ เมื่อเขียนคำนำให้หนังสือฉ้นที่ชื่อ
ขบถมานซ์ (ก็อ้ายนนท์ นั่นแหละที่ช่วยเป็นบรรณาธิการให้และประสานให้จัดพิมพ์)  ที่เป็นทั้งสารคดี  ความเรียง  และ บทกวี  อ้ายนนท์เขียนว่า อ้ายแสงดาว ซื้อกินเมื่อเขาตายแล้ว

 

- - -  ใช่ ใช่ ฉันไม่ทำบาปดอก  เพราะเมื่อตอนเป็นเด็กและวัยรุ่น ฉันฆ่าสัตว์มากเหมือนกัน  แต่ตอนนี้ฉันไม่ฆ่าแล้วแม้แต่มด หนู แมลงวัน แมลงสาบ  แต่ถ้านอนในมุ้ง หรือห้องที่มีมุ้งลวด  บังเอิญน้องยุงพลัดหลงเข้ามาแล้วฉันกำลังนอนหลับ มีน้องยุงบินเข้ามาจะดูดกินเลือดฉัน  ส่งเสียง ว้อง ว้อง  ใกล้ใบหูฉัน  รบกวนไม่ให้ฉันหลับ  ฉันก็เอามือตบน้องยุงในความมืด (ทั้งๆ ที่ไม่อยากตบ เพราะเขาก็หากินเหมือนคนเราเหมือนกัน ต้องขอโทษน้องยุงด้วย) 

 

- - -   ขณะ ที่นั่งเขียน ณ บ้านป่าในเมือง จักจั่นยังคงร้องเพลงกล่อม  นกนานาพันธุ์ ก็ร้องเพลงกล่อมโลก ทำให้มนุษยชาติเรามีจิตใจสดใส อ่อนโยน

 

- - - มีนักศีลธรรมจ๋า และพวกชนชั้นสูงทำเป็นอนุรักษ์ธรรมชาติหลายคนที่ไม่เข้าใจมีเรื่องเล่า   ฉันเคยอ่านงานเขียนของ  อ้ายเสกสรรค์  ประเสริฐกุล  อดีตหนึ่งในผู้นำนักศึกษาประชาชนคราเหตุการณ์      14  ตุลาคม  2516  ที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา  ฯลฯ ลุกขึ้นสู้กับรัฐบาลเผด็จการ  ถนอม-ประภาส-ณรงค์ฯ (ฉันเป็นแฟนคลับงานเขียนของเขา)  ที่เมื่อก่อนเขาชอบตกปลาก็มีพวกนักศีลธรรมจ๋าวิจารณ์ทำนองว่า   เสกสรรค์ทำบาป  อาจารย์เสกฯ หรือ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ก็สวนกลับไปทำนองว่า

“ ก็ทีพวกมึงไปซื้อปลา ซื้อสัตว์ ในตลาดล่ะ มึงไม่ทำบาปดอกเหรอ   ถ้าพวกมึงไม่ซื้อแดก พ่อค้า แม่ค้า ก็ไม่เอามาขายดอก   กูตกปลากะเพื่อน  นอกจากเอามากินแล้ว  กูก็ทำสมาธิทบทวนจิตใจของกูด้วยในเรื่องโลกธรรมชาติชีวิต   เล่นกันแบบนี้เลย อ้ายเสกสรรค์  พวกผู้ดีจอมปลอม พวกอภิสิทธิชน พวกชนชั้นกลางที่ตีนไม่ติดดิน พวกทำเป็นศีลธรรมจ๋า ฯลฯ  อย่ามาทำเป็นดัดจริตเลย มันแสนจะทูเรชั่น

 

พวกข้าราชการด้วย พวกอำนาจรัฐด้วย วันดีคืนดี ก็เอาเด็กบริสุทธิ์ (ประเภทคุณหนูจ๋า)  มาออกทีวี ทำนองไม่ให้คนกินเหล้า  สูบบุหรี่ ฯลฯ บ้าง และอย่างอื่นบ้าง ฯลฯ  ปัดธ่อ  ถ้าเอ็งแน่จริง  ก็อย่าให้มีโรงเหล้าของกลุ่มทุนใหญ่  ไม่ให้มีโรงงานบุหรี่ซีวะ  ไม่ต้องรณรงค์ดอก มันปลายเหตุเผาโรงงาน  แม่มมมมันซะเลย

 

- - - ธ่อ ทำเป็น ศีลธรรมจ๋า  คงต้องพูดถึงเรื่องนี้กันอีกมาก
จบแค่นี้ก่อนคร๊าบ ท่านผู้อ่าน

สาธุ  อาเมน อิสลามมาลากุม  @

ต้นฤดูร้อน  ,    ๑๖  มีนาคม  ๒๕๕๓

ล้านนาอิสระ  ,  เจียงใหม่.

 

ขอบคุณภาพประกอบจาก Yenta4

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
  --- เป็นความงดงามมากที่ “แมว (กฤคน ชัยแก้ว ) หรือ อ้ายแมว ( “ MAE)"  คนเพลง นักดนตรี แห่งล้านนาเจียงใหม่ เป็นคีย์แมนที่สำคัญ ดำริจัดงาน ฟรี Concert รายได้ทั้งหมดจัดซื้อเครื่องดนตรี ให้กับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งครูแมวและเพื่อนนักดนตรีไปร้อง และสอนดนตรีให้เด็กเหล่านั้น (เราจะไม่เรียกเขาว่าเป็น “นักโทษ” เขาเป็นเยาวชน แม้กระทั่งผู้คนหลายวัยที่ถูกจองจำในคุก เราก็ไม่ควรเรียกเขาว่าเป็น “นักโทษ” เพราะคำๆนี้ยิ่งเป็นตราบาป ความน้อยเนื้อต่ำใจให้พวกเขา แต่ก็แน่นอนเมื่อเขาทำผิดก็ต้องได้รับโทษตามคำพิพากษา เช่น …ไปฆ่าคน ข่มขืน – ฆ่า …
แสงดาว ศรัทธามั่น
  @  ดิบ เถื่อน ป่า เป็นคำที่งดงามมาก  คำว่า ป่าเถื่อน ป่าดิบเถื่อน นั่นคือความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ  มีต้นไม้ ใบหญ้า สรรพสัตว์ สรรพสิ่ง นานาพันธุ์ ฯลฯ ยังประโยชน์ให้มนุษย์ แลเริงรมณ์ยามเดินทางเข้าไปคารวะ ดงป่าเถื่อนดิบ ฯลฯ -   -   เอาไปใช้ได้อย่างไร? เอาไปใช้เป็นคำด่าว่า เป็นคนเถื่อน คนหยาบช้าได้อย่างไร? คำๆ นี้ใครเป็นคนคิดหว่า? พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเหรอ? นี่มันเป็นความคิดของข้าราชการศักดินานี่หว่า … คนเถื่อน ก็คือคนอยู่ดงดอยป่าเขา บริสุทธิ์ งดงาม มีอารยธรรม ไม่ได้ฉ้อฉล คดโกงใคร ไม่ได้คอรัปชั่น …
แสงดาว ศรัทธามั่น
    ฉันมีบุญตามาก ได้มาเยือนดอยไตแลง อยากมาเยือนนานแล้ว พอดีพี่น้องชาวปกาเกอญอเชิญชวนไป ตอบตกลงทันที ทั้งๆที่เคยตอบตกลงน้อง “สะอาด นิลคง” ศิลปินที่มาพำนักอยู่ที่อำเภอปาย แม่ฮ่องสอนกับลูกเมีย เธอชวนฉันกับอ้ายไพฑูรย์  พรหมวิจิตร ไปร่วมงานที่ปาย “อ้ายแสงดาว ขอเชิญอ้ายกับอ้ายไพฑูรย์ ไปร่วมงานที่บ้านผม มีงานแสดงศิลปะของผม มีการอ่านกวี น้าเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และพี่จี๊ด…จิระนันท์ พิตรปรีชา ก็มาร่วมด้วย เชิญอ้ายกับอ้ายไพฑูรย์มาร่วมอ่านกวีตวย ครับ”  “คับ ยินดีคับ” ฉันตอบรับคำ แต่แล้วฉันกับอ้ายไพฑูรย์ก็บอกน้องสะอาดว่า … “อาด…
แสงดาว ศรัทธามั่น
  นั่งอ่านหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ฉ.๑๒ - ๑๘ พ.ย.๕๓ ชอบคำพูดของบทความในนั้นว่า …  “ ว่ากันว่า “อาวุธ”   ที่น่ากลัวที่สุด ชนิดหนึ่งในทางการเมืองก็คือทำให้ผู้นำ “เป็นตัวตลก” ทำอะไรตลก เพราะเมื่อเป็น “ตัวตลก” ทำอะไรตลก แล้วความน่าเชื่อถือก็เปลี่ยนไป” - -   สายลมเหนือแห่งมันตฤดูพลิ้วโชยมา อากาศเย็นสบายภายใต้ร่มไม้อันร่มรื่น ณ บ้าน  - ร้าน ป่าในเมือง “สุดสะแนน” คืนงาน Free Concert  ของอ้าย “ถนอม ไชยวงษ์แก้ว” กวี นักเขียน ศิลปิน คนเพลง ฯลฯ แห่งล้านนาที่น้องๆ เพื่อนๆ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
    1.Rate R ( สีสวยแห่ง รุ้งสาย ) หากเรา * “มองดูความเป็นจริงสิ” ในเนื้อหา เราจะเห็นเนื้อหาที่แท้จริงของสีสมมุติ ขาว แดง เหลือง เขียว ชอล์ค (สีน้ำตาล) น้ำเงิน ชมพู ดำ
แสงดาว ศรัทธามั่น
  ( โคลงอิสระ ) เดือน   ดาว พราวพร่างฟ้า      ลาวัณย์ เมฆ หมอก ดวงตะวัน            เจิดจ้า มี มืด มี แจ้ง เคล้าคละ กัน     ไป่ข้อง ใจเนอ เพียงดวงจิตคนแกร่งกล้า       ผงาดท้า ริยำสมัย  ฯ  
แสงดาว ศรัทธามั่น
    Rate R : ตุลาประชาชน (People Of October)   (โคลงอิสระ)  
แสงดาว ศรัทธามั่น
    ถ้าจะพูดถึงเหตุการณ์อันเศร้าสลดหดหู่ของสังคมนี้ ทั้งที่ผ่านมาจนถึงปรัตยุบัน เราคงแยกออกไม่ได้จากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สังคมไม่ว่าจะเป็นประเทศสมมุติใดๆ สำหรับประเทศไทยสมมุติอันเปลี่ยนผ่านมาตั้งแต่ยุคบุพกาล (ความจริงในยุคบุพกาลนั้นยังไม่มีประเทศดอก (แต่ขอใช้คำนี้
แสงดาว ศรัทธามั่น
ก่อนนี้ เคยได้ฟังอาจารย์ เทพศิริ สุขโสภา  ศิลปิน นักเขียนชื่อดังแห่งสยามและสากล ท่านกล่าวว่า …
แสงดาว ศรัทธามั่น
@  ใน ปีกบางใสของผีเสื้อ มี  ลายสวยงามพริ้งพราย ใน  เจ็ดสีของรุ้งสาย มี  ความรักอันงดงาม
แสงดาว ศรัทธามั่น
@ “ขอแสดงความยินดีกับพวกท่าน      ชาว  เนปาล  หาญกล้าน่านับถือ      โค่นอำนาจกษัตรย์หัวกระบือ      ใคร ใครหรือ จะหาญสู้ ป ระ ชา ช น  @        ( บทกวีเก็บตก กวีข้างวัด  )