sports's picture
ในเกมกีฬานั้นมีทั้งประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม

<p>เมื่อกีฬาไม่ใช่เป็นแค่การสันทนาการหรือการออกกำลังกายธรรมดาๆ เพราะในเกมกีฬานั้นมีทั้งประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม รวมกันเป็นองค์ประกอบให้มันมีความน่าตื่นเต้นน่าสนใจ และสิ่งที่น่าติดตามจึงไม่ใช่แค่ผลการแข่งขันเท่านั้น <br /> <br /> <span style="color: rgb(0, 0, 128);">*รูปประกอบบล็อกจาก: http://www.flickr.com/photos/vramak/3499502280/</span></p>

บล็อกของ sports

ทีมคู่อริในวงการฟุตบอล

6 March, 2010 - 00:07 -- sports

Number 10.5

จากความรุนแรงของแฟนบอลในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. ระหว่างทีมการท่าเรือและทีมเมืองทองยูไนเต็ด กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมากในสังคมไทย เพราะที่ผ่านมาการแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรในประเทศกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รวมถึงกระแสต่อต้าน เสื้อน้ำเงิน ที่ลามมาถึงวงการฟุตบอลเมื่อ ‘เนวิน ชิดชอบ’ นักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล ได้ให้การสนับสนุนฟุตบอลบุรีรัมย์อย่างเต็มตัวทั้งทีมในระดับลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 และการซื้อทีม PEA ในระดับไทยพรีเมียร์ลีก โดยเหตุการณ์ล่าสุดต้องเลื่อนการแข่งขัยระหว่างทีมชัยภูมิและทีมบุรีรัมย์ออกไป เนื่องจากกลุ่มคนเสื้อแดงชัยได้ป้องกันสนามเหย้าของตนเองไม่ให้เนวินเข้าไปย่างกราย
ทั้งเมื่อศึกษาประวัติศาสตร์การแข่งขันฟุตบอลระดับทีมสโมสรของแต่ละประเทศ พบว่าล้วนแล้วแต่ผ่านเหตุการณ์ความรุนแรงมาเกือบทั้งสิ้น สำหรับแฟนบอลไทยเรา โดยส่วนใหญ่แล้วอาจได้ยินคำว่า ‘ดาร์บี้แมตซ์’ (derby match) ซึ่งหมายถึงทีมฟุตบอลที่อยู่ในเมืองเดียวกันหรือเขตใกล้เคียงกันแข่งขันกันเอง ซึ่งนอกจากนี้แล้วก็ยังมีการแข่งขันระหว่างทีมคู่อริ (rivalries) ซึ่งมีฐานการเป็นอริกันทั้งในเรื่องการแข่งขันกันเพื่อประสบความสำเร็จ รวมถึงมาจากเหตุเรื่องอื่นๆ ที่มากกว่าเรื่องฟุตบอลด้วยซ้ำ
 
ตีกันแค่เรื่องเด็กๆ ครั้งหนึ่งในการแข่งขันระหว่าง FK Partizan vs Red Star ในอดีต เคยมีการยิงจรวดใส่แฟนบอลฝั่งตรงข้ามตายคาสนามมาแล้ว
Celtic vs Rangers
ศึกดาร์บี้แมตซ์ที่เก่าแก่ ดุเดือด และยิ่งใหญ่ที่สุดคู่หนึ่งของประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล คงหนีไม่พ้นการพบระหว่าง Celtic และ Rangers ที่ได้รับการขนานนามว่าศึก ‘Old Firm’ และมันมีมากกว่าแค่เรื่องของฟุตบอล เพราะมีทั้งเรื่องศาสนา การเมืองความแตกต่างกันระหว่างค่านิยมความเชื่อของแฟนบอลทั้งสองฝ่ายทั้ง Celtic และ Rangers ตั้งอยู่ในเมืองกลาสโกว (Glasgow) ประเทศสก็อตแลนด์ ความเก่าแก่ของความเป็นอริคงต้องย้อนไปถึงช่วงปี ค.ศ. 1888 และทั้งคู่เคยเจอกันมาแล้วกว่า 370 ครั้ง
โดยสโมสร Rangers นั้นเป็นตัวแทนของความเป็นโปรเตสแตนท์, นิยมสหภาพฯ และเทิดทูลศักดินา ส่วน Celtic นั้นเป็นตัวแทนของแคทอลิค, นิยมสาธารณะรัฐ และชาตินิยม ศึก ‘Old Firm’ นี้มีความเชื่อมโยงกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในไอร์แลนด์เหนือมายาวนาน แฟนบอลจากไอร์แลนด์เหนือและสาธารณะรัฐไอร์แลนด์ถึงกับตีตั๋วท่องเที่ยวมาดูแมตซ์นี้ด้วยบ่อยครั้งเช่นกัน
Barcelona vs Real Madrid

 

สำหรับคำว่า Real ที่นำหน้าสโมสรต่างๆ ในสเปนนั้นมีความหมายว่าเป็นทีมในพระบรมราชูปถัมภ์ของกษัตริย์สเปน และ Real Madrid ถือว่าเป็นสุดยอดของทีมฝ่ายขวาในสเปนมาแต่ไหนแต่ไร ด้าน Barcelona คือความภาคภูมิใจของชาว Catalonia แคว้นปกครองตนเองในประเทศสเปนที่มีประวัติศาสตร์ถูกฝ่ายขวาชาตินิยมกดขี่มายุคแล้วยุคเล่า
ในยุคนายพลฟรังโก มหาอำมาตย์ฟาสซิสต์ของประเทศสเปนนั้น Real Madrid ก็ถูกใช้เสมือนเป็นตัวแทนของรัฐบาลกลางเป็นสื่อสัญลักษณ์บ่งบอกถึงชัยชนะทางการเมืองเหนือฝ่ายตรงข้าม มีอำนาจทางเมืองแทรกแซงเกมฟุตบอลของสเปน ด้วยเป้าหมายประการเดียวก็คือความยิ่งใหญ่ของ Real Madrid แม้กระทั่งการบีบบังคับดึงนักเตะที่พึ่งเซ็นสัญญาร่วมทีม Barcelona สังกัดทีมตนเอง นอกจากนี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของสเปนก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมาคือต้องเป็นผู้สนับสนุนทีม Real Madrid อย่างออกหน้าออกตา โดยก่อนหน้าเหตุการณ์ก่อการร้ายโศกนาฏกรรมวางระเบิดรถไฟที่กรุง Madrid ในปี 2004 นั้น อดีตนายกรัฐมนตรี José María Aznar ก็พึ่งเปิดทำเนียบเชิญนักเตะทีม Real Madrid ให้ร่วมรับประทานอาหาร
Red Star vs FK Partizan
ทีมฟุตบอลในอดีตประเทศยูโกสลาเวียอย่าง Red Star และ FK Partizan ก็เป็นคู่อริอีกคู่หนึ่งที่น่าสนใจ โดย FK Partizan ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1945 ผู้ฟอร์มทีมคือทหารโดยกองทัพยูโกสลาเวียให้การสนับสนุน ส่วน Red Star นั้นก่อตั้งในปีเดียวกันแต่เป็นการฟอร์มทีมโดยฝั่งพลเรือน โดยได้รับการสนับสนุนโดยกระทรวงมหาดไทยของยูโกสลาเวีย ทั้งนี้เป็นที่รู้กันว่าหากสองทีมนี้เจอกันเมื่อไรก็มักจะมีความรุนแรงระหว่างแฟนบอลแถมมาด้วยเสมอ
แฟนบอลทีม Red star มีฉายาว่า “Delije” หมายความว่า “นักรบหรือผู้กล้า” ส่วนแฟนบอลของ FK Partizan ได้รับการขนานนามว่า “Grobari” ซึ่งหมายความว่า “สัปปะเหร่อหรือคนขุดหลุมฝังศพ” การปะทะกันของสองทีมนี้ถือว่าเป็นการปะทะที่ขึ้นชื่อว่าหฤโหดคู่หนึ่งของวงการฟุตบอลระดับนานาชาติเลยทีเดียว ครั้งหนึ่งในปี ค.ศ.1999 แฟนบอลของ FK Partizan ได้ใช้เครื่องยิงจรวด (handy rocket-launcher) ยิงจากอัฒจรรย์ฝั่งใต้ไปยังอัฒจรรย์ฝั่งเหนือสังหารแฟนบอลของ Red star ไปหนึ่งราย ส่วนแฟนบอลของ Red star นั้นบ่อยครั้งก็มีการลอบทำร้ายแฟนบอลของ FK Partizan ด้วยมีด ด้วยเช่นกัน
Boca Juniors vs River Plate
สองทีมใหญ่แห่งกรุงบูโนส ไอเรส (Buenos Aires) ทีม Boca Juniors นั้นเป็นตัวแทนของฝั่งคนจนชนชั้นแรงงานของคนอาร์เจนตินา อีกด้านของภาพที่ตัดกันชนชั้นกลางคนมีเงินส่วนใหญ่กลับสนับสนุนทีม River Plate และทั้งสองทีมเป็นทีมฟุตบอลยอดนิยมอันดับต้นๆ ของประเทศ ดาร์บี้แมตซ์ของกรุงบูโนส ไอเรส นี้ถือเป็นอีกเกมหนึ่งที่น่าสนใจ ในปี ค.ศ.2004 หนังสือพิมพ์อังกฤษ The Observer ได้จัดอันดับ 50 เกมกีฬาที่จะต้องไปดูก่อนตาย เกมการแข่งขันระหว่าง Boca Juniors ปะทะ River Plate นี้ก็ติดอยู่ในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจทัวร์สำหรับเที่ยวและชมการแข่งขันของคู่นี้โดยเฉพาะ
Besiktas vs Fenerbahçe vs Galatasaray
นี่คือศึกสามเส้าแห่งตุรกี ทีม Besiktas ตั้งอยู่ในเขตชาวยุโรปในกรุงอิสตันบุล (stanbul) ส่วนทีม Fenerbahce ตั้งอยู่ในเขตของคนเอเชีย นอกจากเรื่องเชื้อชาติแล้ว ในอดีตนั้นดาร์บี้แมตซ์ของกรุงอิสตันบุลของสองทีมนี้ยังเปรียบเสมือนตัวแทนของชนชั้น โดยทีม Besiktas เปรียบเสมือนตัวแทนของกลุ่มชนชั้นกรรมาชีพ ส่วน Fenerbahce นั้นเป็นทีมตัวแทนของชนชั้นกลาง นอกจากนี้แล้ว Besiktas เองยังมีทีมคู่แค้นอีกทีมหนึ่งในอิสตันบุลคือทีม Galatasaray ซึ่งก็ตั้งอยู่ในเขตคนเอเชียด้วยกัน แต่สำหรับ Galatasaray นั้นถือว่าเป็นตัวแทนของชนชั้นสูงมีกะตังค์ ทั้งนี้ปัจจุบันสำหรับดีกรีเรื่องทางชนชั้นในฟุตได้ลดลงไปมากแล้ว ทั้งสามทีมต่างขับเคี่ยวกันในเรื่องของความสำเร็จเนื่องจากทั้งสามถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลในประเทศ
Olympiacos vs Panathinaikos
Panathinaikos และ Olympiacos สองทีมยักษ์ใหญ่ของกรีซและเป็นคู่แค้นตลอดกาล ทีม Olympiacos นั้นเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศ ส่วน Panathinaikos เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จในยุโรปมากที่สุดของกรีซ (รองแชมป์ยูโรเปียนคัพในปี ค.ศ.1971 และสามารถเข้ารอบรองชนะเลิศรายการนี้ได้อีกสองครั้ง) Panathinaikos ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเอเธนส์ ส่วน Olympiacos อยู่ในเขต Piraeus ซึ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากเอเธนส์ด้วยเช่นกัน โดยแฟนของ Olympiacos ส่วนใหญ่เป็นคนจนกรรมกรท่าเรือ ส่วนแฟนส่วนใหญ่ของ Panathinaikos เป็นชนชั้นกลางและผู้มีอันจะกินในเอเธนส์ การเจอกันของสองทีมจึงมีเรื่องความต่างทางชนชั้นเป็นการชูโรงความดุเดือดผสมโรงอยู่มาก
Ajax vs Feyenoord
ก่อนหน้าที่ PSV จะประสบความสำเร็จอย่างในปัจจุบันนี้ ในยุคเริ่มต้นของฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัวในฮอลแลนด์ช่วงทศวรรษที่ 1950 ทีมที่ดูเหมือนเป็นคู่ฟัดคู่เหวี่ยงที่สมศักดิ์ศรีของ Ajax ก็คือทีม Feyenoord โดย Feyenoord มีฐานแฟนบอลเป็นกรรมกรท่าเรือในเมืองร็อตเตอร์ดัม (Rotterdam) ให้การสนับสนุน ทั้งนี้เกมการแข่งขันของทั้งสองทีมเริ่มมีความรุนแรงจากกองเชียร์มากขึ้นในช่วงหลัง ปี ค.ศ.1997 แฟนบอลของทั้งสองทีมปะทะกันโดยมีแฟนบอลคนหนึ่งเสียชีวิตและอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บ ส่วนในปี ค.ศ. 2004 Jorge Acuna ผู้เล่นของ Feyenoord ถูกแฟนบอลทำร้ายในสนามจนถึงขั้นต้องนำส่งโรงพยาบาล
Benfica vs Porto
ทีมใหญ่สองทีมของโปรตุเกสอย่าง Benfica และ FC Porto ถือเป็นตัวแทนความแตกต่างกันทั้งทางด้านภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ระหว่างเมืองใหญ่ทางใต้โดย Benfica ตั้งอยู่ในเมืองลิสบอน (Lisbon) เมืองหลวงของประเทศ กับทีมเมืองใหญ่ทางเหนืออย่าง FC Porto ในด้านความสำเร็จนั้น ทีม Benfica ประสบความสำเร็จในระดับชาติมากที่สุด ส่วน FC Porto เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จระดับยุโรปมากที่สุดในประเทศ โดยเกมระหว่าง Benfica และ FC Porto มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงจากแฟนบอลเสมอ ปัจจุบันหากทั้งคู่โคจรมาเจอกันเมื่อใดก็จะต้องมีตำรวจตุนไว้ไม่ต่ำกว่า 800 นายเพื่อรักษาความสงบในสนาม
 
-- เหล่านี้คือตัวอย่างจิ๊บๆ ของทีมฟุตบอลคู่อริที่น่าสนใจจำนวนหนึ่งที่ยกมาในหลายร้อยหลายพันคู่ (แค้น) ทั่วโลก
 

 
ว่าด้วยทีมคู่แค้นทีมบอลไทย (ในอนาคต)
ทีมสโมสรการท่าเรือก็เปรียบเสมือนทีม Liverpool ของเมืองไทยด้วยเกียรติประวัติความสำเร็จและฐานแฟนบอลกรรมมาชีพในคลองเตย ต่อไปนี้จะมีคู่อริอย่างเมืองทอง ทีมเศรษฐีใหม่แกะกล่องที่มีฐานเริ่มมีฐานแฟนบอลมากมายทั่วประเทศจากสื่อที่เขามีอยู่ในมือ (เครือสยามสปอร์ต) นอกจากนี้เมืองทองยังมีโจทย์เก่าอย่างชลบุรี เอฟซี รออยู่ด้วย
ส่วนบุรีรัมย์ PEA ทีมสีน้ำเงินของนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล แน่นอนว่าแฟนบอลคนเสื้อแดงหลายทีมได้จองกฐินไว้แล้ว ถ้าในไทยพรีเมียร์ลีก ก็ทีมศรีสะเกษ ทีมตัวแทนการเมืองพรรคเพื่อไทยและคนอีสานผู้คลั่งไคล้ทั้งบอลและการเมือง (ถ้าเชียงรายหรืออุดรโผล่ขึ้นชั้นมาเมื่อไหร่ ก็สนุกแน่) ส่วนทีมบุรีรัมย์ เอฟซี ทีมน้องของ PEA ก็ไม่รู้ว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นอบอ้าวจากแฟนๆ ในภาคอีสานมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่หน้าติดตาม
 
 

ทุน-การเมือง เบื้องหลังทีมสโมสรฟุตบอลไทย

19 February, 2010 - 18:18 -- sports

Number 10.5

 ปกติแล้วเหล่าแฟนบอลหรือผู้ที่คลุกคลีเรื่องบอลมักจะปฏิเสธการมีส่วนร่วมเบื้องหลังของนักการเมืองเสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฟุตบอลไทยก็มิอาจจะหนีกลุ่มคนที่น่ารักน่าชังเหล่านี้ได้ วันนี้มาดูกันว่าเบื้องหลังทีมสโมสรฟุตบอลไทย ทั้งพรีเมียร์ลีก ดิวิชั่น 1 และลีกภูมิภาค มีกลุ่มทุนหรือนักการเมืองที่น่าจับตา กลุ่มใด-คนใดสนับสนุนกันบ้าง
 

เมืองทองยูไนเต็ด ในอดีตเคยมีไข่มุกดำ วีระ มุสิกพงศ์ เป็นประธานสโมสรมาก่อน ก่อนถูกทุนสยามกีฬาเทคโอเวอร์ รวมถึงยังมีกลุ่มทุนครอบครัวมหากิจศิริ ที่มีสายสัมพันธ์กับทักษิณและพรรคเพื่อไทย ร่วมบริหารทีม

 

แฟนบอลอยุธยาถิ่นเก่าของทีมสโมสรการไฟฟ้าฯ ประท้วงไม่พอใจที่ทีมถูก เนวิน ชิดชอบเทคโอเวอร์ไป
และเริ่มค่อยๆ กลืนสีม่วงประจำทีมให้เป็นสีน้ำเงิน
 
เชียงใหม่จัดว่าเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง แต่ทีมฟุตบอลเชียงใหม่ เอฟซี
กลับมีทุนการเมืองกลุ่มเสื้อน้ำเงินอยู่เบื้องหลัง
 

พรีเมียร์ลีก
 
เมืองทอง ยูไนเต็ด
ระวิ โหลทอง เป็นประธานสโมสร โดยกลุ่มทุนสยามสปอร์ต กลุ่มเนสกาแฟ ครอบครัวมหากิจศิริ มีสายสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ในอดีตใช้ชื่อเดิมว่า สโมสร ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ มีไข่มุกดำ วีระ มุสิกพงศ์ เป็นประธานสโมสรมาก่อน
ชลบุรี เอฟซี
วิทยา คุณปลื้ม เป็นประธานสโมสร กลุ่มการเมืองตระกูลคุณปลื้มให้การสนับสนุน
บางกอกกล๊าส เอฟซี
ปวิณ ภิรมย์ภักดี เป็นประธานสโมสร กลุ่มทุนบุญรอดบริวเวอรี ให้การสนับสนุน
ทีโอที เอฟซี
พิมล ศรีวิกรม์ เป็นผู้จัดการทีม งบประมาณส่วนหนึ่งมาจาก บมจ.ทีโอที อีกส่วนจะมาจากแคท เทเลคอม มาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจพร้อมทั้งเตรียมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ทีโอทีแคท เอฟซี" ก่อนหน้านี้มีการเจรจากับนายเนวิน ชิดชอบ กลุ่มการเมืองพรรคภูมิใจไทย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
พัทยา ยูไนเต็ด
สนธยา คุณปลื้ม เป็นประธานสโมสร กลุ่มทุนการเมืองตระกูลคุณปลื้ม ให้การสนับสนุน
บางกอก ยูไนเต็ด
อภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นประธานสโมสร กลุ่มการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุน
ศรีสะเกษ เอฟซี
ธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.ศรีสะเกษ เป็นประธานสโมสร, สมบัติ เกียรติสุรนนท์ เป็นผู้จัดการทั่วไป กลุ่มการเมืองมุ้งขุนค้อนพรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุน
ทีทีเอ็ม เอฟซี-พิจิตร
มีประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และมีสุรจิต กัลยาณมิตร เป็นประธานสโมสร
เพื่อนตำรวจ
ส่วนกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนได้แก่กองบัญชาการตำรวจนครบาล กลุ่มทุนไมด้าของ กมล เอี้ยวศิริกุล และบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)
ทหารบก
พลตรี เฉลิมเกียรติ โพธิ์ทองนาค เจ้ากรมสวัสดิการทหารบกเป็นประธานสโมสร มีบริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ประกาศตัวเป็นสปอนเซอร์หลักตลอดทั้งฤดูกาลแข่งขันในปี 2553 ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่ามีการเจรจากับกลุ่มทุนคิงพาวเวอร์ ของ วิชัย รักษ์ศรีอักษร (กลุ่มการเมืองพรรคภูมิใจไทย)
บุรีรัมย์ พีอีเอ
เนวิน ชิดชอบ เป็นประธานสโมสร มีกลุ่มทุนคิงพาวเวอร์และกลุ่มการเมืองพรรคภูมิใจไทยให้การสนับสนุน
 

ดิวิชั่น 1 และลีกภูมิภาค
 
เชียงราย ยูไนเต็ด
มิตติ ติยะไพรัช เป็นประธานสโมสร มีกลุ่มการเมืองของยงยุทธ ติยะไพรัช ในพรรคเพื่อไทย ให้การสนับสนุน
สุโขทัย เอฟซี
สมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมาในพรรคภูมิใจเป็นประธานที่ปรึกษาสโมสรฯ, จักริน เปลี่ยนวงษ์ เป็นประธานสโมสร
ชัยนาท เอฟซี
อนุชา นาคาศัย เป็นประธานสโมสร มีกลุ่มการเมืองพรรคภูมิใจไทยให้การสนับสนุน
เชียงใหม่ เอฟซี
อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ เป็นประธานสโมสร โดยอุดรพันธ์มีสายสัมพันธุ์กับเนวิน ชิดชอบ และกลุ่มการเมืองพรรคภูมิใจไทย

บางกอก เอฟซี
มี ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 10 ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่ปรึกษาทีม
 
 
…..
ที่มา:
นิตยสาร POSITIONING ฉบับที่ 66 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2552
ด.2 ระอุ 74 ทีมทุ่ม 360 ล. เว็บไซต์สยามกีฬารายวัน (9 ก.พ. 2553)
‘เวิลด์คัพ-ลีกไทย’ สุมไฟตลาด (สยามธุรกิจ ,15 ก.พ. 2553)
"ค้างคาวไฟ" สุโขทัย เอฟซี ที่ 2 ชิงแชมป์ภาคทำให้เรามั่นใจขึ้น (เว็บไซต์สยามกีฬารายวัน, 14 ก.พ. 2553)
ด.1 เทหน้าตักขอขึ้นไทยลีก สะพัด 209 ล้าน!จันท์มือเติบ30ล., ปราจีนฯขอตาม 27ล.,อาร์แบคจืดแค่ 6 (เว็บไซต์สยามกีฬารายวัน, 11 ก.พ. 2553)
บอสทีโอทียัน"ทนงศักดิ์"เดินมาขอร่วมทีม ส.บอลลุ้นเงินรัฐ40ล้านบาทหนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (เว็บไซต์ข่าวสด, 16 ก.พ. 2553)
 

ฤา เนวิน จะเป็น แบร์ลุซโคนี เมืองไทย

12 February, 2010 - 21:50 -- sports

Number 10.5


ได้ยินเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่มาจากคอการเมืองทั้งเหลือง
-แดง เกี่ยวกับการปรากฏกายของชายร่างโย่ง “เนวิน ชิดชอบ” ที่เริ่มแผ่อิทธิพลไปสู่วงการกีฬา ฆ่าเวลาการโดนแบนเรื่องการเมืองกับอดีตผองเพื่อนบ้านเลขที่ 111
ซึ่งหลายคนวิเคราะห์ไปว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างการครองใจประชาชนในกลุ่มตลาดอื่นบ้าง หลังการใช้ยุทธวิธีสีน้ำเงินแทรกซึมตามหน่วยงานมหาดไทยไปตามหมู่บ้านหรือนโยบายประชานิยมของพรรคภูมิใจไทยที่ไม่มีคนกล่าวถึงเท่าไร
เมื่อมองอย่างเป็นธรรมหน่อยจะเห็นว่าคุณเนวินเองนั้นก็ชอบพอกีฬานี้มานมนาน และใครจะไปรู้ว่า “เสื้อน้ำเงิน” สีเสื้อมวลชนจัดตั้งของคุณเนวินนั้นอาจจะไม่ได้มาจากสีน้ำเงินของธงชาติไทย เนื่องจากคุณเนวินเป็นแฟนบอลตัวยงของสโมสรเชลซี “เสื้อน้ำเงิน” นั้นจึงอาจจะมาจากสีเสื้อของทีมเชลซีก็เป็นได้
นอกจากนี้ด้วยกำลังทรัพย์ของเขา ก็ได้เคยดั้นด้นไปดูฟุตบอลยุโรปทั้งที่อังกฤษ อิตาลี และสเปน บ่อยครั้ง ทำให้เมื่อกระแสฟุตบอลไทยมาแรง คุณเนวินก็ขอห้อยโหนไปกับคนส่วนใหญ่ด้วยการปั้นทีม “บุรีรัมย์ -PEA” ฉายา “ปราสาทสายฟ้า” (THUNDER CASTLE) ที่เทคโอเวอร์สโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาเปลี่ยนชื่อ
“บุรีรัมย์ -PEA” มีการเปิดตัวไปแล้ว โดยใครที่เป็นแฟนคลับทีมจะเสียเงินค่าสมาชิกแค่ 200 บาท ก็มีสิทธิพิเศษที่มากกว่ามูลค่าเงิน 200 นั้นมากมาย เช่น ได้เสื้อทีมเป็นของที่ระลึก สามารถนำบัตรสมาชิกไปซื้อสินค้าที่ คิง เพาเวอร์ ได้ส่วนลด 10% ใช้บริการในเครือโรงแรมพูลแมน 10% นอกจากนี้ ทุกนัดที่ทีมลงเตะในบ้านทางแอร์เอเชียจะมีเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ พร้อมจัดรถรับส่งถึงสนามแข่งด้วยราคา 2,500 บาท รวมถึงแผนการสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ “ปราสาทสายฟ้า” ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท สามารถจุคนได้ถึง 24,000 คนเลยทีเดียว
เนวินได้ดึง “วินิจ เลิศรัตนชัย” อดีตผู้คร่ำหวอดในวงการวิทยุมานานกว่า 25 ปี และยังเคยทำงานด้านธุรกิจเกี่ยวกับแวดวงบันเทิงและการจัดอีเวนต์กิจกรรมต่างๆ ให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท Fresh Air จำกัด, บริษัท ทราฟฟิกคอร์เนอร์, บริษัท Dream Media และอื่นๆ มาเป็นฝ่ายการตลาดของสโมสร “บุรีรัมย์ -PEA” อีกด้วย
ทั้งนี้เนวินให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าพึ่งเปิดรับสมัครแฟนคลับทีมไม่นานก็มีถึง 2-3 หมื่นคนแล้ว เลยตั้งเป้าให้ถึงแสนคนภายในสิ้นปี 2553 นี้ – ซึ่งยังไม่รู้ว่าจำนวนคนเรือนแสนคนนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียงให้พรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งงวดหน้าได้หรือไม่?
แต่ทั้งนี้คนที่ปั้นทีมบอลให้ประสบความสำเร็จ และกรุยทางสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองนั้นก็มีมาแล้ว .. ที่อิตาลี
‘แบร์ลุซโคนี’ จากเจ้าของทีมฟุตบอลสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี [1]

หากจะมีนักการเมืองคนใดที่คุณเนวินอยากเอาอย่างก็เห็นจะต้องเป็น “ซิลวิโอ แบร์ลุซโคนี” (
Silvio Berlusconi) นายกรัฐมนตรีอิตาลี เจ้าของทีมฟุตบอล AC Milan เจ้าพ่อสื่อที่ลุงทุนซื้อทีมมาในยุคตกต่ำ เอามาปั้นใหม่จนยิ่งใหญ่ด้วยศาสตร์การบริหารเชิงธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ก่อนจะกระโดดสู่วงการการเมืองระดับประเทศในฐานะประธานสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของยุโรปและได้เป็นนายกรัฐมนตรีของอิตาลีถึง 3 สมัย
 
แบร์ลุซโคนี นั้นเริ่มต้นจากการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และค่อยๆ ขยับขยายมาในธุรกิจสื่อคือเคเบิลทีวี โดยได้ติดตั้งเคเบิลทีวีนี้ให้กับหมูบ้านจัดสรรโครงการของเขาเองในเมืองมิลาน และได้โอกาสเปิดช่องสัญญาณของตัวเองขึ้น เจาะตลาดกลุ่มกว้างๆ มีรายการบันเทิง การ์ตูน กีฬา ลงทุนซื้อกิจการของคู่แข่ง รวมถึงผลักดันให้มีการยกเลิกกฎหมายที่ห้ามไม่ให้เคเบิลทีวีแพร่สัญญาณภาพทั่วประเทศ และได้ลงทุนซื้อกิจการทีม AC Milan ในปี 1986 ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในภาวะตกต่ำ เสื่อมเสียชื่อเสียงและถูกลดชั้นเนื่องจากพัวพันกับคดีล้มบอล
 
แบร์ลุซโคนี ได้ทำการจูนเครื่องทีม AC Milan ใหม่ แต่งตั้งบุคลากรด้านการบริหารจัดการ ลงทุนซื้อนักเตะอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะขุนพลนักเตะเลือดดัตซ์ อย่าง รุด กุลลิท, มาร์โก ฟานบาสเทน และแฟรงค์ ไรจ์การ์ด ทีมมิลานยุคของเขาเล่นฟุตบอลอย่างมีสีสันต่างจากทีมอิตาลีทั่วไป โดยมีปรัชญาการเล่นแบบเอนเตอร์เทนคนดู ในปี 1988 มิลานก็ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์กัลโช่ซีรีย์เอ ปีถัดมา AC Milan ก็ขึ้นเป็นเจ้ายุโรปด้วยการครองแชมป์ถ้วยยูโรเปียนคัพเดิม
 
AC Milan ประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ พวกเขายังเดินหน้าคว้าแชมป์ยุโรปอีกสมัยใน 2 ปีถัดไป และยังสร้างสถิติไม่แพ้ใครยาวนานที่สุดในลีกของอิตาลี 58 นัด ระหว่างปี 1992 – 1994
 
ศรัทธาที่แบร์ลุซโคนีสร้างไว้กับวงการฟุตบอลทำให้เขากลายเป็นผู้มีบารมีในอิตาลี กอปรกับช่วงนั้นการเมืองอิตาลีเกิดวิกฤต ทำให้พรรคฝ่ายซ้ายมีโอกาสที่จะเข้าไปบริหารประเทศ แบร์ลุซโคนีจำเป็นต้องโดดเข้าไปเล่นการเมืองระดับชาติเต็มตัว เพราะหากพรรคฝ่ายซ้ายขึ้นเถลิงอำนาจก็อาจจะเป็นภัยต่อธุรกิจของเขา
 
ในปี 1993 เขาได้ตั้งพรรคการเมือง Forza italia ขึ้น ตามชื่อเพลงเชียร์ทีมชาติอิตาลี พรรคการเมืองใหม่นี้อาศัยสโมสรต่างๆ ที่สนับสนุน AC Milan ทั่วประเทศ รวมทั้งสื่อของแบร์ลุซโคนีเองเป็นช่องทางโฆษณาหาเสียง จนสามารถกวาดคะแนนเสียงได้ถึง 21% ในการเลือกตั้งปี 1994 ด้วยการสร้างแนวร่วมกับพรรคการเมืองใหม่ฝ่ายขวาเพื่อสกัดกั้นพรรคฝ่ายซ้าย
 
วันที่สมบูรณ์แบบที่สุดของนักการเมืองที่คลั่งไคล้ฟุตบอลเช่นเขา คือวันที่ 18 พฤษภาคม 1994 การลงเสียงในรัฐสภาอิตาลีเขาได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี และคืนเดียวกัน AC Milan ก็ถล่มเอาชนะ Barcelona ไป 4 ประตูต่อ 0 คว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ
 
 
เนวิน สุดยอด!?
 
 
 
“เนวิน ชิดชอบ” กับความสำเร็จสวนกุหลาบวิทยาลัย
ที่เข่นเอาชนะกรุงเทพคริสเตียน ไป 1-0
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา
(ที่มาภาพ: matichon.co.th)
 
บนเส้นทางสายลูกหนังนี้ คุณเนวินเองก็เริ่มประสบความสำเร็จบ้างแล้วในปีนี้ เมื่อนำทัพ "สวนกุหลาบวิทยาลัย" คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียน 18 ปี ประเภท ก.ในรอบ 21 ปี โดยคุณเนวินรับบทเป็นผู้จัดการทีม – แม้ว่า “เหลือง-แดง” ไม่ปลื้มคุณเนวินเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าเขาเองได้ใจ “ชมพู-ฟ้า” ไปเต็มๆ แล้วคราวนี้
ส่วนความสำเร็จของ “บุรีรัมย์ -PEA” นั้นก็คงต้องดูกันยาวๆ อีกหลายปี
ถือเป็นก้าวกดดันครั้งสำคัญของคุณเนวิน หากมุ่งมั่นตั้งใจทำดีๆ ก็ไม่แน่อาจได้ใจคอบอลเดินตามรอยแบร์ลุซโคนี ก็เป็นได้ แต่หากเลิกเห่อเมื่อไรก็อาจจะถูกคอบอลยำเสียเละเทะ (ในปริมณฑลทางการเมืองเขาก็ถูกทั้งเหลืองทั้งแดงประณามหยามเหยียดไม่ได้เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว) 
เพราะคอบอลชาวไทยมีนิสัยที่ควรสรรเสริญอยู่อย่างหนึ่ง คือถ้าใครทำสิ่งดีๆ ให้ก็ชื่นชมกันจนหูดับตับไหม้ แต่วันไหนพลาดก็โดนสับเละเป็นหมูเป็นหมา ... ไม่เชื่อลองไปถาม ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, วิจิตร เกตุแก้ว หรือ บิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจะกุล วีระบุรุษของชาติเหล่านี้ในวันเศร้าๆ พวกเขาก็เสียน้ำตามามากมาย บางคนถึงกับถูกกดดันให้ไปสาบท สาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาแล้ว!  
แต่จะยังไงก็แล้วแต่ ผมเชื่อลึกๆ ว่าคุณเนวินนั้นถือว่าเข้าข่ายเป็นบุรุษอมตะคนหนึ่ง เพราะเขาเป็นคนที่สมควรเน่าไปตั้งแต่กรณี ร้อยยี่สิบ – กล้ายาง - หักหลังทักษิณ และอีกต่างๆ นานา กลับยังคงอยู่ทนลอยหน้าในสังคมมาได้ถึงทุกวันนี้ ขอบอกไว้ว่าแค่เสียงเย้วๆ ของแฟนบอลไทยนั้น … ไม่ระคายผิวแกหรอกครับ!
(สัปดาห์หน้าพบกับ “ทุน – การเมือง” เบื้องหลังทีมสโมสรในไทยพรีเมียร์ลีก)
………………..
[1] ข้อมูลเกี่ยวกับ “ซิลวิโอ แบร์ลุซโคนี” นำมาจากหนังสือ “ฟุตบอล… ประเด็นเล็ก สะท้านโลก” สำนักพิมพ์คบไฟ, 2552

 

เมื่อนักกีฬาถูกเซ็นเซอร์ความเห็นบนเครือข่ายทางสังคม

6 February, 2010 - 00:21 -- sports

Number 10.5

 

 

ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา Fabio Capello ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษออกมาเป็นข่าวเล็กๆ ด้วยการออกมาเล่นบท “เซ็นเซอร์สื่อ” ประกาศกฎระเบียบของทีมชาติอังกฤษในการตะลุยศึกฟุตบอลโลกในกลางปีนี้ที่ประเทศแอฟริกาใต้ โดยห้ามผู้เล่นในทีมเล่นทวิตเตอร์ (Twitter) เฟซบุ๊ค (Facebook) และห้ามนักเตะเขียนคอลัมน์บทความต่างๆ ลงในวารสารหรือหนังสือพิมพ์ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก

Pages

Subscribe to RSS - บล็อกของ sports