Skip to main content


1.

ทุกๆ ยามเช้า

ชายในชุดสันยาสี จะมาเก็บดอกไม้จากในสวนที่อยู่ใกล้ๆ มือและดวงตาของเขาส่อแววแห่งความโลภที่มีต่อดอกไม้เหล่านั้น และเขาจะเด็ดดอกไม้ทุกดอกที่เอื้อมมือถึง เห็นได้ชัดว่า เขาจะถวายดอกไม้เหล่านั้นต่อรูปปั้นไร้ชีวิต อันเป็นสิ่งที่ทำขึ้นมาจากก้อนหิน


ดอกไม้เหล่านั้น

สวยงามน่ารัก อ่อนโยน เพิ่งจะผลิบานขึ้นรับแสงแดดยามเช้า แต่นักบวชคนนั้น หาได้เด็ดมันด้วยความอ่อนโยน เขาทึ้งดอกไม้ลงมาและกระชากเอาทุกสิ่งในสวนดอกไม้แห่งนั้น พระเจ้าของเขาต้องการดอกไม้อย่างมากมาย ต้องการสิ่งมีชีวิตเหลือคณานับ สำหรับรูปปั้นไร้ชีวิตทำจากก้อนหิน


อีกวันต่อมา

ฉันเฝ้าดูเด็กๆบางคนเก็บดอกไม้ เด็กเหล่านั้นจะไม่เอาดอกไม้เหล่านั้นไปถวายพระเจ้า พวกเขาคุยกัน และทึ้งดอกไม้เหล่านั้นโดยไม่ไตร่ตรอง จากนั้นก็ขว้างทิ้งไป เธอเคยสังเกตตัวเองทำเช่นนี้หรือเปล่า


ฉันสงสัยว่าทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น

ขณะที่เธอเดินไปตามทาง เธอจะหักกิ่งไม้ เด็ดใบไม้แล้วทิ้งมันไป เธอเคยสังเกตการณ์กระทำอันไร้ความคิดของตนเองเช่นนี้หรือไม่ ผู้ใหญ่ก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขาจะมีการแสดงออกถึงความป่าเถื่อนโหดร้ายข้างใน และความไม่เคารพอันน่าสะพรึงกลัวต่อสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย – ในแบบของพวกเขาเอง ผู้ใหญ่มักพูดถึงการไม่ทำร้าย แต่กระนั้นก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำ ล้วนมีอันตรายทั้งสิ้น


เราเข้าใจได้

ถึงการที่เธอเด็ดดอกไม้มาเสียบแซมผม หรือยื่นมันให้ใครสักคนด้วยความรัก แต่ทำไมเธอจึงฉีกทึ้งดอกไม้เหล่านั้นเล่า พวกผู้ใหญ่มีความน่าเกลียด เพราะเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน

พวกเขาประหัตประหารชีวิตกันในสงคราม

รวมทั้งทำลายกันและกันให้ตกต่ำลงด้วยอำนาจเงิน

ผู้ใหญ่มีรูปแบบการกระทำอันน่ารังเกียจ และเห็นชัดแจ้งว่าคนหนุ่มสาวที่นี่และที่อื่น ก็กำลังเจริญรอยตามการกระทำของพวกผู้ใหญ่เหล่านี้


2.

เมื่อวันก่อน

ฉันออกไปเดินเล่นกับเด็กชายคนหนึ่ง เราได้เจอก้อนหินก้อนหนึ่งวางอยู่บนทางเดิน เมื่อฉันหยิบก้อนหินนั้นออกไป เขาก็ถามว่า

ทำไมท่านจึงทำอย่างนั้นล่ะ?”

นั่นบ่งชี้ถึงอะไรเล่า ไม่ใช่เรื่องขาดการเอาใจใส่และขาดการเคารพนอบน้อมล่ะหรือ


พวกเธอแสดงออกถึงการเคารพ

เนื่องจากเพราะความกลัว ใช่หรือไม่ เธอมักจะลุกขึ้นยืนทันที เมื่อผู้ใหญ่เดินเข้ามาในห้อง แต่นั่นไม่ใช่ความเคารพนอบน้อม นั่นเป็นความกลัว เพราะถ้าหากเธอรู้สึกเคารพนอบน้อมจริงๆ

เธอไม่น่าจะทำลายดอกไม้

เธอน่าจะหยิบก้อนหินออกจากทางเดิน

หรือเธอน่าจะดูแลช่วยเอาใจใส่ต้นไม้ในสวน

แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือผู้เยาว์ พวกเรามักจะไม่มีความรู้สึกเคารพนับถืออย่างแท้จริง ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ล่ะ มิใช่เป็นเพราะว่า เราไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไรดอกหรือ


3.

เธอเข้าใจไหม ว่าความรักเป็นสิ่งที่เรียบง่าย

ไม่ใช่สิ่งซับซ้อนยุ่งเหยิงเยี่ยงความรักเชิงกามารมณ์ หรือความรักในพระเจ้า แต่เป็นความรักเฉยๆ อ่อนโยนและสุภาพอย่างแท้จริงในการเข้าไปสัมผัสกับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่บ้านเธอก็มักจะไม่ได้รับความรักเรียบง่ายเช่นนี้เสมอไป เพราะพ่อแม่ของเธอยุ่งและวุ่นวายเกินไป อาจจะไม่มีความรักความอ่อนโยน – อย่างแท้จริงที่บ้านเลย


ดังนั้น

พวกเธอจึงมาที่นี่ พร้อมกับภูมิหลังของการเฉยชารับรู้ และเธอก็ประพฤติเช่นเดียวกับคนอื่นๆ และเราจะทำให้เกิดความรับรู้ที่ว่องไวได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ว่า ต้องมีกฎระเบียบห้ามไม่ให้เธอเด็ดดอกไม้ เพราะว่าเมื่อเธอเพียงสะกดกลั้นตัวเองจากกฎระเบียบก็จะมีความกลัว แต่ความรู้สึกรับรู้ได้อย่างว่องไวนี้ ซึ่งทำให้เธอตื่นตัว ที่จะไม่ทำอันตรายต่อผู้คน ต่อสัตว์ และต้นไม้ จะเกิดขึ้นได้อย่างไรล่ะ


พวกเธอสนใจเรื่องเหล่านี้หรือเปล่า

เธอควรจะสนใจ ถ้าหากเธอไม่สนใจที่จะแววไวต่อการรับรู้ เธอก็น่าจะเหมือนกับคนตาย และคนส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น แม้ว่าคนเหล่านั้นจะมีอาหารกินวันละสามมื้อในแต่ละวัน มีงานทำ มีลูกมีเต้า นั่งอยู่บนรถส่วนตัว หรือสวมใส่เสื้อผ้าอันสวยงามก็ตาม พวกเขาส่วนใหญ่อย่างดีที่สูด ก็เป็นเพียงแค่บุคคลที่ตายแล้วเท่านั้น


เธอรู้หรือเปล่า

ว่าสภาพที่รับรู้ได้อย่างว่องไวนั้นหมายถึงอะไร

แน่นอน

มันหมายถึงว่ามีความรู้สึกที่อ่อนโยนนุ่มนวลต่อสิ่งต่างๆ

เช่น

เห็นสัตว์ได้รับความเจ็บปวดมีความทุกข์

แล้วทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไปในเรื่องนี้

หรือหยิบเอาก้อนหินออกจากทางเดิน

เพราะมีเท้าอันเปล่าเปลือยมากมายเหยียบย่ำไปบนทางสายนั้น

หรือหยิบเอาตะปูออกมาจากถนน

เพราะว่ามันอาจจะแทงยางรถยนต์ของใครสักคนหนึ่ง

การรับรู้อย่างว่องไวนั้น หมายถึงความรู้สึกที่มีต่อผู้คน ต่อนก ต่อดอกไม้ ต่อต้นไม้ นี่ ไม่ใช่เป็นเพราะว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นของเธอ แต่เพียงเพราะเธอตื่นตัวต่อความงดงามมหัศจรรย์ของสิ่งเหล่านั้น และสภาพการรับรู้เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร


4.

ขณะใดที่เธอรับรู้ได้อย่างว่องไวลึกซึ้ง

เธอจะไม่เด็ดดอกไม้ได้เองโดยธรรมชาติ จะมีความปรารถนาโดยฉับพลัน ในอันที่จะไม่ทำลายสิ่งต่างๆ ไม่ทำลายผู้คน ซึ่งก็หมายถึงการมีความเคารพนับถือ หรือความรักที่แท้จริงนั่นเอง

การที่จะรักนั้น - เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต

แต่ที่ว่ารักนั้น หมายถึงอะไรล่ะ

เมื่อเธอรักใครสักคนหนึ่ง เพราะว่าเขาคนนั้นมีความรักต่อเธอ

นั่นไม่ใช่ความรัก

การที่จะรักคือการมีความรู้สึกรักเป็นพิเศษ

โดยไม่มีการเรียกร้องสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นการตอบแทน

เธออาจจะเฉลียวฉลาดสอบได้ทุกครั้ง มีปริญญาเอก และมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง แต่หากเธอไม่มีความรู้สึกรับรู้ได้อย่างว่องไวเช่นนี้ ดวงใจของเธอจะว่างเปล่า และเธอจะทุกข์ทนหม่นไหม้ไปจนชั่วชีวิต


ดังนั้น

จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่ดวงใจจะเต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกแห่งรัก เพราะหลังจากนั้น เธอจะไม่ทำลาย ไม่หยาบคายอำมหิต และจะไม่มีสงครามอีกต่อไป นับจากนั้น เธอจะเป็นมนุษย์ที่มีความสุข และเพราะเหตุที่เธอมีความสุข เธอจะไม่สวดวิงวอน เธอจะไม่แสวงหาพระเจ้า เพราะความสุขอันนั้นเองคือพระเจ้า


5.

เอาละ

แล้วความรักเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ความรักจะต้องเริ่มต้นจากครู เริ่มต้นจากนักการศึกษาอย่างแน่นอน นอกจากให้ข่าวสารความรู้แก่เธอในวิชาคณิตศาสตร์ภูมิศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์แล้ว

ถ้าครูคนนั้นมีความรู้สึกแห่งความรักในหัวใจของเขา

และพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้

ถ้าครูคนนั้นหยิบเอาก้อนหินออกจากทางเดิน

หรือไม่ยอมให้คนรับใช้ทำแต่งานสกปรก

ถ้าหากในการพูดของครูคนนั้นในการงาน ในการพักผ่อนของเขา เมื่อเขารับประทานอาหาร เมื่อเขาอยู่กับเธอ หรืออยู่กับตัวเขาเองโดยลำพัง เขารู้สึกอยู่ในสภาวะอันแปลกประหลาดนี้ และชี้ให้เธอเห็นอยู่บ่อยๆ เธอก็จะรู้ว่าความรักคืออะไรได้เหมือนกัน


6.

เธออาจจะมีผิวพรรณอันหมดจด มีใบหน้าอันสวยงาม เธออาจสวมส่าหรีน่ารัก หรือเป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าไร้ซึ่งความรักในหัวใจของเธอแล้ว เธอก็คือมนุษย์ที่น่าเกลียด น่าเกลียดยิ่งกว่าจะบอกว่าน่าเกลียดอย่างไร

แต่เมื่อเธอมีความรัก

ไม่ว่าใบหน้าของเธอจะธรรมดาสามัญหรืองดงาม

ใบหน้านั้นก็จะมีประกายรุ่งเรือง

การที่จะรักได้นั้น – เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

และนับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่จะพูดเกี่ยวกับความรัก

ที่จะรู้สึกในความรัก

ที่จะทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมันไว้

ให้คุณค่ามัน

มิฉะนั้นแล้วมันจะเหือดหายมลายไป

เพราะโลกนี้มีแต่ความโหดร้ายทารุณเป็นอย่างยิ่ง


7.

ถ้าหากขณะที่เธอยังอยู่ในวัยเยาว์ แล้วเธอไม่รู้สึกรัก ถ้าหากเธอไม่มองดูผู้คน มองดูสัตว์ มองดูดอกไม้ด้วยความรักแล้ว เมื่อเธอเติบโตขึ้น เธอก็จะพบว่าชีวิตกลวงเปล่า เธอจะโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง และเงาดำของความกลัวจะติดตามเธอไปตลอดกาล

แต่ขณะใดที่เธอ

มีสิ่งพิเศษสุดที่เรียกว่าความรักอยู่ในหัวใจ

และสัมผัสได้ถึงความลึก

ความปีติและความปลาบปลื้มของความรักนี้

เธอก็จะค้นพบว่าสำหรับเธอนั้น

โลกถูกทำให้เปลี่ยนไปแล้ว.


หมายเหตุ : จากบางบทในหนังสือรวมงานชื่อ “ ความรัก ” ของกฤษณะมูรติ แปลโดย พยับแดด จัดพิมพ์โดย ห้องสมุดกฤษณะมูรติ ร่วมกับ สำนักพิมพ์ถ้ำแก่นจันทร์ 40 /1 . ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจบุรี 71150 ตีพิมพ์ครั้งแรก 1 กุมภาพันธ์ 2535


งานแปลของกฤษณะมูรติ ชิ้นนี้ เป็นงานที่ผมได้อ่านแล้วอยากให้คนหลายๆคนได้อ่าน โดยเฉพาะท่านที่สนใจในเรื่องของความรัก และอยากรู้จักว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร มีความสำคัญต่อชีวิตมากน้อยเพียงใด และจะรู้จักมันได้อย่างไร

ครับ ผมขออนุญาต พยับแดด ผู้แปล นำงานชิ้นนี้ที่เดิมชื่อว่า “ความเรียบง่ายของความรัก” มาลง ณ ที่นี้ เพื่อเป็นของขวัญวันขึ้นปีใหม่ปี 2552 แด่ ผู้อ่านทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาเยี่ยม กระท่อมทุ่งเสี้ยว ในเว็บประชาไท


และขออนุญาตใช้ชื่อใหม่จากประโยคหนึ่งในเรื่องนี้ แทนชื่อเก่า เพราะผมชอบประโยคนี้มาก (การที่จะรักนั้น – เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต) เพราะดูจูงใจชวนให้ติดตามอ่านเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้ง การจัดวรรคตอนใหม่ ให้อ่านง่าย น่าสนใจ ตามลำดับหมายเลข ผมต้องขออภัย พยับแดด ในการถือวิสาสะในส่วนนี้ด้วยครับ เพราะผมอยากให้คนเข้ามาอ่านงานสร้างสรรค์ ที่เต็มไปด้วยคุณค่าและดีเยี่ยมชิ้นนี้มากๆ สวัสดีปีใหม่ครับ.


สันยาสี : นักบวชเร่ร่อน หรืออนาคาริก ที่มีอยู่แห่งเดียวในประเทศอินเดีย


กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่


บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
น้องชายอย่าสิ้นคิดสิ้นหวังให้มากนักไปเลยโลกนี้ยังมีคนดีและความดีอยู่โลกนี้ทั้งโลก...ไม่ได้มีแต่คนเลวและความชั่วร้ายอย่างที่น้องชายประณามและสิ้นหวังหรอกโลกนี้ยังมีคนดีและความดีอยู่มากมายมองดูสิเห็นไหมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทุกครั้งที่มีวิกฤตการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในโลกถึงขั้นทำลายล้างชีวิตมนุษย์อย่างมโหฬารไม่ว่าจะเป็นภัยที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันหรือภัยที่เกิดจากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น ณ ซีกใดในโลกนี้เราจะเห็นคนดีและความดีของพวกเขาที่ทำให้โลกนี้...…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ชีวิต ชีวิตเป็นเรื่องยาก เพราะชีวิตเป็นอย่างที่มันเป็น ไม่ได้เป็นอย่างที่เราอยากให้มันเป็น อย่างนั้น-อย่างนี้ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  จริงหรือที่เขาพูดกันว่าเราหว่านเมล็ดใดลงไปในท้องทุ่งถ้าหากเมล็ดนั้นมิได้เน่าเปื่อยตายด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งมันย่อมจะงอกงามเติบโตให้พืชผลแก่เราตามชนิดของเมล็ดพืชพันธุ์นั้นดังเช่นชาวนาหว่านเมล็ดข้าวลงไปในท้องทุ่งเขาก็ย่อมได้ต้นข้าวและเมล็ดข้าวเป็นผลของการหว่านเมล็ดลงไปในท้องทุ่งเมื่อถึงวาระแห่งการงอกงามเติบโตและแตกดอกออกผลจริงหรือที่เขาพูดกันว่าการกระทำทุกอย่างทางกาย วาจา และ ใจของคนเราที่เราได้กระทำต่อสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คน โลก…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
                     ลมแล้งโชย…ปลิดโปรยใบไม้แห้ง                     สีส้มแดง เหลือง น้ำตาล หวานอมเศร้า                     ร่วงหล่นลอยเคว้งคว้างมาบางเบา                     ซบลานดินเงียบเหงา……
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
                    เป็นอย่างที่เธอเป็นเช่นนั้นแหละ                    ไม่ต้องแตะแต้มแต่งแสร้งเสกสรรค์                    เป็นอย่างที่เธอเป็นเช่นทุกวัน                   …
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ยิ่งชูก้านกิ่งใบไปสู่ฟ้าราวจักคว้าดวงตะวันอันสุกใสลงจากฟ้ามาเล่นเป็นโคมไฟส่องดวงใจตกอับคนคับแค้นและยิ่งสูงขึ้นไปจนไกลลิบราวจักหยิบดวงดาวพร่างพราวแสนมาเรียงร้อยสร้อยดาววับวาวแทนสร้อยใส่แขนเจ้าสาวผู้หนาวรักยิ่งต้องหยั่งรากลึกลงสู่ดินดูดดื่มกินโลกธาตุอย่างหน่วงหนักทุกเส้นสายชอนไชลงไกลนักเพื่อที่จักเติบใหญ่ให้ร่มเงาเพื่อผลิดอกออกผลจนสุกงอมเพื่อโน้มน้อมกิ่งลงดำรงเผ่าเพื่อสืบเนื่องชีวิตนี้แนบเนาเพื่อกล่อมเกลาโลกขมขื่นให้ชื่นบานเพื่อที่จักตายไปในวันหนึ่งเมื่อยามถึงกาลเวลามาเรียกขานทอดกายลงพักผ่อนนอนนิ่งนานอยู่ในกาลนิรันดร์สงบเงียบ.27 มีนาคม 2551กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
วิถีในทางโลกและทางธรรมมันเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามและสวนทางกันแทบทุกกรณี เช่น ในขณะที่ทางโลกสอนให้เรายึดมั่นถือมั่นเอาโน่นเอานี่ แต่ทางธรรมกลับสอนให้เราลดละปล่อยวางทั้งสิ่งที่เป็นวัตถุธรรมและนามธรรม เพื่อจะนำชีวิตไปสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์ จากมุมมองของผม ซึ่งเป็นคนที่ยังมีกิเลสค่อนข้างหนาหนัก ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ยากแสนยากที่ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆที่ยังติดข้องอยู่ในโลก จะเดินเข้าไปสู่ทางธรรมได้ ถ้าหากไม่มีเหตุปัจจัยอะไรสักอย่าง ทำให้เกิดความศรัทธาและแรงบันดาลใจอันใหญ่หลวง ดึงดูดให้เข้าไปโดยเฉพาะการเดินเข้าไปสู่ทางธรรมในฐานะนักปฏิบัติ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
น้องชายน้องชายที่รักของข้าจงฟังคำของข้าและจำใส่ใจเอาไว้ให้ดีอาวุธที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์ คือ ภาษาของมนุษย์ไม่ว่าเจ้าจะเกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีภาษาที่ดีหรือว่าเลวจงจำใส่ใจเอาไว้ให้ดีภาษาที่เจ้ามีอยู่และกำลังใช้สื่อสารมันสามารถที่จะเป็นได้ทั้งข้าทาสผู้รับใช้และเป็นนายของตัวเจ้า
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
แล้วในที่สุดก็ถึงวันนี้วันที่อดีตท่านนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางกลับเมืองไทยโดยสายการบินไทยเที่ยวที่ ที จี 603 ที่ร่อนลงบนรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 09.40น.ของวันที่ 28 ก.พ. เพื่อกลับมาต่อสู้คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินถนนรัชดา ที่ท่านตกเป็นจำเลยที่หนึ่ง รวมทั้งข้อกล่าวหาอื่นๆในช่วงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  ท่ามกลางความดีอกดีใจของฝ่ายที่สนับสนุนที่พากันไปต้อนรับอย่างเอิกเกริก และท่ามกลางความตึงเครียดของฝ่ายคัดค้าน ที่เริ่มส่งเสียงคำรามฮึ่มๆ ออกมาประปรายถึงแม้การยอมรับกลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมในสังคมของอดีตท่านนายกฯ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ค้นพบหนังสือธรรมะเล่มเล็กๆขนาดฝ่ามือ หนาร้อยกว่าหน้าเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “หลวงปู่ฝากไว้” ที่ร้านหนังสือเก่าหลังตลาดมะจำโรงในตัวอำเภอ ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าใดนัก หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือเผยแพร่การแสดงธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล แห่งวัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งรวบรวมและบันทึกเอาไว้โดย พระโพธินันทมุนีหลวงปู่ดูลย์ อตุโล เป็นลูกศิษย์อาวุโสรุ่นแรกสุดของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝ่ายอรัญญวาสีในยุคปัจจุบัน ท่านเป็นพระที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ดังที่ พระโพธินันทมุนี ได้กล่าวเอาไว้ในคำนำหนังสือว่า “หลวงปู่เป็นผู้ไม่พูดหรือพูดน้อยที่สุด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หญิงสาวผู้มีฐานะดีคนหนึ่ง เป็นคนที่ชอบตื่นขึ้นมาใส่บาตรพระแต่เช้ามืดทุกวัน จนเป็นกิจวัตร เช้าวันหนึ่ง หลังจากตื่นขึ้นมาใส่บาตรพระเรียบร้อยแล้ว ขณะเดินกลับเข้าประตูรั้วบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงร้องครางหงิงๆดังมาจากรั้วข้างประตูด้านใน เมื่อเหลือบตาไปมองดูที่มาของเสียง เธอก็พบกล่องกระดาษแข็งขนาดย่อมใบหนึ่งที่เปิดฝาด้านบนเอาไว้ ซึ่งคงจะมีใครสักคนหนึ่ง เอาลอดรั้วบ้านมาวางไว้ที่นั่น ก่อนที่เธอจะลงจากบ้านออกมาใส่บาตรพระเมื่อเดินเข้าไปดู เธอก็พบลูกหมาตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักน่าสงสารตัวหนึ่ง นอนตัวสั่นอยู่ในกล่องกระดาษที่รองไว้ด้วยเศษผ้าเก่าๆ เธอจึงรีบทรุดลงอุ้มมันเอาไว้แนบอก…