Skip to main content


เจ้านกเชื่องถูกขังอยู่ในกรง ส่วนเจ้านกอิสระนั้นเป็นนกป่า

ทั้งคู่มาพบกันเข้า เพราะบุพเพสันนิวาสชักนำ

เจ้านกอิสระร้องว่า "โอ้ ที่รักของข้า ขอให้เราบินไปสู่ไพรพนาด้วยกันเถิด"

นกซึ่งถูกขังในกรงกระซิบว่า "เข้ามาใกล้ๆข้าอีกสิ ขอให้เราได้อยู่ร่วมกันในกรงนี้เถิด"

นกป่าพูดว่า "เราจะมีที่กว้างพอเหยียดปีกได้อย่างไรเล่าในกรงขังนั้น"

"อนิจจา" นกที่ถูกขังพูด "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในท้องฟ้านั้น จะหาคอนเกาะได้ที่ไหน"

นกป่าร้องว่า "ที่รัก ไปเถิด เราจะได้ขับขานบทเพลงแห่งราวป่ากัน"

นกที่ถูกขังบอกว่า "มาเกาะข้างๆข้าสิ ข้าจะสอนบทเพลงของมนุษย์ผู้ทรงความรู้ให้เจ้าฟัง"

นกป่าร้องว่า "ไม่ได้ ไม่ได้หรอกเจ้า บทเพลงมิใช่สิ่งที่จะสอนกันได้"

นกที่ถูกขังก็พูดว่า "อนิจจา ข้าก็ไม่เคยรู้บทเพลงแห่งราวป่าเลย"

ความรักของทั้งคู่เร่าร้อนด้วยความปรารถนา แต่มันก็ไม่เคยมีโอกาสบินเคียงคู่กันได้เลย

มันต่างจ้องมองกันและกันผ่านซี่ลูกกรง แต่ความต้องการที่จะรู้จักกันให้มากกว่านั้นล้มเหลว

มันต่างกระพือปีกอย่างเร่าร้อน

และต่างร้องบทเพลงบอกแก่กันว่า

"เข้ามาใกล้ๆอีกสิ ที่รัก"

นกป่าร้องว่า "ข้าเข้าไปไม่ได้หรอก ข้ากลัวประตูกรงที่ปิดนั้น"

นกที่ถูกขังก็ร้องแผ่วเบาว่า "อนิจจา ปีกของข้าก็แข็งทื่อและไร้พลัง"

 

 

หมายเหตุ ; นี่เป็นงานเขียนที่วิเศษบทหนึ่ง จากรวมบทกวีที่ชื่อว่า คนสวน (THE GARDENER ) ของรพินทรนาถ ฐากูร นักเขียนอินเดีย เจ้าของรางวัลโนเบลคนแรกของเอเชีย ที่ได้รับรางวัลนี้เมื่อปี 1913 แปลโดย แดนอรัญ แสงทอง พิมพ์ครั้งที่สอง เดือนมิถุนายน 2532 โดยสำนักพิมพ์ สู่ฝัน ของ พิบูลศักดิ์ ละครพล

 

ที่หน้าปกเขาระบุว่า บทกวีรางวัลโนเบล ถ้าข้อมูลไม่ผิด ก็คือหนังสือเล็กๆเล่มนี้เองที่ได้รับรางวัล วรรณกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ และผมก็ไม่นึกแปลกใจ เพราะโดยส่วนตัวผมแล้ว บทกวีทุกบทที่เรียงร้อยอยู่ในหนังสือเล่มนี้ มันเป็นงานที่วิเศษสำหรับผมทุกชิ้น ถึงแม้ผู้แปลจะถ่อมตัวว่า ตนเองไม่คู่ควร แต่เขาก็ชื่นชอบในความงดงามของคนสวน จนห้ามใจมิให้แปลมิได้ และผมก็ชอบที่เขาแปล

 

หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่ง นอกเหนือจากเจ้าชายน้อย ของแซงเต็กซูเปรี เมตามอร์โฟซิส ของฟรันซ์ คาฟคา และอีกหลายเล่ม ฯลฯ ที่บอกแก่ผมว่า ความยิ่งใหญ่ของงานเขียนวรรณกรรม ไม่ได้อยู่ที่จำนวนถ้อยคำและขนาดหนาบางของหนังสือ แต่อยู่ที่คุณภาพอันยอดเยี่ยมทางศิลปะและเนื้อหาที่กินใจ และก่อให้เกิดความสะเทือนใจ แล้วนำเราสู่การคิดตระหนักใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งประการใดประการหนึ่ง - เกี่ยวกับโลกและชีวิต โดยไม่จำเป็นต้องเอาหลักวิชาการอันแข็งทื่อใดๆมาข่มขู่สั่งสอนอธิบาย หรือโฆษณาชวนเชื่อ เพราะงานศิลปะที่บรรลุถึงพรมแดนแห่งศิลปะ มันจะทำหน้าที่อันทรงพลังของมันเอง บทกวี นกป่า ของผมที่นำมาเสนอเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ถ้าจำได้ไม่ผิด ผมได้รับแรงบันดาลใจจากงานเขียนชิ้นนี้แหละครับ สวัสดี ฤดูฝนอันหม่นมัว.

 

9 มิถุนายน 2552

กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ทักษิณ ชินวัตร เดินทางลงมาจากยอดเขาสูงลงมาสู่พื้นดินเบื้องล่างเป็นเวลานานนับปีแล้วหลังจากต่อสู้ปีนป่าย...ขึ้นไปอยู่บนยอดสุดเป็นเวลานานหลายปีแต่ทันทีที่เขาก้าวย่างลงมาเหยียบฝ่าเท้าลงไปแตะผืนแผ่นดินเบื้องล่างเขาก็พลันพบว่า...พื้นดินบนผืนแผ่นดินไทยมิใช่พื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขาเสียแล้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 เมื่อวานนี้ ข้าจำใจต้องตัดสินใจซื้อบัตรตีตั๋ว - ขึ้นชิงช้าสวรรค์กับเด็กๆในงานสวนสนุกข้างบ้านเพราะทนคำรบเร้าของเด็กๆที่ต้องการให้ข้าขึ้นไปนั่งเป็นเพื่อนไม่ไหว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  จริงหรือที่มีท่านผู้รู้กล่าวกันว่าต้นตอสาเหตุ - ของความขัดแย้งแตกแยกกันอย่างรุนแรงในสังคมไทย ที่กำลังลุกลามกันใหญ่...และยากจะหาข้อยุติในขณะนี้หาใช่เรื่องที่เกิดขึ้น...จากคนเพียงสอง - สามคน ขัดแย้งกันแล้วชักชวนคนอื่นๆมาเป็นพรรคพวกร่วมทะเลาะกันไม่
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 มีคนเคยบอกฉันว่า "การเดินทาง คือกำไรของชีวิต" อาจเป็นเพราะความฝันกระมัง ที่ทำให้ชีวิตฉันต้องเดินทางอย่างมากมาย สมัยฉันเป็นเด็กเล็ก ฉันเคยฝันกับตัวเองเอาไว้ว่า สักวันหนึ่ง...ฉันจะเป็นดั่งซานตาคลอส นักบุญใจดี ที่ชอบแบกถุงผ้าใบใหญ่พาดไหล่ เดินทางเอาขนมไปแจกเด็กๆที่หิวโหยในวันคริสต์มาส...ฉันเชื่อว่าความฝันช่วยทำให้ชีวิตคนเราในแต่ละวัน - มีความหมาย และเฝ้าบอกแก่ตนเองเสมอว่า ความฝันต้องควบคู่กับการเล่าเรียนศึกษา เพื่อเป็นบันได...ทอดขึ้นไปสู่อนาคตอันสดใส สำหรับก้าวขึ้นไป - ไขว่คว้าความฝันให้เป็นจริง...จนกระทั่งฉันโตเป็นหนุ่มฉันจึงเริ่มฝัน เป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นมา ฉันฝันว่า วันหนึ่ง…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ภายในกำแพงที่คุมขังแห่งนี้เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผม ป้องกันไม่ให้ผม ต้องถูกบังคับสับถูกโขกให้ออกไปตระเวนร้องเพลงตามข้างถนน ซึ่งไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกอย่างไร จะต้องทำเงินให้ได้ ตามยอดเงินที่นายพ่อตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัด จะกินอิ่มหรือไม่ นายพ่อไม่เคยถาม...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อเดินทางจากลำปางมาอยู่กับท่านเศรษฐีใจบุญที่กรุงเทพ ท่านให้ผมเรียกท่านว่า "นายพ่อ" ท่านได้สอนให้ผมร้องเพลงเล่นกับวงดนตรีคนพิการของท่าน รวมทั้งสอนให้ขายล็อตเตอรี่ด้วย เพื่อให้ออกไปหาเงิน ผมก็ไป ไม่เคยอิดออดอะไร เพื่อหวังจะได้เรียนหนังสือและมีชีวิตที่ดีขึ้น...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
วันที่ฉันได้รับจดหมายจากแดน 3 ฉันกำลังมีความสุขกับงานขึ้นบ้านใหม่ บ้านที่ฉันกู้เงินสหกรณ์ตำรวจ และขายวัวทั้งฝูงที่เลี้ยงเอาไว้ นำเงินมาสร้างให้แม่แก้ว แม่ผู้ให้กำเนิดชีวิตฉัน โดยยอมทิ้งความอยากได้รถยนต์เก๋ง วีออสสีดำ ป้ายแดง ที่ฝันจะขับตะรอนทัวร์ ออกไปช่วยเหลือผู้คนตามต่างจังหวัดที่อยู่ห่างไกล แต่เอาเข้าจริงๆความฝันกับความเป็นจริง มักเดินสวนทางกันเสมอ...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เธอสวยถึงแม้เธอจะแต่งตัวขะมุกขะมอมด้วยเสื้อผ้าราคาถูกและเก่าคร่ำคร่าแต่เปลือกกายภายนอกอันหม่นหมองของความยากไร้หาได้บดบังความงามของเธอไม่
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  1. ยามเช้าเปิดหน้าต่างตะวันออกเพื่อรับแสงสว่างและข่าวคราวจากโลกภายนอก
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  สวยหรือไม่สวยเพราะหรือไม่เพราะหอมหรือไม่หอมอร่อยหรือไม่อร่อยสบายหรือไม่สบายดีหรือไม่ดี...ข้าใช้ความรู้สึกนึกคิดจากเลือดเนื้อชีวิต กว้างศอก ยาววา ของข้าตามกรอบความรู้สึกนึกคิดแบบทวิลักษณ์นี้แยกแยะสิ่งดีสิ่งเลว ความผิดความถูกต้อง ความดีและความชั่ว ออกจากกันตั้งเล็กจนโตและตราบเท่าจนถึงทุกวันนี้เพื่อเลือกรับและปฏิเสธสิ่งต่างๆในโลกครอบคลุมไปหมดทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยไปจนถึงเรื่องคอขาดบาดตายและทำให้ชีวิตข้าอยู่รอดปลอดภัยในโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายและความโหดร้ายของชีวิต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ฉันเกลียดและฉันรักเธอมาทักถามทำไมในเหตุผลเหตุใดรัก เหตุใดเกลียด เกิดในตนสิ่งใดดลดาลใจให้เกิดมา
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
รื่นเริงเถิดจงรื่นเริงเถิดชีวิตนี้เกิดมาสั้นนักหนารื่นเริงเถิดมิตรอย่ามัวรอช้าก่อนเวลารื่นเริงจะหมดสิ้นไป