Skip to main content

ปลายปีที่แล้ว
ผมได้รับข่าวฝากประชาสัมพันธ์การแสดงภาพเขียนสีน้ำของพิบูลศักดิ์ ละครพล ชื่อ "ภาพประทับจากการแรมทาง" จากหอศิลป์ริมน่าน จังหวัดน่าน ผ่านมาจนถึงปลายปีนี้ ผมก็ได้รับข่าวคราวการแสดงงานของเขาอีกครั้งหนึ่งจากคุณนิลจากร้านหนังสือ "2521" จังหวัดภูเก็ต ส่งอีเมล์ มาฝากข่าว เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์มาว่า

 

เชิญชม
งานนิทรรศการศิลปะ เริงรมณีย์สีน้ำ ( Blissfully Phuket )
จิตรกรรมของนักเขียน กวี พิบูลศักดิ์ ละครพล
14 พฤศจิกายน 2552 -  14 ธันวาคม 2552
ณ ร้านหนังสือ "2521" เลขที่ 61 ถนนถลาง เมืองภูเก็ต
ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป
รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 077 258-254 และ 089 624-223

ครับ
นอกจากข่าวงานแสดงแล้ว ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างงานชุดนี้ พร้อมทั้งประวัติชีวิตและงานโดยภาพรวมของพิบูลศักดิ์ ละครพล ที่รวบรวมโดย นฆ อักษนาวิน ( N.Paksnawin ) ที่ผมเข้าใจว่าคุณนิลคงจะคัดมาจากสุจิบัตร ส่งมาให้พร้อมกับข่าว ผมจึงนำเรื่องนี้มาลงด้วย เพราะเขาเรียบเรียงเอาไว้เป็นเรื่องเป็นราวน่าสนใจ ทำให้คนที่ยังไม่รู้จักงานและชีวิตของพิบูลศักดิ์ ละครพล ได้รู้จักตัวตนของเขาอย่างแจ่มชัด  ดังนี้
 
เริงรมณีย์สีน้ำ
เป็นภาพวาดสีน้ำ ซึ่งพิบูลศักดิ์ ละครพล ได้วาดภาพตามสถานที่ต่างๆ ขณะพำนักอยู่ที่ภูเก็ตในช่วงเวลาหนึ่ง
พิบูลศักดิ์ ละครพล เป็นนักเขียน กวี เกิดที่ อ.แม่ใจ จ.พะเยา
มีผลงานรวมเล่มครั้งแรก ปี พ.ศ. 2516 ชื่อ "ถนนสีแดง" งานเขียนที่ส่งชื่อเสียงให้เขารู้จักในวงกว้างคือนวนิยายชื่อ ขอความรักบ้างได้ไหม ชูมาน หุบเขาแสงตะวัน ทุ่งหญ้าสีน้ำเงิน นกสีฟ้า บ้านไร่ปลายแคว วัยฝันวันเยาว์ และรวมเรื่องสั้น แล้วจะเก็บดอกไม้มาฝาก การกลับมาของความฝันสีขาว สารคดี ในอ้อมแขนแผ่นดินล้านนา บทกวี ดอกไม้แด่คนหนุ่มสาว ฯลฯ และอีกมากมาย ที่ได้รับรางวัลระดับชาติ และนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์

ที่สำคัญคือ รางวัลกวีดีเด่น
Emint Poet International จากสถาบันกวีโลก ปี 2531

ผลงานวรรณกรรมล่าสุดชื่อ กระท่อมดินทุ่งดาว ได้รับรางวัลดีเด่นงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และรางวัลรักลูกอวอร์ด ปี 2552

นอกเหนือจากงานเขียนเรื่องสั้น นวนิยาย และบทกวีแล้ว พิบูลศักดิ์ ละครพล ยังมีผลงานเพลง 6 ชุด ในนามวงมาชารี ซึ่งเป็นการริเริ่มผสมผสานบทกวีเข้ากับดนตรี เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา บทเพลงที่รู้จักกันดี คือ ผิงดาว เก็บรักฝากฝัน บทเพลงเดียวดายของคนเดินทาง และ มิใช่เจ้าชาย ฯลฯ

การวาดภาพสีน้ำเป็นงานอดิเรกของเขา แต่กระนั้นก็มีการรวบรวมแสดงงานมาแล้ว 10 ครั้ง ทั้งแสดงเดี่ยวและแสดงรวมกับศิลปินระดับชาติ ครั้งล่าสุด พ.ศ. 2551 แสดงเดี่ยวชุด ภาพประทับจากการแรมทาง ที่หอศิลป์จังหวัดน่าน

ประวัติงานแสดงภาพเขียนของพิบูลศักดิ์ ละครพล
"ฉันฝันว่าฉันฝัน"
ร้านบุ๊คแอนด์เบียร์ กรุงเทพฯ ธันวาคม 2532
"เขียนสีแทนอักษร"
ซันเดย์แกลลอรี่ จตุจักร กรุงเทพฯ กุมภาพันธ์ 2534
"นักเขียนบนความเงียบของหนังสือ"
ร่วมกับนักเขียน-กวีที่เขียนภาพ ศูนย์บ้านตึกนนทบุรี 2537
"กรุงเทพฯราตรี"
แสดงร่วมกับวสันต์ สิทธิเขตต์ มานะ ภู่พิชิต ร้านแซกโซโฟน อนุสาวรีย์ชัยฯ กรุงเทพฯ 2545
"ลมหนาวป่าเหนือ"
ร้านหนังสือเดินทาง ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ กันยายน 2545
"จากภูผาถึงทะเล"
แสดงร่วมกับศุภสิทธิ์ วงศ์ร่มเงิน ร้านแซกโซโฟน อนุสาวรีย์ กรุงเทพฯ 2546
"มุมสวยบนเกาะรัตนโกสินทร์"
จนอาร์ต ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ กันยายน 2541
"THE LOVER"      
ร้านสิงห์สาโท อรุณอมรินทร์ กรุงเทพฯ กุมภาพันธ์ 2547
"ภาพประทับจากการแรมทาง"
หอศิลป์ริมน่าน จ.น่าน ธันวาคม 2551
"เริงรมณีย์สีน้ำ"
ร้านหนังสือ "2521" ถนนถลาง ภูเก็ต พฤศจิกายน 2552

ครับ
ผมหวังว่า ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง ที่แบ่งแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างคมชัด และต่างยังเต็มไปด้วยท่าทีที่มาดหมายว่าจะโค่นล้มกันให้พินาศไปข้างหนึ่ง โดยที่ใครไม่สามารถจะยับยั้งความขัดแย้งนี้ได้ และเงินทองเป็นของหายากมากขึ้นทุกวัน...ยังไม่พอ ค่าของเงินยังลดลงๆ แต่สินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ชีวิตราคากลับแพงขึ้นทุกวันๆ...

ผมเชื่อว่า ท่านที่ได้อ่านข่าวคราวการแสดงงานสร้างสรรค์ความงามจากพิบูลศักดิ์ ละครพล ในครั้งนี้ ไม่ใครก็ใครสักคนหนึ่งแหละน่า ! ที่ได้อ่านแล้วรู้สึกสบายใจ รู้สึกว่าสังคมนี้ยังน่าอยู่ ในขณะที่รอบๆตัวเรามีแต่คนจ้องคิดแต่จะทำลายกัน และชีวิตเต็มไปด้วยความยากลำบากในการอยู่รอด ถึงแม้เราจะไม่มีโอกาส - ได้ไปชื่นชมกับงานสร้างสรรค์นี้ก็ตาม.

16 พฤศจิกายน 2552
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
3 กันยายน 2551...คือ วาระอีกวาระ - การละจาก                  เขาผู้ฝากงานบรรเจิดอันเลิศล้ำไว้แด่โลกได้กำหนดได้จดจำ                   ด้วยลำนำ คีตกานท์ - แห่งล้านนา ซึ่งยังส่ง - เสียงเจื้อยแจ้ว ยังแว่วหวาน       ยังเบิกบาน ทระนง ทรงคุณค่าจากสายน้ำ ถึง แววดาวพราวนภา            …
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ไม่มี ความเข้าใจ ไม่มีรักไม่มี พัก ไม่มีแรงจักแข็งขันไม่มี หวัง ไม่มีที่ฝ่าฟันไม่มี ฝัน ไม่มีวันอันเลิศลอย ไม่มี กาม ไม่มีการก่อเกิด                    ไม่มี เปิด ไม่มีเข้าออกเคลื่อนคล้อยไม่มี ปิด ไม่มีเก็บรูปรอย                      ไม่มี หวานหยดย้อย ไม่มีมด ไม่มี ทรัพย์ ไม่มีบริวาร                 …
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 ใช่ผมรักทักษิณเพราะผมมีเหตุผลของผมที่จะรักทักษิณใช่ดิฉันรักทักษิณเพราะดิฉันมีเหตุผลของดิฉันที่จะรักทักษิณใช่หนูรักทักษิณเพราะหนูมีเหตุผลของหนูที่จะรักทักษิณใช่พวกเรารักทักษิณเพราะพวกเราต่างมีเหตุผลที่จะรักทักษิณเพราะเราต่างมองเห็นคุณงามความดีของเขาและเราจะพยายามช่วยกันปกป้องเขาจนถึงที่สุดใช่ผมเกลียดทักษิณเพราะผมมีเหตุผลของผมที่จะเกลียดทักษิณใช่ดิฉันเกลียดทักษิณเพราะดิฉันมีเหตุผลของดิฉันที่จะเกลียดทักษิณใช่…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
   ปริศนา- แสวงหาถ้อยอธิบายวิญญาณ - เวียนว่ายแสวงหารูปร่างว่างเปล่า- แสวงหาสาระจัดวางก่อสร้าง คุณค่า ความหมายเติมตน โดดเดี่ยวเดียวดาย- แสวงหาคู่            ลบความหดหู่ซึมเศร้าสับสนอึดอัด- ขัดข้องอับจน                       แสวงหาหนทางออกโบยบิน เจ็บปวด- แสวงหาเพิงพัก                   พำนักสมานแผลขาดวิ่นโหยหิว -…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เจ้าเก็บกวาดขยะในบ้านเจ้า ตัวข้าเล่าเก็บกวาดในบ้านข้าเราต่างคน ต่างเก็บความ...ไม่งามตารอบชายคาบ้านเราทิ้ง-ทุกวี่วัน ไม่เที่ยวไปล่วงล้ำคอยตำหนิ                ไปแตะติบ้านโน้นติบ้านนั้นบ้านตัวเอง รกรุงรัง ช่างหัวมัน               (ช่างน่าขัน...ใครจะเชื่อฟังน้ำคำ) สู้เก็บกวาดขยะในบ้านเรา                    ให้เกลี้ยงเกลา...รอบชายคา…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ในสังคมการแก่งแย่งกันแข่งขัน เราเป็นมิตรสหายกันนั้นจริงหรือ ในสังคมการขันแข่งเพื่อแย่งยื้อ (เราจับมือกัน แค่มือ หรือมิใช่) เช่นเดียวกันกับคำพร่ำบอกรัก สงสัยนักรักนี้เป็นไฉน... (มีหรือรัก...หล่นจากปากออกจากใจ) ในสังคมการเฉือน เชือด อย่างเลือดเย็น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ที่เห็นเห็นเป็นกันนั้นมิใช่                แต่ที่ลึกลงไปมิได้เห็นนั่นแหละคือความจริงสิ่งซ่อนเร้น     เป็นต้นตอเป็นธาตุแท้อันแน่ชัดที่เห็นเห็นเป็นเพียงแค่หน้ากาก        ที่เห็นเห็นเป็นแค่ฉากที่เขาจัดเป็นละครบทเก่าที่เขาคัด               นำมายัดเยียดหลอกเราทุกเช้าเย็นความเป็นจริงธาตุแท้แบอยู่ไหน       เขาซ่อนไว้-แต่ไม่ยากถ้าอยากเห็นลองดูสิ...ลองแตะต้องทองเขาเล่น…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ไหลมาจากป่าเขาอันเหงาเงียบเย็นยะเยียบลงสู่ถิ่นแผ่นดินใหญ่พาดผ่านเมืองแห่งตำนานล้านนาไทยคงคู่เวียงเชียงใหม่มาเนิ่นนาน เป็นเส้นเลือดของชุมชนบนฟากฝั่งที่ยืนยังเกลียวกลมผสมผสานด้วยพืชผลนาไร่จากแรงงานจากสายธารแม่น้ำใหญ่ที่ไหลริน ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์อันไกลโพ้นยังอ่อนโยนเป็นมือแม่กระแสสินธุ์คอยหล่อเลี้ยงผองชนบนแผ่นดินมิรู้สิ้นกระแสแผ่กระจาย ถ้าแม่ปิงถูก “ มือทุน ” มาตัดขาดเพื่อนำสู่ตลาดไปค้าขายเหล่าชุมชนสองฝั่งฟากอันมากมายคงถึงคราวล้มละลาย...สิ้นสายน้ำ เพราะนี่คือ...มือดำอำมหิตที่ครุ่นคิดคอยแต่จะขย้ำทรัพยากรท้องถิ่นแผ่นดินธรรมเพื่อกอบกำผลกำไรให้แก่ตน …
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ใช่เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างมุ่งร้ายทำลายกันต่างฝ่ายจึงต่างขุดคุ้ยความไม่ดีของกันและกันออกมาตีแผ่ ก่นด่า ประณาม หยามเหยียด เยาะเย้ยและลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของกันและกันด้วยถ้อยคำที่เลวร้ายและหยาบคายป้ายสีสาดใส่กันและกัน...ต่างฝ่ายจึงต่างจงเกลียดจงชังซึ่งกันและกันมากขึ้นทุกวัน...มากขึ้นทุกวัน...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คนที่เป็นคนดีและทำแต่สิ่งที่ดีงามที่เรามักจะเรียกกันว่าคนดีมีศีลธรรม เป็นคนที่ใครๆเขาก็รักก็ชอบ เพราะคนที่ค่อนข้างหาได้ยากแบบนี้ ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร และมักกระทำแต่สิ่งที่ดีงามทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นอยู่เสมอ แต่ก็น่าเป็นห่วง คนดีมากมายหลายคนที่มีความเชื่อว่า การเป็นคนดีมีศีลธรรม หรือเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่ในฝ่ายธรรมะอย่างเคร่งครัดแล้ว ท่านจะต้องเป็นผู้ชนะความเลวร้าย และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทุกอย่างในโลกนี้ เหมือนยาขนานเดียวที่รักษาโรคได้ทุกโรค ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อและเกินจริง และไม่เคยเป็นจริงถึงขนาดนี้  แต่ก็ยังมีคนเชื่อ-ในการเป็นคนดีมีศีลธรรมแบบโรแมกติกนี้มิใช่น้อย…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ข้าคือความลวงคือสิ่งที่โกหกมดเท็จข้าเป็นความลวงของสิ่งใดสิ่งนั้นย่อมถูกเข้าใจผิดและถูกมองไปเป็นอื่นถ้าใครสักคนหนึ่ง...ได้รู้จักตัวข้าด้วยตัวของเขาเองอย่างแท้จริงเขาย่อมไม่ปรารถนาจะได้รู้จักความลวงใดๆในโลกนี้อีกเลยข้าคือความอัปลักษณ์คือสิ่งที่น่าเกลียดข้าเป็นความอัปลักษณ์ของสิ่งใดสิ่งนั้นย่อมแลดูต่ำต้อยด้อยค่าถ้าใครสักคนหนึ่ง...ได้รู้จักตัวข้าด้วยตัวของเขาเองอย่างแท้จริงเขาย่อมไม่ปรารถนาจะได้พบปะความอัปลักษณ์ใดๆในโลกนี้อีกข้าคือความเลวคือการกระทำที่ไม่ถูกต้องข้าเป็นความเลวของสิ่งใดย่อมมีการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมของสิ่งนั้นข้าจึงมีแต่ความขัดแย้ง เบียดเบียน…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ข้าคือความจริงข้าคือสิ่งที่ไม่โกหกหลอกลวงใครข้าเป็นความจริงของสิ่งใดข้าย่อมมีอยู่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงของสิ่งนั้นไม่ว่าใครจะกล่าวบิดเบือนตัวข้าอย่างไรก็ไม่อาจทำให้ข้าเปลี่ยนไปเป็นอื่นได้ถ้าใครสักคนหนึ่ง...ได้พบปะตัวข้าด้วยตัวของเขาเองอย่างแท้จริงเขาก็จะไม่เชื่อถือสิ่งใดในโลกนี้อีกเลย