โลกอันอ้างว้าง
ทุกอย่างเหมือนความฝัน
หมุนไปผ่านไปทุกวัน
แปรผันสลายอยู่ทุกโมงยาม
คิดไปแล้วว้าเหว่ ยามพลบโพล้เพล้วาบหวาม
ยามตะวันจะลับฟ้าสีคราม งามดั่งหญิงสาวแห่งความตาย
โลกอันอ้างว้าง
ทุกอย่างคิดไปแล้วใจหาย
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบรอบใจกาย
มีความหมายแก่ชีวิตเพียงใด
คิดไปแล้วว้าเหว่ ยามพลบโพล้เพล้หวามไหว
วันหนึ่งเมื่อจากโลกนี้ไป เหมือนตะวันลับแมกไม้ยามนี้
โลกอันอ้างว้าง
จะมีสิ่งใดบ้างที่นี่
เมื่อร่างกายกลายเป็นผงธุลี
ยังจะมี...สิ่งใดบ้างเป็นของเรา
โลกอันว้าเหว่ โลกคือทะเลอันแสนเศร้า
ชีวิตผ่านไปเหมือนเงา เหมือนเด็กเป่าฟองสบู่ล่องลอย
โลกอันอันอ้างว้าง
ดูสิ...ทุกอย่างช่างเหงาหงอย
เราต่อสู้ เราดิ้นรน... เรารอคอย
ให้ชีวิตนิดน้อยเพื่อสิ่งใด
ไม่แน่ใจเมื่อถึงที่สุด ณ ที่จุดอันมอดไหม้
ฉันคิดแล้ว...สะท้านสั่นเหมือนจับไข้ อยากร่ำไห้...ยามตะวันตกดิน.
หมายเหตุ ; สงกรานต์ที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ผมมีอันเป็นไปต้องไปเล่นกีตาร์ตั้งแต่งานคอนเสิร์ตหาเงินช่วยพี่น้องชาวใต้ที่ร้านสุดสะแนน เมื่อคืนวันที่ 15 เม.ย. และต่อเนื่องติดตามมาด้วยงานเลี้ยงของพี่ๆน้องๆและมิตรสหายมาจนถึงวันที่ 20 ถึงแม้ผมจะระมัดระวังในการดื่มแบบน้อยๆพอประมาณ แต่ผลจากการดื่มน้อยๆแต่นานแบบข้ามวันข้ามคืน (ฮา) ถึงแม้จะไม่มีอาการแฮงก์จนปางตาย แต่ก็ยังไม่อาจฟื้นจากอาการอ่อนเพลียจนเป็นปรกติได้ง่ายๆ
ที่วางแผนว่า จะนำเรื่อง เต๋า จากสำนวนการตีความของคุณ เกรียงไกร เจริญโท ที่ผมชื่นชมมากๆมานำเสนอต่อ ก็ยังทำไม่ได้ เพราะต้องใช้สมาธิในการพิมพ์ และแสดงความคิดเห็น เพื่อไม่ให้หน้าในบล็อกของผมว่างนานเกินไปจนบก.ซัง อาจจะนึกเซ็ง
ผมจึงขอนำบทกวีที่รำพึงถึงชีวิตและความตายที่ผมเขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่เป็นชายหนุ่มร่อนเร่พเนจรออกจากบ้านไปแสวงหาความหมายของชีวิต หลังจากออกจากการเรียนศิลปะที่เข้าไปเรียนได้เพียงครึ่งๆกลางๆ
ที่ผมเลือกบทนี้มาลง ก็เพราะเนื้อหาบทนี้ คล้ายๆกับการปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนาที่เรียกกันว่ามรณานุสสติ นั่นคือกำหนดความคิดจิตใจให้ให้มีสติระลึกถึงความตายอยู่เสมอ เพื่อความไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต และผ่อนคลายความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้นสิ่งนี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอนิจจัง และเป็นเหตุแห่งทุกข์ทางใจสารพัดอย่าง (ฮา เริ่มเผลอเทศนาสั่งสอนมนุษย์เข้าอีกแล้วครับท่านสาธุชน ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ฮา )
บทกวีเก่าๆของตัวเองบทนี้ในแง่ของจินตนาการอุปมาอุปไมย ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าผมจินตนาการออกมาได้อย่างไร โดยเฉพาะบทที่เขียนว่า
โลกอันว้าเหว่
โลกคือทะเลอันแสนเศร้า
ชีวิตผ่านไปเหมือนเงา
เหมือนเด็กเป่าฟองสบู่ล่องลอย
นี่กระมัง
ที่ไอน์สไตน์ผู้มั่งคั่งด้วยความรู้
และความสามารถเหนือมนุษย์จึงพูดออกมาว่า
ในการค้นพบสิ่งต่างๆ
“จินตนาการยิ่งใหญ่กว่าความรู้”
23 เมษายน 2554
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ฟ้าร้องคำรณกึกก้องพายุกรรโชกกราดเกรี้ยว ไม่นานนักฝนก็ซัดสาดลงมาราวกับฟ้าทั้งฟ้าได้ฉีกขาดและรั่วไหลนำแม่น้ำจากสรวงสวรรค์ลงมาชะล้างผืนแผ่นดินตามกฎเกณฑ์กติกาอันเฉียบขาดของธรรมชาติเมื่อดิน น้ำ ฟ้า อากาศ อุณหภูมิ ความร้อนและความเย็น ประกอบกันเป็นเหตุปัจจัยเพียงพอที่จะทำให้เกิดปรากฎการณ์ฝนตกฝนย่อมจะต้องตกลงมาอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลาที่มีเหตุปัจจัยเพียงพอ...…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ฉันรู้ดีเมื่อวันพรุ่งนี้มาถึงคืนนี้...ก็จักไม่มีอีกต่อไปนอกจากความทรงจำอันหวานชื่นเท่านั้น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ข้าแด่พระเจ้า
ข้าพระองค์ ไม่ปรารถนาจะให้พระองค์ประทานทุกอย่าง
ที่ใจของข้าพระองค์ปรารถนา
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
บ้านสวนลำไยอันร่มครึ้มของเธอ
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำที่ไหลระริกเริงร่าอยู่ชั่วนาตาปี
เธอคือสาวบ้านสวนลำไย - ที่ถูกผู้คนในหมู่บ้าน
กล่าวหาว่าเป็นคนเสียสติและไม่เต็มเต็ง
จนไม่เป็นที่ปรารถนาของชายใด
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
จริงหรือ
ที่มีคนมาบอกข้าว่า
เป็นโชคดี ของ ทักษิณ ชินวัตร
ที่มิได้เป็นคนเก่งกล้าสามารถและดีเลิศ
ถึงขีดขั้น - ปราศจากข้อบกพร่องและความผิดพลาด
ให้คนตำหนิติเตียนจับผิดได้
ในช่วงที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี
ดังที่เขาได้ถูกขุดคุ้ยออกมาตีแผ่
ตั้งแต่เรื่องที่เขาถูกกล่าวหาว่าซุกหุ้น ทุจริตในหน้าที่
จนถึงความผิดพลาดของนโยบายปราบปรามยาเสพติด
และความผิดพลาดในการแก้ปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ ที่ตากใบและกรือเซ๊ะ
ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขา - ต้องหลุดพ้นออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
และต้องลี้ภัยอยู่ต่างแดน
และยังมีชีวิตอยู่
และยังมีโอกาสได้ต่อสู้
นี่คือ...
โชคดี ของ ทักษิณ ชินวัตร…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คำถาม : เราจะรู้จักตัวเองได้อย่างไร
กฤษณมูรติ : ท่านรู้จักหน้าของตัวเองเพราะท่านมองดูมันในกระจกบ่อยๆ และเราก็มีกระจกอีกบานที่จะมองตัวเองให้ชัดเจน ไม่เฉพาะใบหน้าเท่านั้น
แต่จะมองเห็นทั้งหมดที่ท่านคิด
ที่ท่านรู้สึก
รวมถึงแรงจูงใจ
ความปรารถนาของท่าน
แรงกดดัน
และความรู้สึกกลัวต่างๆของท่าน
กระจกบานนั้น - ได้แก่กระจกแห่งความสัมพันธ์
ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับพ่อแม่ของท่าน
ระหว่างท่านกับครูของท่าน
ระหว่างท่านกับแม่น้ำ ต้นไม้ โลก
ระหว่างท่านกับความคิดของท่าน
ความสัมพันธ์จึงเป็นกระจกที่ท่านจะเห็นตัวเอง
มิใช่ตามที่ท่านปรารถนา แต่ตามที่ท่านเป็นอยู่อย่างแท้จริง เมื่อมองดูกระจกธรรมดา…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คำถาม : การรู้จักตัวเอง ( self knowledge ) คืออะไร เราสามารถทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร กฤษณมูรติ : ท่านเห็นระดับของความคิดที่ซ่อนอยู่ในคำถามนี้หรือไม่ ข้าพเจ้าไม่ได้แสดงความไม่นับถือผู้ถาม แต่อยากจะชวนให้พวกเราใส่ใจต่อความคิด ซึ่งถามว่า
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ข้าคือคนที่มีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวทั้งๆที่ตัวข้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเลยสักนิด
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
จากบันทึกงาน - เพื่อคนทุกข์ผู้ยากไร้ ของ จินตวีร์ เกียงมี
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ดื่มเถิดเพื่อน...ถ้าหากเพื่อนต้องการดื่มเพื่อให้ลืมแผลพิษชีวิตขมเพื่อให้ลืมอดีตดั่งมีดคมซึ่งสั่งสมอยู่ภายในหัวใจเพื่อน