Skip to main content

อย่างที่รู้ๆกัน
การต่อสู้กันทางการเมืองครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างชนชั้นนำในสังคมที่ขัดแย้งกัน หรือพูดง่ายๆก็คือระหว่างทุนเก่ากับทุนใหม่ ที่ช่วงชิงอำนาจกันเพื่อขึ้นเป็นรัฐบาล ที่ต่างฝ่ายต่างมีประชาชนเป็นฐานคะแนนเสียงสนับสนุนอุดมการณ์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งต่างจากการต่อสู้กันในยุคเดือนตุลามหาวิปโยค ที่เป็นความขัดแย้งกันระหว่างรัฐบาลเผด็จการกับประชาชน นิสิตนักศึกษา ปัญญาชน โดยตรง

แต่ผมก็ยอมรับ
และเชื่อว่าใครต่อใครอีกเป็นจำนวนมาก ต่างก็จำเป็นต้องปรับตัวปรับใจยอมรับระบอบประชาธิปไตยแบบทุนนิยม ตามข้อเท็จจริงที่ว่า คนที่จะเข้ามาเล่นการเมืองในยุคนี้และยุคต่อๆไปอีกนานเท่าไหร่ก็ยากที่รู้ได้ มีแต่คนที่มีเงินถุงเงินถังเท่านั้น...ที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปเล่นการเมือง ซึ่งย่อมหมายถึงนายทุนตั้งแต่ระดับท้องถิ่นขึ้นไปจนถึงนายทุนระดับชาติชาติเท่านั้น ที่จะมีโอกาสเข้าไปนั่งเป็นส.ส.ทำหน้าที่อยู่ในรัฐสภา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ เมื่อคนของนายทุนหรือตัวนายทุนเองเข้าไปเป็นส.ส. เป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี หรือเป็นพรรคฝ่ายค้าน เขาย่อมที่จะยังประโยชน์และปกป้องผลประโยชน์ของชนชั้นเขาเป็นตัวหลัก

ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา...ที่ต้องเป็นเช่นนั้น ตราบใดที่เรายังไม่มีคนที่เป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ที่แท้จริงเข้าไปบริหารประเทศ หรือถ้ามีเล็ดลอดเข้าไปสักคนสองคน ก็จะถูกกลืนเปลี่ยนไปเป็นอื่นด้วยระบบทุนที่แข็งกว่า ดังที่คนเดือนตุลาหลายคนได้เปลี่ยนไปจากคนที่เคยต่อต้านทุนนิยมก็กลับกลายมารับใช้การเมืองให้แก่นายทุน ทั้งทุนเก่าอำมาตย์ศักดินาที่พวกเขาเคยโจมตีในยุคเดือนตุลา และทุนใหม่โลกาภิวัตน์ ของ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อเข้าไปสู่ระบอบดังกล่าว

ซึ่งคงเป็นเรื่องที่พวกเขาคงเข้าใจกันดีแล้วว่า มันเป็นขั้นตอนหนึ่งของวิวัฒนาการทางสังคมที่ยากแสนยากที่จะเปลี่ยนผ่านระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ และต้องยอมรับความเป็นจริงของสังคมที่เป็นอยู่ ถ้ายังอยากอยู่ร่วมกับประวัติศาสตร์การเมืองในยุคปัจจุบัน เพราะระบบนายทุนนั้นเขาจะแข็งแกร่งมากในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในเรื่องการเมือง ที่จะทำให้พรรคเข้มแข็ง มีเอกภาพ และนำมวลชนเข้ามาสนับสนุน ดังเช่น ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกทำลายไม่รู้กี่ครั้ง และถูกขับไปอยู่ถึงต่างประเทศ แต่ยังสามารถบัญชาการผ่านเทคโนโลยี่ล้ำยุคเข้ามานำพรรคเพื่อไทย เอาชนะพรรคประชาธิปัตย์อย่างถล่มทลายเมื่อปีที่แล้ว

เพราะถึงอย่างไร
เรามีรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยแบบทุนนิยม ก็ยังดีกว่ารัฐบาลแบบเผด็จการทุกรูปแบบ เพราะเขายังเปิดโอกาสให้คนเล็กคนน้อยมีปากมีเสียงเรียกร้องความเป็นธรรมต่างๆ และคัดค้านในสิ่งที่ไม่เห็นด้วย และสามารถวิพากษ์วิจารณ์หรือด่ารัฐบาลได้ เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดังที่เราสามารถด่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สารพัดอย่าง แม้กระทั่งบางพวกบางเหล่าถึงกับด่าคุณยิ่งลักษณ์อย่างหยาบคายว่าเป็น อีกะหรี่ ก็ยังด่าได้ โดยไม่ต้องโทษประหารชีวิตเจ็ดร้อยชั่วโคตร ในขณะที่รัฐบาลเผด็จการ ใครปริปากอะไรออกมาสักหน่อย แล้วไม่เป็นที่พึงพอใจของเขา ก็จะมีกองทัพทหารปรากฏตัวออกมาพร้อมกับปืนที่ซื้อมาจากเงินภาษีของเรา...มาจ่อหัวเรา ตามคำสั่งของรัฐเผด็จการ ดังที่พวกเขาทำกันมาทุกยุคทุกสมัย และที่เพิ่งผ่านไปเป็นบทเรียนอันเจ็บปวดของสังคมอย่างสดๆร้อนๆ เมื่อกลางปี 2553 ก่อนจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ใช่หรือมิใช่

ผมจึงไม่มีปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคกระจอกงอกง่อยอะไรจะขึ้นมาเป็นรัฐบาล ถ้าพรรคนั้นมาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ผมพร้อมที่จะยอมรับนับถือ และช่วยปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในเรื่องที่ควรปกป้อง และวิพากษ์วิจารณ์ติชมในเรื่องที่ควรติชม เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยเอาไว้ มิให้การเมืองถอยหลังเข้าคลองกลับไปเป็นรัฐเผด็จการซ้ำซากจนเราจะอ้วกแตก ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ลงคะแนนเสียงเลือกเขา

เพราะผมมาคิดดูแล้ว ถ้าหากผมหรือใครๆไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เนื่องจากว่าเป็นพรรคการเมืองที่เราไม่ชอบ แถมยังทำตัวเป็นคนขี้แพ้ชวนตี เวลาพรรคที่ตัวเองถือหางพ่ายแพ้ ผมก็ไม่ทราบว่าเราจะมีระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นระบอบการปกครองที่เลวน้อยที่สุดในโลกนี้ เอาไว้หาพระแสงด้ามพร้าห่าเหวอันใด

จริงๆนะ ผมคิดเกี่ยวกับการเมืองได้ดีที่สุดเพียงแค่นี้เอง ถ้าหากท่านผู้ใดคิดได้ดีกว่านี้ และมองเห็นว่าที่ผมคิดยังตื้นเขินและโง่เขลาไม่เท่าทันสถานการณ์ ขอความกรุณาช่วยแสดงความรู้และความเห็นอันลึกซึ้งมาเป็นวิทยาทานแก่ผม และอีกหลายๆท่านที่คิดได้ประมาณเดียวกับผม เพื่อช่วยพัฒนาจิตสำนึกทางการเมืองให้แก่กันและกัน มิให้ดักดาน ห้วนกุด ซ้ำซาก อยู่กับความเชื่อและข้อมูลเก่าๆ ก็จะเป็นบุญกุศลอันใหญ่หลวง...แก่สัตว์โลกผู้ยากไร้ความรู้และสติปัญญาเป็นอย่างยิ่ง

และด้วยเหตุที่การเมืองครั้งนี้ เป็นเรื่องของชนชั้นนำในสังคม มิใช่การเมืองของประชาชนส่วนใหญ่โดยตรง แถมยังแตกแยกออกเป็นฝักเป็นฝ่าย ผมจึงไม่มีใจที่จะเลือกข้างเป็นคนเสื้อเหลืองหรือคนเสื้อแดง ประกอบกับผมมองเห็นว่า มีคนหลายคนที่เลือกข้างไม่ว่าจะเป็นคนเหลืองหรือคนเสื้อแดง ได้กลายเป็นคนที่มองคนอื่นที่เป็นสีตรงกันข้ามกับตนเอง เป็นพวกที่มีความเลวไปหมดทุกอย่าง ซึ่งเป็นวิธีการคิดที่ผิดธรรมชาติของมนุษย์และผมไม่อาจยอมรับได้ เพราะผมกลัวเหลือเกิน...ที่จะถูกองค์กรของเขาที่เต็มไปด้วยบุคคลากรที่เก่งกล้าสามารถ จะนำไปล้างสมองจนกลายเป็นมนุษย์หุ่นยนตร์ที่น่าสงสารและน่ากลัวแบบนี้

ผมจึงสมัครใจขอยืนดูห่างๆสนับสนุนในเรื่องที่ควรสนับสนุน คัดค้านในเรื่องที่ควรคัดค้าน นี่ผมไม่ได้หมายความว่า คนที่เขาเลือกข้างจะเป็นแบบนี้กันหมดนะครับ เพราะยังมีคนเลือกข้างอีกมากมายที่ยังรักษาความเป็นตัวของตัวเองเอาไว้ได้ และพูดกันรู้เรื่อง เพราะเขาไม่ยอมให้ใครมาล้างสมองจนถึงขนาดเห็นใครใส่เสื้อต่างสี หรือคิดต่างจากที่ตัวเองถูกใส่ข้อมูลมา เป็นต้องรีบตรงรี่เข้าไปขวิด ขวิด ขวิด เอาไว้ก่อน ราวกับโกรธแค้นกันมาสักห้าร้อยชาติก็ไม่ปาน

ดังนั้น
ทุกวันนี้ เวลามีคนมาถามว่า ผมเป็นคนเสื้อเหลืองหรือว่าเป็นคนเสื้อแดง ในระยะแรกๆผมเคยพยายามอธิบายให้คนที่ถามผมหลายๆคนให้เข้าใจจุดยืนของผม ดังที่ผมกล่าวมาในเบื้องต้น แต่ก็ไม่ค่อยมีใครเข้าใจ และงงๆกันว่า ผมเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆเขาก็เลือกข้างด้วยกันทั้งนั้น ไม่เหลืองก็ต้องแดงนั่นแหละครับ ช่วงหลังมานี่เวลาเจอแบบนี้ ผมก็เลยโยนคำถามกลับให้คนถามช่วยคิดแทนผมในทำนองที่ว่า ผมยังไม่รู้เลยว่า ผมควรจะเลือกข้างเป็นคนเสื้อเหลืองหรือเป็นคนเสื้อแดงดี เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็มีข้อดีและข้อเสียเหมือนกัน แล้วก็ปล่อยให้เขาพรรณนาถึงความดีของสีที่เขาเลือก และขุดคุ้ยสาวไส้ความไม่ดีสารพัดอย่างของสีที่อยู่ตรงกันข้ามกับเขา (จนผมฟังแล้วขนลุก) เพื่อโน้มน้าวผมเข้าไปเป็นแนวร่วม จนเขาเบื่อที่จะพูด และเลิกสนใจไปเอง

ครับ
ที่ผมเขียนมานี่ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ คือเมื่อเดือนสองเดือนก่อน มีพี่สาวคนสวยที่ผมรักและนับถือคนหนึ่ง ไม่ได้เจอกันมาเกือบยี่สิบกว่าปี ได้เบอร์จากน้องๆที่ทำงานเกี่ยวกับกิจกรรมทางสังคมและรู้จักผม ได้โทรมาหาผม หลังจากท้าวความหลังสมัยเป็นนักเรียนศิลปะอยู่ในสถาบันเดียวกันพอหอมปากหอมคอ พี่ก็ค่อยๆเลียบๆเคียงๆถามผม...แบบเช็คดูให้แน่ใจ ว่าผมเป็นคนเสื้อสีอะไรหรือเปล่า ผมก็ตอบแบบโยนคำถามไปให้ผู้ถามช่วยคิดดังกล่าว แต่พอพี่เริ่มพรรณนาถึงความเลวร้ายของคนเสื้อสี...ผมก็รู้เลยว่าพี่เป็นคนเลือกข้างแบบสุดขั้วหัวใจ และเลือกข้างเป็นคนเสื้อสีอะไร

โอ้ ตอนรับโทรศัพท์พี่ครั้งแรก ผมดีใจมากๆ ซึ้งใจมากๆ ที่พี่ยังจำผมได้แถมยังอุตส่าห์โทรมาหา รีบบอกแก่ตัวเองทันทีเลยว่า ถ้าหากมีโอกาสเข้าเมืองจะต้องแวะไปเยี่ยมพี่ที่บ้าน แต่พอพี่เริ่มเช็คเรื่องสีทางการเมืองเอากับผม ความตั้งใจที่จะไปเยี่ยมพี่ก็พลันดับวูบลง และรู้สึกอย่างชัดเจน...ว่าตัวเองกำลังอกหักแบบเฉียบพลันจนยับเยินไปหมด เมื่อพบว่ามิตรภาพอันบริสุทธิ์ระหว่างเราสมัยเป็นนักศึกษาอยู่สถาบันเดียวกัน ได้เปลี่ยนไปเสียแล้วในวันนี้ เพราะพี่ได้สร้างเงื่อนไขความสัมพันธ์แบบมิตรภาพอันงดงามในอดีต โดยถือเอาการเมืองเป็นตัวกำหนดวัดชี้กลั่นกรองการยอมรับหรือไม่ยอมรับความสัมพันธ์กันใหม่ ในขณะที่ผมยังคงเป็นคนเชยๆเหมือนเดิม

ฮือ ฮือ
พี่สาวครับ ลาก่อนครับ พี่ครับ.

10 มกราคม 2555
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
น้องชายอย่าสิ้นคิดสิ้นหวังให้มากนักไปเลยโลกนี้ยังมีคนดีและความดีอยู่โลกนี้ทั้งโลก...ไม่ได้มีแต่คนเลวและความชั่วร้ายอย่างที่น้องชายประณามและสิ้นหวังหรอกโลกนี้ยังมีคนดีและความดีอยู่มากมายมองดูสิเห็นไหมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทุกครั้งที่มีวิกฤตการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในโลกถึงขั้นทำลายล้างชีวิตมนุษย์อย่างมโหฬารไม่ว่าจะเป็นภัยที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันหรือภัยที่เกิดจากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น ณ ซีกใดในโลกนี้เราจะเห็นคนดีและความดีของพวกเขาที่ทำให้โลกนี้...…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ชีวิต ชีวิตเป็นเรื่องยาก เพราะชีวิตเป็นอย่างที่มันเป็น ไม่ได้เป็นอย่างที่เราอยากให้มันเป็น อย่างนั้น-อย่างนี้ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  จริงหรือที่เขาพูดกันว่าเราหว่านเมล็ดใดลงไปในท้องทุ่งถ้าหากเมล็ดนั้นมิได้เน่าเปื่อยตายด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งมันย่อมจะงอกงามเติบโตให้พืชผลแก่เราตามชนิดของเมล็ดพืชพันธุ์นั้นดังเช่นชาวนาหว่านเมล็ดข้าวลงไปในท้องทุ่งเขาก็ย่อมได้ต้นข้าวและเมล็ดข้าวเป็นผลของการหว่านเมล็ดลงไปในท้องทุ่งเมื่อถึงวาระแห่งการงอกงามเติบโตและแตกดอกออกผลจริงหรือที่เขาพูดกันว่าการกระทำทุกอย่างทางกาย วาจา และ ใจของคนเราที่เราได้กระทำต่อสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คน โลก…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
                     ลมแล้งโชย…ปลิดโปรยใบไม้แห้ง                     สีส้มแดง เหลือง น้ำตาล หวานอมเศร้า                     ร่วงหล่นลอยเคว้งคว้างมาบางเบา                     ซบลานดินเงียบเหงา……
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
                    เป็นอย่างที่เธอเป็นเช่นนั้นแหละ                    ไม่ต้องแตะแต้มแต่งแสร้งเสกสรรค์                    เป็นอย่างที่เธอเป็นเช่นทุกวัน                   …
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ยิ่งชูก้านกิ่งใบไปสู่ฟ้าราวจักคว้าดวงตะวันอันสุกใสลงจากฟ้ามาเล่นเป็นโคมไฟส่องดวงใจตกอับคนคับแค้นและยิ่งสูงขึ้นไปจนไกลลิบราวจักหยิบดวงดาวพร่างพราวแสนมาเรียงร้อยสร้อยดาววับวาวแทนสร้อยใส่แขนเจ้าสาวผู้หนาวรักยิ่งต้องหยั่งรากลึกลงสู่ดินดูดดื่มกินโลกธาตุอย่างหน่วงหนักทุกเส้นสายชอนไชลงไกลนักเพื่อที่จักเติบใหญ่ให้ร่มเงาเพื่อผลิดอกออกผลจนสุกงอมเพื่อโน้มน้อมกิ่งลงดำรงเผ่าเพื่อสืบเนื่องชีวิตนี้แนบเนาเพื่อกล่อมเกลาโลกขมขื่นให้ชื่นบานเพื่อที่จักตายไปในวันหนึ่งเมื่อยามถึงกาลเวลามาเรียกขานทอดกายลงพักผ่อนนอนนิ่งนานอยู่ในกาลนิรันดร์สงบเงียบ.27 มีนาคม 2551กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
วิถีในทางโลกและทางธรรมมันเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามและสวนทางกันแทบทุกกรณี เช่น ในขณะที่ทางโลกสอนให้เรายึดมั่นถือมั่นเอาโน่นเอานี่ แต่ทางธรรมกลับสอนให้เราลดละปล่อยวางทั้งสิ่งที่เป็นวัตถุธรรมและนามธรรม เพื่อจะนำชีวิตไปสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์ จากมุมมองของผม ซึ่งเป็นคนที่ยังมีกิเลสค่อนข้างหนาหนัก ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ยากแสนยากที่ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆที่ยังติดข้องอยู่ในโลก จะเดินเข้าไปสู่ทางธรรมได้ ถ้าหากไม่มีเหตุปัจจัยอะไรสักอย่าง ทำให้เกิดความศรัทธาและแรงบันดาลใจอันใหญ่หลวง ดึงดูดให้เข้าไปโดยเฉพาะการเดินเข้าไปสู่ทางธรรมในฐานะนักปฏิบัติ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
น้องชายน้องชายที่รักของข้าจงฟังคำของข้าและจำใส่ใจเอาไว้ให้ดีอาวุธที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์ คือ ภาษาของมนุษย์ไม่ว่าเจ้าจะเกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีภาษาที่ดีหรือว่าเลวจงจำใส่ใจเอาไว้ให้ดีภาษาที่เจ้ามีอยู่และกำลังใช้สื่อสารมันสามารถที่จะเป็นได้ทั้งข้าทาสผู้รับใช้และเป็นนายของตัวเจ้า
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
แล้วในที่สุดก็ถึงวันนี้วันที่อดีตท่านนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางกลับเมืองไทยโดยสายการบินไทยเที่ยวที่ ที จี 603 ที่ร่อนลงบนรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 09.40น.ของวันที่ 28 ก.พ. เพื่อกลับมาต่อสู้คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินถนนรัชดา ที่ท่านตกเป็นจำเลยที่หนึ่ง รวมทั้งข้อกล่าวหาอื่นๆในช่วงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  ท่ามกลางความดีอกดีใจของฝ่ายที่สนับสนุนที่พากันไปต้อนรับอย่างเอิกเกริก และท่ามกลางความตึงเครียดของฝ่ายคัดค้าน ที่เริ่มส่งเสียงคำรามฮึ่มๆ ออกมาประปรายถึงแม้การยอมรับกลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมในสังคมของอดีตท่านนายกฯ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ค้นพบหนังสือธรรมะเล่มเล็กๆขนาดฝ่ามือ หนาร้อยกว่าหน้าเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “หลวงปู่ฝากไว้” ที่ร้านหนังสือเก่าหลังตลาดมะจำโรงในตัวอำเภอ ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าใดนัก หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือเผยแพร่การแสดงธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล แห่งวัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งรวบรวมและบันทึกเอาไว้โดย พระโพธินันทมุนีหลวงปู่ดูลย์ อตุโล เป็นลูกศิษย์อาวุโสรุ่นแรกสุดของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝ่ายอรัญญวาสีในยุคปัจจุบัน ท่านเป็นพระที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ดังที่ พระโพธินันทมุนี ได้กล่าวเอาไว้ในคำนำหนังสือว่า “หลวงปู่เป็นผู้ไม่พูดหรือพูดน้อยที่สุด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หญิงสาวผู้มีฐานะดีคนหนึ่ง เป็นคนที่ชอบตื่นขึ้นมาใส่บาตรพระแต่เช้ามืดทุกวัน จนเป็นกิจวัตร เช้าวันหนึ่ง หลังจากตื่นขึ้นมาใส่บาตรพระเรียบร้อยแล้ว ขณะเดินกลับเข้าประตูรั้วบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงร้องครางหงิงๆดังมาจากรั้วข้างประตูด้านใน เมื่อเหลือบตาไปมองดูที่มาของเสียง เธอก็พบกล่องกระดาษแข็งขนาดย่อมใบหนึ่งที่เปิดฝาด้านบนเอาไว้ ซึ่งคงจะมีใครสักคนหนึ่ง เอาลอดรั้วบ้านมาวางไว้ที่นั่น ก่อนที่เธอจะลงจากบ้านออกมาใส่บาตรพระเมื่อเดินเข้าไปดู เธอก็พบลูกหมาตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักน่าสงสารตัวหนึ่ง นอนตัวสั่นอยู่ในกล่องกระดาษที่รองไว้ด้วยเศษผ้าเก่าๆ เธอจึงรีบทรุดลงอุ้มมันเอาไว้แนบอก…