ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อผมได้อ่าน
บทความ “อนาคตทางการเมืองของคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย” ที่ลงในหน้า 6 มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 6 กันยายน 2555 ผมต้องกลับไปซื้ออีก 2 ฉบับ เพื่อเก็บเอาไว้ เพราะนอกจากบทความนี้จะชี้ให้เห็นอนาคตของคนเสื้อ และความสัมพันธ์ระหว่างคนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยแล้ว บทความนี้ยังทำให้เรามองเห็นโครงสร้างของความขัดแย้งทางการเมืองระหว่าง “อำนาจเก่า” “อำนาจใหม่” อย่างกว้างขวางและลุ่มลึก รวมทั้งอุปสรรคที่ยากแสนยากที่สังคมไทยจะพัฒนาก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ดังที่กล่าวกันว่า มาจากประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
นอกจากความเข้าใจดังกล่าวแล้ว
ผมยังชักจะเห็นจริง ตามที่อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เคยทำนายเอาไว้อีก ว่าความขัดแย้งนี้อาจจะดำรงอยู่เป็นเวลานานถึง 100 ปี กว่าประชาธิปไตยในบ้านเราจะหมดจดจากอำนาจนอกระบบที่เข้ามาปนเปื้อน ทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นง่อย ไม่กล้าเข้าไปแตะสิ่งที่ควรปฏิรูปแก้ไขเลยสักอย่าง ผมจึงขอนำบทความนี้มาเผยแพร่ในเว็บประชาไท เพื่อเป็นการบันทึกบทความที่ช่วยให้ผมตาสว่างขึ้นอีกระดับหนึ่งเอาไว้ ณ ที่นี้อีกพื้นที่หนึ่ง และสำหรับผู้สนใจการเมืองทุกท่านที่ยังไม่ได้อ่าน
ดังนี้
ขบวนการของคนเสื้อแดงมีเป้าหมายอะไรบ้าง - - เรียกร้องความเป็นธรรมให้คุณทักษิณ และให้แก่ตนเองในกรณีที่ถูกสังหารโหดในปี 2552 และ 2553 ยุติการใช้กฎหมายและอำนาจรัฐรังแกประชาชนที่เป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายอำนาจ คัดค้านการรัฐประหารในปี 2549 และต่อต้านการรัฐประหารซึ่งอาจมีขึ้นในอนาคต ส่งเสริมและรักษาระบอบประชาธิปไตย จึงต่อต้าน “อำนาจนอกระบบ” ที่ปรากฏตัวในรูปต่างๆ
ล้วนแต่เป็นเป้าหมายทางการเมืองที่น่ายกย่อง
เพื่อจะบรรลุเป้าหมายทางการเมืองดังกล่าว ขบวนการคนเสื้อแดงใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือ จึงได้เทคะแนนให้แก่พรรคนี้ในการเลือกตั้งจนได้รับชัยชนะท่วมท้น
แต่จนถึงวันนี้ ขบวนการคนเสื้อแดงควรคิดพิจารณาให้ดีว่า พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือที่ดีของตนหรือไม่
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีคลิปโทรศัพท์เสียงของ ส.ส. พรรคเพื่อไทยคนหนึ่ง พูดทำนองข่มขู่ข้าราชการให้ทำผิดกฎหมาย เพื่อช่วยพรรคพวกตน ขบวนการคนเสื้อแดงต้องแสดงให้เห็นว่า ไม่สนับสนุนการกระทำเยี่ยงนี้ พรรคจำเป็นต้องบีบให้ ส.ส. ผู้นั้นลาออกจากตำแหน่ง ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นเครื่องมือของขบวนการ พรรคต้องยืนในจุดที่สุจริต ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่ขบวนการจะบรรลุเป้าหมายทางการเมืองได้... แต่ทั้งนี้ขบวนการคนเสื้อแดงต้องคุมพรรคการเมืองของตนได้
การที่ผู้มีอำนาจนอกระบบทั้งหลายสามารถกีดกันมิให้ประเทศไทยได้พัฒนาประชาธิปไตยไปเต็มที่ ก็เพราะประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ด้านการถือครองทรัพย์สิน ด้านการศึกษา และด้านสังคม วัฒนธรรมทั้งปวง แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดริเริ่มการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง การประกันราคาข้าวไม่ใช่การแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรได้ในระยะยาว รัฐบาลต้องเร่งปฏิรูปที่ดิน โดยมีเป้าหมายให้ผู้ถือครองที่ดินจำนวนมากเพื่อเก็งกำไร ต้องปล่อยที่ดินของตนออกมา ด้วยระบบภาษีก้าวหน้า
เวลานี้มีเกษตรกรเดือดร้อนด้วยเรื่องที่ดินจำนวนมาก โดยกรมอุทยานตัดฟันต้นยางบ้าง โดยกรมป่าไม้ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายกรณีทำให้โลกร้อนบ้าง ขบวนการต้องใส่ใจกับปัญหาของคนเล็กๆด้วยกันเหล่านี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนเสื้อแดงหรือไม่ก็ตาม และเคลื่อนไหผลักดันให้รัฐบาลแก้ปัญหา
อย่างน้อยก็ต้องสั่งให้ยุติไล่รื้อลงชั่วคราว เพื่อศึกษาว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร จึงจะเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
คนไทยส่วนใหญ่ได้หลุดพ้นออกจากภาคเกษตรกรมานานพอสมควรแล้ว (อันที่จริงส่วนใหญ่ของสมาชิกขบวนการเองก็มิได้เป็นเกษตรกร) คนเหล่านี้เผชิญความยากลำบากในการเผชิญชีวิตนอกภาคเกษตร เพราะไม่มีหลักประกันเพียงพอ และขาดทักษะที่จะนำไปขายในตลาดด้วยราคาดีได้ แม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่มค่าแง 300 บาท แต่แรงงานส่วนใหญ่ขอไทยเป็นแรงงานนอกระบบ รัฐต้องหาทางช่วยคนเหล่านี้มีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนแรงงานในระบบเองก็ควรได้สิทธิเสรีภาพในการรวมตัว เพื่อมีส่วนในการดูแลสวัสดิภาพของตนเอง
แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าประกาศขึ้นค่าแรง ซึ่งสมมุติว่าประสบความสำเร็จในการเพิ่มรายได้จริง ก็ไม่ได้แก้ปัญหาแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศ
เครื่องมือสำคัญของอำนาจนอกระบบที่จะขัดขวางพัฒนาการของประชาธิปไตยคือกองทัพ ซึ่งได้สั่งสมอำนาจทางกฎหมายเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง ระหว่างการรัฐประหารครั้งล่าสุด และนำเอาอดีตแม่ทัพมาเป็นรัฐมนตรี รัฐบาลเพื่อไทยไม่คิดจะแก้ปัญหากำหมายเหล่านั้น เพื่อลดอำนาจของกองทัพลง อย่างน้อยก็ในทางกฎหมาย ซ้ำยังไม่ตัดลดงบประมาณของกองทัพแต่อย่างไร
ความล้มเหลวในการจัดการความไม่สงบในภาคใต้ของกองทัพ ชี้ให้เห็นว่านโยบายที่ใช้การทหารเป็นผู้จัดการเด็ดขาดในพื้นที่ ควรต้องยกเลิก และหาวิถีทางใหม่ที่น่าจะได้ผลกว่า แต่รัฐบาลก็แทบจะไม่กล้าแตะต้องกองทัพด้วยประการใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะเกรงว่าจะเป็นเหตุให้กองทัพก่อรัฐประหารล้มรัฐบาล
ความใส่ใจของรัฐบาลมีอยู่เพียงอย่างเดียว คือขออยู่ในตำแหน่งต่อไปเรื่อยๆ แม้ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างเดียวก็ไม่เป็นไร
ขบวนการเสื้อแดงจะปล่อยให้เครื่องมือของตนอยู่ในลักษณะที่ตั้งใจจะไม่ทำอะไรสักอย่าง เพื่อทำให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่มั่นคงเช่นนี้หรือ จะมีพรรคอื่นเป็นแกนนำรัฐบาล ก็ดูไม่ต่างจากพรรคเพื่อไทยตรงไหน
นักโทษการเมืองอีกจำนวนหนึ่ง ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ รัฐมนตรียุติธรรมในฐานะผู้บังคับบัญชาของกรมราชทัณฑ์ สามารถสั่งให้ย้ายผู้ต้องขังเหล่านี้ไปไว้บางเขนได้ แต่รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยไม่เคยรู้สึกว่า ชะตากรรมของคนเสื้อแดงเป็นของพรรค ที่ตนจะต้องแก้ไขบรรเทาเท่าที่จะพอมีอำนาจพอทำได้ เพราะกลัวแต่ว่าจะถูกโจมตีทางการเมืองและทำให้เสียเปรียบทางการเมืองแก่ปรปักษ์ของตน
จะบรรยายความล้มเหลวของรัฐบาลนี้ไปอีกกี่หน้าก็ได้ โดยเฉพาะความล้มเหลวที่ทำให้ขบวนการเสื้อแดง ไม่มีเป้าหมายทางการเมืองใดๆ นอกจากคอยต้อนรับคุณทักษิณกลับบ้าน เหตุใดจึงไปเชื่อว่า เมื่อคุณทักษิณได้รับความเป็นธรรมแล้ว คนอื่นจะได้รับความเป็นธรรมไปด้วย โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองในเวลานี้ คนที่ถูกไล่ที่ทำกิน คนที่ถูกศาลปรับหลายแสนหลายล้านบ้าน เพราะทำให้โลกร้อน (มากกว่าแอร์ที่เป่าอยู่ในห้องพิจารณาคดี) คนส่วนใหญ่ซึ่งต้องเสียค่าเอฟทีแก่การไฟฟ้าอันอธิบายไม่ได้ คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ว่าคณะกรรมการพลังงานกำลังทำอะไรอยู่ แต่ต้องจ่ายค่าน้ำมันแพงลิบลิ่ว ในขณะที่ ปตท. ทำกำไรมหาศาลทุกปี ฯลฯ
ขบวนการเสื้อแดงมีทางเลือกอะไรได้บ้าง
1.หันไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น แต่น่าเสียดายที่คนเสื้อแดงไม่เหลือทางเลือกอีกแล้ว หลังจากการอย่างเหี้ยมโหดจนถึงทุกวันนี้ พรรค ปชป. ยังไม่รู้สึกเลยว่าได้ทำอะไรผิด ส่วนพรรคเล็กอื่นๆนั้น บางพรรคก็น่ารังเกียจแก่คนคนเสื้อแดงไม่น้อยไปกว่า ปชป. บางพรรคไม่มีประวัติการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอยู่ในเงาของตนเองเอาเลย อันที่จริงนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยเอง ก็ไม่ด่างจากพรรคอื่นมากนัก สถานการณ์บังคับให้ขบวนการเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยต่างคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นเครื่องมือให้ได้ต่างหาก
ฉะนั้น การหันไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น จึงมิใช่ทางเลือกในเวลานี้
2.ตั้งพรรคการเมืองของตนเอง นี่เป็นความคิดของคนเล็กๆหลายฝ่ายได้คิดกันมาก่อนแล้ว (ตั้งแต่พรรคเขียวจนถึงพรรคการเมืองใหม่) ว่าเฉพาะขบวนการคนเสื้อแดง ก็ยังเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้อยู่นั่นเอง ลักษณะการก่อตั้งขบวนการ (เท่าที่มีผู้ศึกษามา) ค่อยข้างแยกเป็นหน่วยย่อยที่ไม่เชื่อมต่อกันนัก และมีความเปราะบางในความสัมพันธ์ค่อนข้างสูง หากจะเลือกทางนี้คงต้องมีการปรับขบวนการหลายอย่างหลายประการ ซึ่งคงยากมากกว่าจะทำได้สำเร็จ จึงเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ในอนาคตยาวไกล แต่ไม่ใช่ในเวลานี้
3.ที่พอเป็นไปได้ในเวลานี้ก็คือ หาทางที่จะควบคุมทิศทางของพรรคเพื่อไทยให้ได้มากขึ้น ไม่ใช่รณรงค์เข้าไปกรรมการบริหารพรรค แต่ต้องคุมให้ได้ในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั่นเอง
เรื่องนี้ไม่ง่าย เพราะที่จริงแล้วยังไม่มีสมาชิกขอพรรคการเมืองใด ที่สามารถคุมพรรคของตนเองได้สักพรรคเดียว
ขบวนการต้องมีสื่อของตนเอง ซึ่งมีจุดยืนที่เป็นอิสระจากพรรคเพื่อไทย อันที่จริงเวลานี้ก็มีอยู่ เพียงแต่มิใช่สื่อโทรทัศน์หรือสื่อหนังสือพิมพ์กระดาษเท่านั้น เพราะนั่นต้องการเงินลงทุนและมีลักษณะรวมศูนย์มากเกินไปกว่าคนเสื้อแดงจะทำได้ แต่มีสื่อออนไลน์จำนวนมาก ที่บางครั้งก็ประกาศตนเป็นคนเสื้อแดง บางครั้งก็ไม่ได้ประกาศ แต่มีจุดยืนอิสระของตนเองที่ไม่สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทยในหลายกรณี ปัญหามาอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรขบวนการคนเสื้อแดง จึงจะสามารถทำให้สมาชิกเข้าถึงสื่อเหล่านี้ได้มากขึ้น
สื่อของขบวนการอาจไม่ใช่หนังสือพิมพ์กระดาษ แต่เป็นสื่อที่มีความเห็นหลากหลายจากจุดยืนของประชาชน แม้บางครั้งความเห็นนั้นอาจจะขัดแย้งกันก็ตาม แต่ไม่ใช่ความเห็นที่พรรคเพื่อไทย (หรือมือที่มองเห็นของพรรคเพ่อไทย... ซึ่งมีหลายมือด้วย) ยัดเยียดมาให้ ดังที่เอาจพบเสมอในวิทยุชุมชนบางแห่ง
กลไกทางการเมืองเฉพาะหน้าที่ขบวนการควรร่วมกันรณรงค์ก็คือ พรรคเพ่อไทยจะต้องใช้ขบวนการ “ไพร์มารี” หรือเปิดให้ประชาชนแต่ละในเขตเลือกตั้ง ได้ลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัคร (ส.ส. ส.ท. นายกเทศมนตรี อบจ. และรวมทั้งสมาชิกสภา อบต.ในแต่ละเขต) นี่ไม่ใช่ความคิดใหม่ คุณทักษิณ ชินวัตร เอง เคยเสนอไว้ก่อนการรัฐประหารด้วยซ้ำ
ส.ส.ต้องตอบสนองเป้าหมายทางการเมืองของประชาชน ไม่ใช่เพียงแต่ดึงงบประมาณมาลงท้องถิ่นอย่างเดียว แต่ส.ส.พรรคเวลานี้ ส่วนใหญ่มี “สาย” ของตนเอ ซึ่งมีเฮียบ้าง เจ๊บ้างคุม “สาย” ของตนเองอยู่ ดังนั้น ส.ส.จึงตอบสนองเป้าหมายทางการเมืองของ “เฮีย” ของ “เจ๊” ไม่ใช่ของประชาชนผู้เลือกตั้ง
ขบวนการคนเสื้อแดงต้องทำลายระบบนี้ลงให้ได้ ด้วยการรณรงค์ให้พรรคยอมรับขบวนการ “ไพร์มารี” ให้ได้
มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะประสบความสำเร็จ เพราะนอกพรรคจะได้ความมั่นคงในชัยชนะจากการเลือกตั้งมากขึ้นแล้ว ยังมี “แกนนำ” ของพรรคอยู่บ้างเหมือนกันที่ไม่มี “สาย” ของตนเอง (ด้วยเหตุต่างๆกัน) จึงน่าจะพอใจที่ “มุ้ง” ต่างๆของพรรคเพื่อไทยจะอ่อนกำลังลง ทั้งเพื่อประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัวและการเมืองของพรรค ฉะนั้นหากมี “ไพร์มารี” ได้เมื่อไหร่ ชาวเสื้อแดงก็จะได้เห็นแม้แต่ระดับ “แกนนำ” บางคนขอพรรค ต้องตอบสนองต่อเป้าหมายทางการเมืองของขบวนการคนเสื้อแดงมากขึ้น
จะมาเล่นปาหี่ เพื่อยกเลิกการแก้รัฐธรรมนูญกันอย่างหน้าด้านๆ เช่นนี้ไม่ได้.
7 กันยายน 2555
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เพียงแค่คำพูดไม่ว่าจะสักกี่ร้อยกี่พันคำยากแสนยากที่จะทำให้เกิดความรักขึ้นมาได้แต่ความเกลียดนั้นสามารถทำให้เกิดขึ้นมาได้ในทันทีทันใดด้วยคำพูดเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อความรักเรียกร้องเธอ จงตามมันไปแม้ว่าทางของมันนั้น จะขรุขระและชันเพียงไรและเมื่อปีกของมันโอบกอดกายเธอ จงยอมทนแม้ว่าหนามแหลมอันซ่อนอยู่ในปีกนั้นจะเสียดแทงเธอและเมื่อมันพูดกับเธอ จงเชื่อตาม * * *
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ความรักอยู่ที่ไหน...ความรักอยู่ที่นี่ อยู่ ณ ที่ความจริงใจไม่แปรผันเสมอต้นเสมอปลายคงมั่น เอาใจใส่กันและกันใกล้ชิด ความรักอยู่ที่ไหน...ความรักอยู่ที่นี่ อยู่ ณ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หรือเป็นเพราะว่า... เป็นเพราะอำนาจอันลึกลับของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ควบคุมเอกภพนี้เอาไว้ หรือเป็นเพราะว่า... เป็นเพราะอำนาจของความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของชีวิตตามกฎของความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของไตรลักษณ์
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ขอบคุณธรรมะของพระพุทธองค์ที่สอนให้ตัวข้าได้รู้จักการเป็นคนมีสติซึ่งเป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ในการต่อสู้ - เพื่อการอยู่รอดของชีวิตทั้งในทางโลกย์และทางธรรม ขอบคุณธรรมะของพระพุทธองค์ที่สอนให้ตัวข้ารู้จักการเฝ้ามอง อารมณ์ ความรู้สึก ความนึกคิด ภายในของตัวข้าทำให้ข้าได้รู้จักตัวเองได้รู้จักธรรมชาติของความเป็นมนุษย์และรู้จักกิเลสตัณหาซึ่งเป็นต้นตอสาเหตุของความทุกข์ทางใจทั้งมวลของมนุษย์
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ฉันจะร้องเพลงเศร้าในคืนนี้ ถึงไม่มีคนฟังก็ร้องได้เพราะเป็นความต้องการของหัวใจในที่สุดยามต้องอยู่กับชีวิต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ตั้งแต่โบราณ ไม่มีใครที่ไม่ปรารถนาความสุข เพราะความสุขนี่เอง คือ เป้าหมายอันแรกและอันสุดท้ายของมนุษย์เรา ทั้งๆที่การศึกษา การอบรมขัดเกลา และความเพียรพยายาม เป็นสิ่งที่จะทำให้ได้ความสุขมา แต่จะมีคนสักกี่คน ที่ได้พบกับความสุขตามที่ตนหวังไว้ คนส่วนใหญ่ คิดถึงความสุขกันอยู่เสมอ แต่แล้วกลับต้องตกอยู่ในความทุกข์ และจากโลกนี้ไป โดยไม่ได้พบกับความปีติยินดี นี่คือสภาพความเป็นจริงของผู้คนโดยทั่วไป ถ้าเป็นเช่นนั้น ความสุขเป็นสิ่งที่ได้มา ด้วยความยากลำบากนักหรือ เปล่าเลย ทุกคนย่อมทราบกันดีอยู่แล้วว่า สิ่งที่เรียกว่าความสุขนั้น จะต้องมีรากฐานอยู่ที่การแก้ปัญหา 3 ประการ คือ โรคภัยไข้เจ็บ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
1. ทุกๆ ยามเช้า ชายในชุดสันยาสี จะมาเก็บดอกไม้จากในสวนที่อยู่ใกล้ๆ มือและดวงตาของเขาส่อแววแห่งความโลภที่มีต่อดอกไม้เหล่านั้น และเขาจะเด็ดดอกไม้ทุกดอกที่เอื้อมมือถึง เห็นได้ชัดว่า เขาจะถวายดอกไม้เหล่านั้นต่อรูปปั้นไร้ชีวิต อันเป็นสิ่งที่ทำขึ้นมาจากก้อนหิน ดอกไม้เหล่านั้น สวยงามน่ารัก อ่อนโยน เพิ่งจะผลิบานขึ้นรับแสงแดดยามเช้า แต่นักบวชคนนั้น หาได้เด็ดมันด้วยความอ่อนโยน เขาทึ้งดอกไม้ลงมาและกระชากเอาทุกสิ่งในสวนดอกไม้แห่งนั้น พระเจ้าของเขาต้องการดอกไม้อย่างมากมาย ต้องการสิ่งมีชีวิตเหลือคณานับ สำหรับรูปปั้นไร้ชีวิตทำจากก้อนหิน อีกวันต่อมา ฉันเฝ้าดูเด็กๆบางคนเก็บดอกไม้…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ฮะฮ้า ทักษิณ ชินวัตร เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา แห่งการเสพ...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
โอ้ การเมืองใช่ซินะไม่มีใครเป็นมิตรไม่มีใครเป็นศัตรูกันอย่างแท้จริง นอกจากผลประโยชน์ที่แปลว่า เงินเงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงินเงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงินเงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงินเงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงินที่ติดตามมา...ในนามของตำแหน่ง อำนาจ ยศถาบรรดาศักดิ์ เท่านั้น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
1.สาวสวยทรงเสน่ห์ ที่มีผู้ชายมารุมหลงรักกันอย่างมากมายคนหนึ่ง ได้เดินทางไปปรึกษาปัญหาคับข้องใจ เกี่ยวกับ "ตัวตน" ที่สวยทรงเสน่ห์ของเธอกับพระเจ้า ณ บนสรวงสวรรค์ที่พระองค์ทรงสถิตอยู่ เมื่อเธอได้ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ของพระองค์ เธอจึงย่อตัวลงคำนับและกล่าวว่า
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เราจะแก้ปัญหาความยุ่งเหยิง วุ่นวาย ทางการเมืองในปัจจุบัน และวิกฤติการณ์ในโลกได้อย่างไร มีอะไรที่ปัจเจกบุคคลจะสามารถทำได้ เพื่อหยุดยั้งสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น สงคราม เป็นการแสดงออกที่มีขอบข่ายกว้างขวาง และทำให้สูญเสียเลือดเนื้อของชีวิตประจำวันของเราใช่หรือไม่ สงครามเป็นเพียงการแสดงออกภายนอกของสภาพภายใน เป็นส่วนขยายของการกระทำของเราในชีวิตประจำวัน สงครามมีขอบเขตกว้างขวางกว่า นองเลือดกว่าและสร้างความพินาศได้มากกว่า แต่มันก็เป็นผลรวมของกิจกรรมแต่ละอย่างของเรา