ฉันจะร้องเพลงเศร้าในคืนนี้
ถึงไม่มีคนฟังก็ร้องได้
เพราะเป็นความต้องการของหัวใจ
ในที่สุดยามต้องอยู่กับชีวิต
เพียงโดดเดี่ยวเดียวดายภายในโลก
กับใจโศกชาชืดมืดสนิท
ไม่มีดาวสักดวงในความคิด
ไม่มีมิตรมิ่งขวัญร่วมฝันเศร้า
กับกีตาร์ตัวหนึ่งซึ่งมีอยู่
ณ ซอกมุมหดหู่และหงอยเหงา
ก็พอแล้วสำหรับคนอย่างเรา
จะจับเจ่าใจเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
ร้องเพลงเศร้าคร่ำครวญกับกีตาร์
กับใจว้าเหว่อาดูรสูญสลาย
โอ้ เพลงเศร้าเจ้าช่างมีอยู่มากมาย
ในสุดท้ายยามต้องอยู่เพียงผู้เดียว.
หมายเหตุ ; บทกวีบทนี้ เป็นบทกวีชิ้นหนึ่งในร่วมเล่มหนังสือรวมบทกวีของผมที่ชื่อว่า "เหมือนดั่งดอกหญ้า"
ซึ่งเป็นหนังสือที่ได้รับรางวัล ประเภทกวีนิพนธ์ในการประกวดหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2529 เป็นงานที่เขียนถึงสภาวะทางอารมณ์และความรู้สึก ที่ว้าเหว่และเหงาเศร้าของคนที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ที่คนเรามักจะต้องเผชิญกับมันอยู่เสมอ แม้ในท่ามกลางฝูงชน เราก็มีสิทธิ์ที่จะเหงาอย่างจับจิตได้ ถ้าหากเรารู้สึกแปลกแยกและไม่เป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่เราพลัดหลงเข้าไป ซึ่งความเหงาในกรณีนี้ ดุเหมือนทางสังคมวิทยาเขาจะเรียกกันว่า "ความเหงาท่ามกลางฝูงชน" เนื่องจากขาดความสัมพันธ์กับผู้คนนั่นเอง ผมค่อนข้างชอบงานชิ้นนี้ของตัวเอง ทั้งภาษาเขียนที่เรียบง่าย ( อ่านแล้วไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย - ฮา ) และเนื้อหาที่เป็นเรื่องสากลของมนุษย์ ที่ดำรงอยู่ทุกยุคสมัย จึงขอนำงานชิ้นนี้มาโชว์ความเหงาเศร้าที่งดงามที่นี่อีกครั้งหนึ่งครับ.
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่