บทละคร: บ้านสีน้ำตาล

 


ตัวละคร
ก. ตัวแทนผู้ปกป้องดูแลบ้านสีน้ำตาล
ข. ตัวแทนผู้เดือดร้อนจาก “กฎหมายลงโทษผู้ที่หมิ่นฯ บ้านสีน้ำตาล”
A.และ B.ลูกสมุนของ ก.
 
 

ฉาก 1.

 เก้าอี้สองตัวสำหรับคนสองคนนั่งประจันหน้ากัน โต๊ะขนาดใหญ่ปูผ้าสีน้ำเงินคั่นอยู่ตรงกลาง บนโต๊ะมีแจกันสีดำขนาดค่อนข้างใหญ่ ปักดอกไม้แห้งก้านยาวย้อมสีม่วงสลับขาว แก้วน้ำสองใบและขวดน้ำเปล่าที่ไม่ได้เปิดฝาขวดหนึ่งวางไว้และภาพพุ่มไม้ขนาดสูงท่วมหัวคนเขียนลงบนแผ่นโฟมหรือไม้อัดแล้วฉลุ  นำมาติดตั้งด้านหลังโต๊ะหรือเยื้องห่างจากโต๊ะตามความเหมาะสม
 
 

ฉาก 2.

ใช้ฉากเดิม
 
 

สถานที่

โรงละครโรงเล็ก หรือจะปรับเปลี่ยนเล่นตามเวทีกลางแจ้งก็ได้หรือทำเป็นหนังสั้นก็น่าจะดี เพราะสามารถสร้างภาพอดีตและภาพอนาคตตามเนื้อหาใน dialogue ได้อีกหลายแง่มุมทางศิลปะ
 
 

เวลา

ตามความสะดวก
 
 

ดนตรีประกอบ

กีตาร์ melody แบบ improvise เบาๆพอให้มีบรรยากาศ หรือจะใช้เปียโนบรรเลงก็ได้ แต่ตัวละครทุกตัวควรซักซ้อมบทพูดให้แม่นยำ และ acting พอให้ได้สมบทบาทและอารมณ์สมจริง ก็พอจะถือได้ว่า การแสดงละครเรื่องนี้บรรลุความสำเร็จตรงเป้าหมายตามอัตภาพ  
 
 

เปิดฉาก 1.

ม่านสีเขียวบนเวทีค่อยๆคลี่ออกพร้อมกับเแสงไฟสลัวบนเวทีค่อยๆสว่างขึ้น สปอร์ตไลท์ส่องจับไปที่ ก. กับ ข. ที่นั่งบนเก้าอี้คนละฟากโต๊ะเผชิญหน้ากัน
 ก. นั่งปิดเข่า งอขาข้างหนึ่งเข้าหาตัวข้างหนึ่งเหยียดออกไปเล็กน้อย มือทั้งสองข้างกอดอก เชิดหน้า   แววตาก้าวร้าว จับตาดูใบหน้า ข. อย่างพินิจพิเคราะห์แกมคุกคามดูหมิ่น
ข. นั่งเปิดหัวเข่า สันเท้าชิดกัน ประสานมือทั้งสองข้างวางบนตัก ใบหน้าหม่นหมอง แววตาสงบนิ่งแกมนอบน้อม
 
 

เริ่มการแสดง
 

ก.(นั่งนิ่งเฉยเหมือนรูปปั้น วางกริยาแบบผู้มีอำนาจเหนือกว่าดังกล่าว ไม่พูดอะไร)
 
ข.  (เริ่มขยับตัวและพูด) เอ้อ กระผมไม่ทราบว่า คุณ ก. เชิญตัวกระผมมาพบกันที่นี่...เป็นการส่วนตัว ด้วยเหตุใดมิทราบครับ
 
ก.  (นั่งนิ่งเฉยวางท่าอยู่ในกริยาเดิม ไม่พูดอะไร)
 
ข.  (พูดต่อด้วยท่าทีแบบชี้แจง) ...เพราะความเดือดร้อนของพวกกระผมที่ได้รับจากกฎหมายลงโทษผู้ที่หมิ่นฯ “บ้านสีน้ำตาล” ที่รัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้ง เมื่อปี 2519 ของพวกคุณ เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนมาเขียนเพิ่มเติม เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองกำจัดคนที่คิด “ต่าง” จากพวกคุณ จนกลายโทษหนักอย่างสาหัส และถูกรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งแบบเดียวกันในปี 2551 ซึ่งก็เป็นรัฐบาลของพวกคุณอีกนั่นแหละ นำมาใช้อีกด้วยเจตนาเดียวกัน ร่วมกับ พรบ.ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อล้อมปราบคนที่คิดต่างจากพวกคุณเมื่อกลางปี 2553 ทำให้คนล้มลงตายกันเป็นร้อย...บาดเจ็บนับพัน และถูกจับเข้าคุกกันเป็นโขยง ไม่ต่างจากเหตุการณ์ล้อมปราบอันเหี้ยมโหดในเดือนตุลาฯ ปี 2519 พวกกระผมได้ทำหนังสือร้องทุกข์มาชี้แจงพวกคุณอย่างชัดเจนแล้วว่า ขอความกรุณาให้พวกคุณช่วยลดบทลงโทษนี้ให้เบาลง พอเหมาะพอควรแก่เหตุ เพราะมันทำให้ผู้ที่บริสุทธิ์และคนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรที่ถูกกล่าวหาด้วยกฎหมายมาตรานี้...และไม่สามารถหาพยานหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองได้ มากมายหลายคนในสังคม ต้องพลอยเดือดร้อน ติดคุกติดตะรางกันอย่างน่าเวทนา
 
ก.  (นั่งนิ่งเฉยวางท่าอยู่ในกริยาเดิม ไม่พูดอะไร)
 
ข. (พูดแบบฝากความหวัง) ...เพราะนอกจากพวกคุณแล้ว ไม่มีใครที่จะช่วยพวกกระผมได้หรอก แม้แต่รัฐบาลในปัจจุบันที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ปีที่แล้ว ก็ยังปฏิเสธที่จะแก้กฎหมายนี้ เพราะกลัวอำนาจพิเศษของพวกคุณ...จะสั่นคลอนเสถียรภาพความมั่นคงของตนเอง  
 
ก. (นั่งนิ่งเฉยอยู่ในกริยาเดิม ไม่พูดอะไร)
 
ข.  (เน้นเสียงพูด) ที่น่าเศร้าที่สุด...มีคนแก่ที่น่าสงสารคนหนึ่งชื่อ “อาไก” ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรอีกคน ที่ถูกคนคนหนึ่งจากรัฐบาลแต่งตั้งของพวกคุณ กล่าวหาว่าแกได้เขียนข้อความส่ง sms ไปหมิ่นฯ “บ้านสีน้ำตาล” ผ่านตัวเขาเมื่อกลางปี 2553 แล้วถูกจับไปคุมขัง “เป็นกรณีพิเศษ”ในระหว่างดำเนินคดี ทั้งๆที่แกกำลังป่วย จนกระทั่งถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกถึง 20 ปี เมื่อปลายปี2554 โดยไม่สามารถขอต่อรองออกมาอยู่ข้างนอกได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลในเรื่องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน หรือในเรื่องของมนุษยธรรมที่พึงมีให้คนแก่ที่ป่วยไข้จนกระทั่งตาย...คาที่คุมขัง เมื่อกลางเดือนก่อน กระผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าคุณเชิญกระผมมาวันนี้เพื่ออะไรอีก เพราะพวกกระผมได้ทำหนังสือร้องทุกข์มาชี้แจงเรื่องนี้...เพื่อขอความกรุณาจากพวกคุณดังกล่าวจนหมดสิ้นแล้ว
 
ก. (กำหมัดทุบโต๊ะดังปังพลางลุกขึ้นยืนชี้หน้าตะคอก ก.) ไอ้พวกงั่ง !  อั๊วขอบอกพวกลื้อเอาไว้อย่างเด็ดขาดเลยนะ ตราบใดที่พวกลื้อยังบังอาจคิดจะรื้อบ้านสีน้ำตาล แล้วพวกลื้อจะได้เห็นดีกัน (ตะคอกจบแล้วจึงทรุดลงนั่งกอดอกถลึงตามอง ข. แบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อ)
 
ข. โอ คุณครับ คุณเข้าใจผิด (พูดด้วยความตกใจ) พวกกระผมที่พอจะรู้อะไรเป็นอะไร ไม่เคยแม้แต่จะคิดไปแตะ...ธุลีละอองของบ้านสีน้ำตาลที่พวกกระผมความเคารพเทิดทูนยิ่งกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆในสังคมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย
 
ก. (ยังคงนั่งนิ่งมองดู ข. อยู่ในกริยาแบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อ)
 
ข.  จริงๆนะ แม้แต่รูปภาพของบ้านสีน้ำตาลในปฏิทิน ที่เราได้รับแจกทุกวันปีในขึ้นใหม่สากลจากบริษัทห้างร้านต่างๆที่พวกเราเป็นลูกค้าประจำ ทุกวันนี้...พวกเราก็ยังเอาไปติดไว้บนที่สูงภายในบ้านตามขนบ “การคารวะตา” ที่พวกเราสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ ด้วยความเคารพเทิดทูนดังกล่าว บางบ้านติดเอาไว้สูงยิ่งกว่าหิ้งพระเสียอีกไม่เชื่อคุณลองส่งคนออกไปตรวจสอบข้อเท็จจริงดูก็ได้ ว่าที่กระผมพูดมาจริงหรือว่าเท็จ  
 
ก. (ยังคงนั่งนิ่งมองดู ข. อยู่ในกริยาแบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อ )
 
ข. ด้วยความสัตย์จริง ผมขอยืนยันในที่นี้เลยว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น...มีเท่าที่พวกกระผมได้ทำหนังสือร้องทุกข์ชี้แจงมา นั่นคือ ขอความกรุณาให้พวกคุณช่วยลดบทลงโทษผู้ที่หมิ่นฯ “บ้านสีน้ำตาล” ที่รัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งเมื่อปี 2519 ของพวกคุณเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน มาเขียนเพิ่มเติม เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองกำจัดคนที่คิด “ต่าง” จากพวกคุณ จนกลายเป็นโทษหนักอย่างสาหัส และถูกรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งเมื่อปี 2551 ซึ่งก็เป็นรัฐบาลของพวกคุณอีกนั่นแหละ นำมาใช้ด้วยเจตนาเดียวกัน ร่วมกับ พรบ. ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อล้อมปราบคนที่คิดต่างจากพวกคุณ เมื่อกลางปี 2553 ทำให้คนล้มลงตายกันเป็นร้อย...บาดเจ็บนับพัน และถูกจับเข้าคุกกันเป็นโขยง ไม่ต่างจากเหตุการณ์ล้อมปราบอันเหี้ยมโหดในเดือนตุลาฯ ปี 2519 ให้โทษหนัก...เบาลง พอเหมาะพอควรแก่เหตุ เพราะมันทำให้ผู้บริสุทธิ์และคนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรที่ถูกกล่าวหาด้วยกฎหมายมาตรานี้ และไม่สามารถหาพยานหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองได้ มากมายหลายคนในสังคม ต้องพลอยเดือดร้อน ติดคุกติดตะรางกันอย่างน่าเวทนา
 
ก. (ยังคงนั่งนิ่งมองดู ข. อยู่ในกริยาแบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อ)
 
ข. (เน้นเสียงพูด) และก็อย่างที่กระผมบอกคุณเมื่อกี๊ มีคนแก่ที่น่าสงสารคนหนึ่งชื่อ “อาไก”ที่ถูกคนคนหนึ่งจากรัฐบาลแต่งตั้งของพวกคุณ กล่าวหาว่าแกได้เขียนข้อความส่ง sms ไปหมิ่นฯ “บ้านสีน้ำตาล”ผ่านตัวเขาเมื่อปีกลางปี 2553  และถูกจับตัวไปคุมขัง “เป็นกรณีพิเศษ” ในระหว่างดำเนินคดี ทั้งๆที่แกกำลังป่วย จนกระทั่งถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกถึง 20 ปี เมื่อปลายปี2554 โดยไม่สามารถขอต่อรองออกมาอยู่ข้างนอกได้  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลในเรื่องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน หรือในเรื่องของมนุษยธรรมที่พึงมีให้คนแก่ที่ป่วยไข้ จนกระทั่งตาย...คาที่คุมขัง เมื่อกลางเดือนก่อน แค่นี้เองแหละครับ ไม่มีอะไรที่ทำให้เราบังอาจคิดไปแตะต้องบ้านสีน้ำตาลอย่างที่คุณพูดเลยสักนิด
 
ก. (ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในกริยาแบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อ ข.)
 
ข. (เน้นเสียงพูดชัดถ้อยชัดคำ) เพราะต้นตอปัญหาความเดือดร้อนของพวกเราอยู่ที่ “ตัวบทลงโทษที่เกินกว่าเหตุ” มิได้อยู่ที่ “ตัวบ้านสีน้ำตาล” อย่างที่คุณพูดกล่าวหา ดังที่ผมได้บอกคุณไปแล้วว่า พวกเราที่พอจะรู้อะไรเป็นอะไร ไม่เคยแม้แต่จะคิดไปแตะ...ธุลีละอองของบ้านสีน้ำตาล ที่พวกเราเคารพเทิดทูนยิ่งกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆในสังคมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย มาจนตราบเท่าทุกวันนี้
 
ก. (กำหมัดทุบโต๊ะดังปังพลางผุดลุกขึ้นยืนชี้หน้าตะคอก ก. เป็นครั้งที่สอง) จำใส่หัวพวกลื้อเอาไว้ให้ดี ตราบใดที่พวกลื้อยังบังอาจคิดจะรื้อบ้านสีน้ำตาล แล้วพวกลื้อจะได้เห็นดีกันแน่ๆ (ตะคอกจบแล้วทรุดลงนั่งด้วยกริยาที่น่ากลัวดังเดิม)
 
ข. (มีสีหน้าแปลกใจและงุนงงราวกับได้พบสิ่งมหัศจรรย์ 1ใน7 ของโลกเป็นครั้งแรกในชีวิต และพยายามเพียรอธิบายเรื่องให้ชัดเจนขึ้น) เอ...กระผมไม่ทราบว่า พวกคุณอ่านคำชี้แจงในหนังสือที่กระผมส่งมาให้คุณหรือเปล่า
 
ก. (นั่งนิ่งอยู่ในกริยาที่น่ากลัวดังเดิม)
 
ข. เอ้อ  ถ้าคุณยังไม่ได้อ่านก็ไม่เป็นไรครับ เพราะคุณสามารถกลับไปอ่านแล้วนำมาเทียบกับคำพูดของกระผมในวันนี้ แล้วคุณก็จะพบว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือ ขอความกรุณาให้พวกคุณช่วยลดบทลงโทษผู้ที่หมิ่นฯ “บ้านสีน้ำตาล” ที่รัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งเมื่อปี 2519 ของพวกคุณ เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนมาเขียนเพิ่มเติม เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกำจัดคนที่คิด “ต่าง” จากพวกคุณ จนกลายเป็นโทษหนักอย่างสาหัส และถูกรัฐบาลแต่งตั้งแบบเดียวกัน เมื่อปี 2551 ซึ่งก็เป็นรัฐบาลของพวกคุณอีกนั่นแหละ นำมาใช้ด้วยเจตนาเดียวกัน ร่วมกับ พรบ. ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อล้อมปราบคนที่คิดต่างจากพวกคุณ เมื่อกลางปี 2553 ทำให้คนล้มลงตายกันเป็นร้อย...บาดเจ็บนับพัน และถูกจับเข้าคุกกันเป็นโขยง ไม่ต่างจากเหตุการณ์ล้อมปราบอันเหี้ยมโหดในเดือนตุลาฯ ปี 2519 ให้โทษหนักเบาลง พอเหมาะพอควรแก่เหตุ เพราะมันทำให้ผู้ที่บริสุทธิ์และคนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรที่ถูกกล่าวหา และไม่สามารถหาพยานหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองได้ มากมายหลายคนในสังคม ต้องพลอยเดือดร้อน ติดคุกติดตะรางกันอย่างน่าเวทนา
 
ก. (นั่งนิ่งอยู่ในกริยาที่น่ากลัวดังเดิม)
 
ข. (เน้นเสียงพูด) แล้วก็มีเหตุที่น่าเศร้า..ดังที่ผมกล่าวเพิ่มเติมไปแล้วถึงสองครั้ง นั่นคือ มีคนแก่ที่น่าสงสารคนหนึ่งชื่อ “อาไก” ที่ถูกคนคนหนึ่งจากรัฐบาลแต่งตั้งของพวกคุณ กล่าวหาว่าแกได้เขียนข้อความส่ง sms ไปหมิ่นฯ “บ้านสีน้ำตาล” เมื่อกลางปี 2553 และถูกจับตัวไปคุมขัง “เป็นกรณีพิเศษ” ในระหว่างดำเนินคดี จนกระทั่งถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกถึง 20 ปี เมื่อปลายปี2554 ทั้งๆที่แกกำลังป่วย โดยไม่สามารถขอต่อรองออกมาอยู่ข้างนอกได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลในเรื่องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน หรือในเรื่องของมนุษยธรรมที่พึงมีให้คนแก่ที่ป่วยไข้ จนกระทั่งตาย...คาที่คุมขัง เมื่อกลางเดือนก่อน แค่นี้เองแหละครับ ที่เป็นเรื่องที่พวกกระผมขอชี้แจง และขอความกรุณาจากพวกคุณ
 
ก. (กำหมัดทุบโต๊ะดังปังพลางผุดขึ้นยืนชี้หน้าตะคอก ก. เป็นครั้งที่สาม) อั๊วขอบอกพวกลื้อเป็นครั้งสุดท้าย ในที่นี้เลยว่า ถ้าพวกลื้อยังไม่เลิกบังอาจคิดจะรื้อบ้านสีน้ำตาล คอยดูนะว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลื้อและพรรคพวก โดนเข้าไปแล้วอย่ามาร้องแรกแหกกระเชอกันก็แล้วกัน (ตะคอกจบแล้วทรุดลงนั่งด้วยกริยาเดิมที่แลดูผ่อนคลายลง เพราะได้ระบายอารมณ์ก้าวร้าวข่มขู่ออกมาจนสะใจ)
 
ข.  ครับ ครับ กระผมเข้าใจแล้วครับ (พูดอย่างสิ้นหวัง) นอกจาก “ตา” ของพวกคุณจะไม่ยอมอ่านภาษาเขียนที่พวกกระผมเขียนมาชี้แจงขอความกรุณาแล้ว“หู” ของพวกคุณก็ยังไม่ยอมรับฟังการพูดของพวกกระผม แต่พวกกระผมอ่านและฟังภาษาของพวกคุณ...และสามารถเข้าใจได้อย่างซาบซึ้ง ไม่ว่าพวกคุณจะพูดจะเขียนกฎกติกาอะไรออกมาบังคับให้พวกกระผมปฏิบัติ พวกกระผมก็ก้มหน้าก้มตายอมรับ...และปฏิบัติกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายโดยไม่ปริปาก ถ้าหากมิใช่เรื่องที่เหลืออดจริงๆเหมือนเรื่องนี้
 
ก. (นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อการรับรู้)
 
ข. แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ ในเมื่อพวกคุณปิดกั้นตัวเองไม่ยอมรับรู้การสื่อสารของพวกกระผมที่เป็นประชาชนคนต่ำต้อยด้อยอำนาจวาสนา ที่หวังความกรุณาจากพวกคุณช่วยลดบทลงโทษผู้ที่หมิ่นฯบ้านสีน้ำตาลที่ทำให้พวกกระผมเดือดร้อน แต่นอกจากพวกคุณจะไม่ยอมรับรู้...และรับผิดชอบในเรื่องนี้แล้ว พวกคุณยังกลับมาบิดเบือนกล่าวหาว่าพวกกระผม...บังอาจคิดจะรื้อบ้านสีน้ำตาล ซ้ำเติมกันหนักข้อเข้าไปอีก ทั้งๆที่พวกกระผมบอกพวกอย่างชัดเจนไปแล้วว่า ปัญหาของพวกกระผมอยู่ที่ “ตัวบทลงโทษที่เกินกว่าเหตุ” มิใช่อยู่ที่ “ตัวบ้านสีน้ำตาล” แต่พวกคุณก็ยังลากพวกกระผมไปบิดเบือนกล่าวหาว่าพวกกระผม...บังอาจคิดจะรื้อบ้านสีน้ำตาล ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ก็เท่านั้น ผมไม่รู้จะสรรหาอะไรในสังคมอันเส็งเคร็งนี้ มาขอความกรุณาจากพวกคุณอีกแล้ว
 
ก. (นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อการรับรู้)
 
ข. (หยุดพูด ชั่งใจอยู่พักใหญ่ ว่าควรจะพูดอะไรสักอย่างให้มันรู้แล้วรู้รอด ดีหรือไม่ดี แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจยิ้มๆพูดออกมา) ...ผมว่า ถ้าหากเราจะพูดกัน ตามความเป็นจริงที่เห็นกันอย่างชัดๆ ว่าใครเป็นผู้คิดจะทำลายบ้านหลังนี้ ผมว่าพวกคุณนี่แหละ...คือคนที่คิดจะทำลายบ้านสีน้ำตาลอย่างแท้จริง
 
ก. (นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อการรับรู้)
 
ข. (พูดแบบหยุดไม่ได้) เพราะพวกคุณชอบอ้างเอาคำว่า “จงรักภักดีต่อบ้านสีน้ำตาล” มาถือเป็นอำนาจพิเศษ แล้วพวกคุณก็ใช้อำนาจพิเศษที่ไม่มีใครกล้าแตะ...ในนามของ “ผู้ที่จงรักภักดีต่อบ้านสีน้ำตาล” พร้อมกับคำลวงโลกว่า “แม้แต่ชีวิตก็ยอมพลีให้ได้” มาเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมในการปกป้องตนเอง และนำมาบิดเบือนกล่าวหาเพื่อกำจัดคนที่เขาคิดต่างจากพวกคุณในทางการเมืองมาสารพัดเรื่อง อะไรนิดอะไรหน่อย...ก็เอะอะไปกล่าวหาเขา ว่าเป็นพวกก่อการการร้าย เป็นพวกที่คิดจะทำลาย คิดจะล้มล้างบ้านสีน้ำตาล เพื่อหาเรื่องจับตัวเขาเข้าคุกเข้าตะราง...
 
ก. (นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อการรับรู้)
 
ข. (พูดแบบหยุดไม่ได้) ...แม้แต่นักวิชาการทางกฎหมายที่ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร ที่เขาปรารถนาดีต่อบ้านสีน้ำตาลด้วยความบริสุทธิ์ใจ อย่างมีเหตุมีผลและหลักการในการเสนอ...ให้มีการปรับเปลี่ยนบทลงโทษนี้ เพื่อให้บ้านสีน้ำตาลดำรงอยู่อย่างสง่างามและเหมาะสมแก่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เช่นอารยะประเทศทั่วๆไปที่ประชาชนคนส่วนใหญ่ของเขา “ยังเคารพเทิดทูนบ้านสีน้ำตาล” พวกคุณก็ไม่ละเว้นความพยายาม...ที่จะบิดเบือนกล่าวหาเขาด้วยข้อหาที่รุนแรงเช่นนี้
 
ก. (นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อการรับรู้)
 
ข. (พูดแบบหยุดไม่ได้) ...พวกคุณได้ใช้ “บ้านสีน้ำตาล” มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองกำจัดคนที่เขาคิดต่างจากพวกคุณอย่างเลือดเย็น...มาแล้วมากมาย หลายยุคหลายสมัย พวกคุณไม่รู้สึกผิดบาป...หรือละอายใจบ้างหรืออย่างไร ที่ทำให้คนที่เขาเป็นผู้บริสุทธิ์และคนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย จนคนเขาเกิดความเกลียดกลัวบ้านสีน้ำตาลกันขึ้นมา - แทนความเคารพเทิดทูนที่เคยมีกันมานานหลายชั่วอายุคน ซึ่งใครๆมองดูก็รู้...แม้แต่เด็กอมมือ ว่ามันก็คือการทำลายบ้านสีน้ำตาลจากน้ำมือของพวกคุณนี่แหละ เพราะมันทำให้คนเสื่อมความเคารพเทิดทูนที่เคยมีต่อบ้านสีน้ำตาล ทั้งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อและครอบครัวของเขาญาติพี่น้องของเขา...และผู้ที่ได้รับรู้ในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นข่าวแพร่กระจายไปทั้งโลกปัจจุบัน ที่การสื่อสารไร้พรมแดนไม่อาจมีอำนาจใดๆ...มาปิดกั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป
 
ก. (นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อการรับรู้)
 
ข. (พูดแบบหยุดไม่ได้) ...แค่นี้ยังไม่พอ ครั้นมีคนไม่แสดงความเคารพต่อ“บางสิ่ง” ที่เป็นสัญลักษณ์ของบ้านสีน้ำตาล พวกคุณต่างก็รีบพากันรุมกล่าวประณามเขาต่างๆนาๆ แล้วช่วยกันนำเขาไปประจานต่อหน้าสังคม และหาเรื่องเอาผิดลงโทษเขา นำเขาไปทรมาทรกรรมอยู่ในที่คุกตะราง คนแล้วคนเล่า...
 
ก. (นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อการรับรู้)
 
ข. (พูดแบบหยุดไม่ได้) ...ทั้งๆที่พวกคุณเป็นผู้สร้างเหตุ...ให้พวกเขาเสื่อมความเคารพเทิดทูนต่อบ้านสีน้ำตาล ใช่หรือมิใช่ ถ้าหากพวกคุณไม่นำเอา “กฎหมายหมิ่นฯ บ้านสีน้ำตาล” ที่รัฐบาลเผด็จการรุ่นพ่อของพวกคุณได้เขียนเพิ่มเติมโทษเอาไว้อย่างรุนแรง...จนเป็นอันดับหนึ่งของโลก มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองกำจัดคนที่เขาคิดต่างจากพวกคุณ ใครเลยเขาจะเสื่อมความเคารพเทิดทูนต่อบ้านสีน้ำตาล ใช่หรือมิใช่ ต้นตอของสาเหตุทั้งหมด ล้วนแล้วมาจากพวกคุณที่เป็นสนิมในเนื้อเหล็กด้วยกันทั้งสิ้น  
 
ก. (นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อการรับรู้รับรู้)
 
ข. (พูดใส่หน้า) พวกคุณเคยอ่านประวัติศาสตร์โลกบ้างมั้ย ประวัติศาสตร์โลกมิได้บอกพวกคุณเอาไว้ดอกหรือ ว่าบ้านสีน้ำตาลแทบทุกหนแห่งในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่ถูกคนที่คอยปกป้องดูแล คอยเอาอกเอาใจ คอยประจบสอพลอ คอยยกย่องสรรเสริญ ซ้ำๆซากๆ โดยไม่ยอมดูบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป...แบบพวกคุณนี่แหละ - ที่เป็นผู้ทำลายบ้านสีน้ำตาลจนมีอันเป็นไปมาแล้วแทบทุกหนแห่งในโลก จนเหลือเพียง 20 กว่าแห่งในปัจจุบัน ถามจริงๆเถอะ ประวัติศาสตร์ในเรื่องนี้...ไม่เคยเป็นกระจกเงาสะท้อนให้พวกคุณมองเห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของตนเองบ้างหรืออย่างไร
 
ก. (นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อการรับรู้)
 
ข. ลาก่อนครับ ชาติหน้ามีจริง ตายแล้วเกิดใหม่...ก็ขออย่าได้มาเกิดร่วมชาติกันอีกเลย สวัสดีครับ (ยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนลุกขึ้นเดินออกมาด้วยความสิ้นหวังอย่างเด็ดขาด)
 
ก. (นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ที่ไม่รู้สึกรู้อะไรต่อการรับรู้) 
 
(ค่อยๆรูดม่านและหรี่แสงไฟปิดฉาก 1.)  
 
 

เปิดฉาก 2.

ม่านสีเขียวบนเวทีค่อยๆคลี่ออกพร้อมกับแสงไฟสลัวบนเวทีค่อยๆสว่างขึ้น สปอตไลท์ส่องจับไปยังที่เดิม ก. นั่งปล่อยตัวตามสบายอยู่ที่เดิมพลางขยับนิ้วมือข้างหนึ่งเคาะโต๊ะเล่นอย่างสบายอารมณ์
 
 

เริ่มการแสดง

 
ก. เฮ่ย ไอ้ A ไอ้ B แม่ง...ไปมุดหัวกันอยู่ที่ไหนว่ะ
 
A. B.อยู่ด้านหลังนี่ขอรับเจ้านาย (ส่งเสียงขานรับออกมาจากหลังพุ่มไม้)
 
. ออกมานี่หน่อยซิ
 
A. B.(เดินค้อมตัวกุมเป้าติดตามกันออกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก.)
 
ก. เมื่อกี๊พวกลื้อได้ยินไอ้สัตว์นรกนั่น มันพูดอะไรกับอั๊วหรือเปล่าวะ
 
A B.ได้ยินเข้ารูหูอย่างชัดแจ๋วทุกคำเลยขอรับเจ้านาย เพราะเราคอยเงี่ยหูแอบฟังอยู่ตลอดเวลา
 
ก.ไอ้ห่า...อั๊วแค่เรียกมันมาเคาะกะโหลก...เพื่อตอกย้ำให้มันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่แม่ง...เสือกมาพูดเหี้ยอะไรไม่รู้ แม่ง...อั๊วฟังไม่เข้าหูเลยสักเรื่อง ไหนบอกมาซิ...มันพูดว่าไงมั่งว่ะ
 
A.โอย...มันพูดเพ้อเจ้อวางอำนาจข่มขู่เจ้านายเสียยืดยาว ซ้ำๆซากๆ จนกระผมเกือบจะอดใจไม่ไหว ร่ำๆจะออกมาตื้บมันให้เละตั้งหลายครั้ง แต่สรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว มันบอกว่า...มันจะต้องจะรื้อบ้านสีน้ำตาลให้จงได้ แค่นี้เอง...ขอรับเจ้านาย แหม ไอ้พวกคนชั้นต่ำนี่...มันร้ายกาจจริงๆนะขอรับเจ้านาย
 
ก. ลื้อหมายถึงที่มันพูดกับอั๊วเมื่อกี๊นี้ใช่มั้ย
 
B.ขอรับเจ้านาย กระผมทั้งสองคน...หมายถึงคำพูดทั้งหมดของมันที่พูดเจ้านายหยกๆเมื่อกี๊นั่นแหละขอรับ
 
ก. เออๆพวกลื้อหูดีกันนี่หว่า...ไหนช่วยกันยืนยันอีกทีซิ มันพูดสรุปว่าไง
 
A. B.มันสรุปว่า มันจะต้องรื้อบ้านสีน้ำตาลให้จงได้
 
ก. ดีแล้ว ดีแล้ว  ไอ้ห่า...รูหูของพวกลื้อ แม่ง...ช่างซื่อสัตย์ต่อความจริงดีเหลือเกิน เราจะต้องสั่งสอนมันให้หยุดเห่าหอน...เรื่องที่คนอย่างพวกมันไม่ควรเห่าหอนกันได้แล้ว
 
A.ด้วยความยินดีขอรับเจ้านาย ไม่ทราบว่าเจ้านายจะใช้พวกกระผมไปทำความดี...เพื่อสังคมอันดีงามของเราในเรื่องนี้ กระไรมิทราบ
 
ก. ไปดักรุมชกหน้ามัน เหมือนอย่างที่พรรคพวกของลื้อ...เคยไปดักรุมชกหน้าไอ้อาจารย์ “กรจักร” นักกฎหมายห่าเหว...อะไรนั่น ที่เสือกออกมาพูดสนับสนุนให้ท้ายพวกมัน ทำให้ไอ้พวกมันได้ใจ บังอาจคิดเหิมเกริมถึงขั้นคิดจะรื้อบ้านสีน้ำตาล ไอ้ยัดแม่...อยู่ดีๆไม่ชอบ แม่ง...ต้องโดนกันหนักๆอย่างนี้แหละว่ะ  
 
A. B.(ค้อมหัวลงพร้อมกัน) ขอรับเจ้านาย
 
ก. (ถอนใจพูดกับตัวเอง) เฮ้อ อีกหน่อย...อย่าว่าแต่บ้านสีน้ำตาลของพวกเราหลังนี้เลย  แม้แต่บ้านเมืองของเราที่นานาชาติเขายกย่องให้เป็นเมืองศิวิไลซ์อันดับหนึ่งของโลกมานานถึง 100 กว่าปี แม่ง...คงพินาศป่นปี้กันหมด ขืนปล่อยให้ไอ้พวกคนชั้นต่ำ ไอ้คนป่าเถื่อน ไอ้คนกักขฬะหยาบคาย ที่โคตรพ่อโคตรแม่...ไม่รู้จักอบรมสั่งสอนจริยธรรม มาลอยชายอยู่ในสังคมของเรา
 
A.โถ โถ อย่ากังวลไปเลยขอรับเจ้านาย เราจะออกไปจัดหน้าให้มันเรียบร้อย ยิ่งกว่าหน้าของไอ้อาจารย์นั่น...เคยถูกจัด ภายในสามวันนี่แหละขอรับเจ้านาย
 
 

ก. (กำหมัดทุบโต๊ะดังปังและพูดเสียงดัง) ดี ดีมากๆโว้ย แม่ง...แผ่นดินไทยของเราจะได้สูงขึ้นอีกหลายโยชน์.

 
(ค่อยๆรูดม่านหรี่แสงไฟปิดฉาก 2. จบการแสดง).
 
 
แด่...
คนเล็กๆทุกๆคนในสังคมไทย
ไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง ฯลฯ หรือมิได้เป็นคนเสื้อสีใดๆ
ที่ตกเป็นเหยื่อกฎหมายหมิ่นฯ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจพิเศษกับคนเล็กๆ
ที่ขาดอำนาจต่อรองที่เข้มแข็งในการปกป้องและต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้แก่ตนเอง
และไม่มีใครสามารถที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้
แม้แต่รัฐบาลที่พวกเขาหลายคนได้เลือกเข้าไป
นั่งอยู่ในรัฐสภา.
 
23 พฤษภาคม  -  26 มิถุนายน 2555 กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่.
  
 
 

ความเห็น

Submitted by น้ำลัด on

รูปดอกไม้ข้างบนนั่นเป็น "แพรเซี่ยงไฮ้"
สาบานได้ว่าไม่ใช่รูป "แพร จารุ" ใช่ไหมครับ

บทละครสะท้อนเหตุการณ์จริงในสังคมใช่ไหมครับ
เรื่องนี้ จริงๆแล้วผมไม่อยากออกความเห็น
แต่ก็อดไม่ได้นิ...

เอาเป็นว่าไม่ว่าลัทธิใดๆ...
หากถึงขั้นต้องบังคับให้ผู้คนเคารพกราบไหว้บูชาเจ้าลัทธิของตนเองแล้ว
ผมก็คิดว่าลัทธินั้นๆสมควรต้องพิจารณาทบทวนบทบาทของตนเองได้แล้ว
ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น และควรจะทำอะไรกันต่อไปอย่างไรดี

Submitted by namping on

แต่อาจมีทางหนึ่ง...หากนาย ก.ไม่เหย่อหยิ่งในสภาพของตนขึ้นมาได้
แต่กลับมีความคิดว่า ประวัติศาสตร์วิวัฒนาการในอนาคตจะจารึกเรื่องราว

"เขาควรเป็นอย่างไร ?"

Submitted by Thotspol on

เอพี่หนอม แต่ถ้าบังเอิญผมตาดีเห็นว่าบ้านสีน้ำตาลหลังนี้มันกำลังเอียง กำลังทรุด หรือกำลังโดนปลวกกิน แล้วผมก็ดันกลัวไอ้กดหมายหมิ่นบ้านสีน้ำตาล จนอุจจาระแตกอุจจาระแตน จนไม่กล้าร้องทักเพื่อเตือนให้เค้าซ่อมแซมแก้ไขปรับปรุง ปล่อยไปเมินๆแล้วบ้านมันพังขึ้นมา จะมาหาว่าหล่อไม่เตือนไม่ได้นะเจ้า ชิมิ ชิมิ อิ อิ อิ

House

Submitted by แพร จารุ on

น้ำลัดลัด ผมเพิ่งรู้ ว่าดอกไม้นี้ ชื่อ แพรเซี่ยงไฮ เท่าที่ผมรู้ทางพื้นบ้านผม เรียก กุหลาบดิน เพราะปลูกบนดินที่ไหนก็ขึ้น สวยแต่ถูกมองว่าต่ำต้อย ผมเลยหยิบมาเป็นภาพประกอบ ขอบคุณครับสำหรับความเห็น

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

namping ขอบคุณครับ สำหรั็นความเห็นคล้ายๆคุณน้ำลัด

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

thotspol ใช่ มันเป็นกฎหมายที่น่ากลัวจริงๆ จนไม่มีใครกล้าแม้แต่จะพูดถึง พี่จึงพยายามบันทึกเรื่องนี้เอาไว้ในรูปบทละคร และเลี่ยงการใช้วิสามายนาม เพื่อให้เห็นที่มาที่ไปของกฎหมายนี้ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ผิดพลาดตกหล่น ช่วยท้่วงติง บอกกล่าวด้วยครับ เพราะเป็นเรื่องส่วนรวม แม้พี่จะทำการบ้านมาอย่างดีก็ตาม ขอบคุณครับ

Submitted by น้ำลัด on

แพรเซี่ยงไฮ้มันจะเป็นพืชตระกูลผักเบี้ย
ปัจจุบันแพรเซี่ยงไฮ้มีหลากหลายสายพันธุ์
มีทั้งแบบกลีบซ้อน ดอกขนาดใหญ่ และมีดอกหลากหลายสี
แพรเซี่ยงไฮ้ของคุณถนอมนี่มันเป็นพันธุ์ดั้งเดิมมากเลย

แพรเซี่ยงไฮ้มันจะคล้ายกับคุณนายตื่นสาย มันต่างกันที่ลักษณะใบของมัน
คุณนายตื่นสายเขาจะมีใบแบนๆแบบผักเบี้ย แต่แพรเซี่ยงไฮ้ใบมันเรียวเล็กตตามภาพนี้แหละ

ไหนๆมันก็ถูกปลูกไว้ที่บ้านคุณถนอม
ก็ตั้งชื่อมันว่า "แพรถนอม" ซะเลยก็แล้วกันนะครับ

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

น้ำลัด ที่บ้านแม่เคยปลูกตั้งแต่วัยเด็ก จากนั้นผมก็ไม่ได้เห็น ภาพที่นำมาลงนี่ ถ่ายมาจากบ้านและสวนโเบราณของเพื่อนรุ่นน้องที่วัดเจ็ดยอด อ้อ ถ้าคุณน้ำลัดเสนใจ "เรื่องเชียงใหม่จัดการตนเอง" ผมเขียนลงมติชนสุดฯฉบับนี้ (29 มิ.ย.-5 ก.ค.55) โดยสรุปภาพรวมนำมาเสนอ ขอบคุณครับ

Submitted by น้ำลัด on

อ้าวแล้วกัน...งั้นก็เปลี่ยนชื่อเป็น "แพรเจ็ดยอด" ก็แล้วกันครับ

ประเดี๋ยวจะไปหามาอ่านนะครับท่าน
ดูซิเชียงใหม่จะจัดการตนเองอย่างไร
แต่...ที่แน่ๆตอนนี้ผมต้องไปจัดการตัวเองก่อน

Submitted by แสงดาว ศรัทธามั่น on

อ้ายหนอมบทละครนี้เอามาแสดงสดที่ข่วงประตูท่าแพดีไหม เพราะที่นั่นเป็นทางเสือผ่านคนเยอะ มีหมด พี่น้องกระเทย ตู๊ด ทอมดี้ (เรียกตามที่เขาเรียก มิได้ดูถูกพี่น้องเพื่อนร่วมโลกร้วมแผ่นดินของเราเหล่านั้นนะ เพราะเขามีสิทธิแห่งปัจเจกชนของเขาตราบไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร เช่นเดียวกับคนทั่วไป และเขาก็เป็นคนทั่วไปด้วย) มีหมดนะสถานที่แห่งนั้นสมัย นักเรียน นักศึกษาประชาชน ลุยเผด็จการถนอมประภาสเมื่อสิบสี่ตุลาคม ก็ไปตั้งมั่นชุมชุมที่นั่น กรรมกรชาวนาที่เรียกร้องสิทธิอันพึงมีพึงได้ก็ไปชุมนุมที่นั่น คราพฤษภาคมโหดปี ๓๕ ก็ไปชุมนุมกันที่นั่น ฯลฯ.... ที่นั่นมีหมดทั้งชาวต่างชาติ นักท่องเทียว โสเภณี คนจร ผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน ฯลฯ เอาไปเป็นละครแสดงที่นั่นรับร้องว่าเสียงเป่าปากโห่ร้องชอบอกชอบใจมีเพียบ(แต่ผู้เขียนบทละครนี้ห้ามปรากฏตัวเดี๋ยวโดนตืบ เพราะพวกคลั่งบ้านสีน้ำตาลก็มีเพียบเหมือนกัน พวกเขาหน้่ามืด แยกแยะไม่ออกว่านี่คือการแสดง) และอ้ายคิดว่า เอาไปแสดงทั่วประเทศ เลย ให้อ้ายคำรณฯเป็นผู้กำกับได้ โคตรเจ๋งเลย ฝ่ะ ... อ้ายก็ขอยกนิ้วแม่โป้งให้ว่า เรื่องสั้นบทละครเรื่องนี้ เจ๋งหว่ะ สามารถเอาไปเล่นต่างประเทศได้ แต่ตัวละครต้องพูดภาษาปะกิตได้นะ ไปญี่ปุ่นก็ต้องพูดภาษานิบปอนได้ นี่บ่ไจ้สุยนาอ้ายหนอม อู้ แต๊ บ่ไจ้สุยเอากั๋นติดคอก ha ha ha

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

แสงดาว ศรัทธามั่น เห็นด้วยอย่างยิ่งตามคำแนะนำของพี่ โดยเฉพาะผู้เขียนไม่ควรไปปรากฏตัวในงานแสดง เพราะจะทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องจริง มิได้อิงนิยาย