Skip to main content

ในวัยเด็ก

ราวชั้นประถมศึกษา ผมยังจำได้ เมื่อมืดค่ำ ที่บ้านจะจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดทุกหลังคาเรือนก็เช่นกัน

แม่บอกให้เอาการบ้านมาทำ ถ้าวิชาเดียวก็เสร็จเร็วหน่อย ถ้าสองวิชาก็ดึกหน่อย ดึกนั้นคงราวสองทุ่มเศษ ผมวางสมุดลงบนโต๊ะเล็กๆ นั่งขัดสมาธิบนเสื่อ แม่นั่งข้างหน้า แม่สอนจริงจัง มีตึงมีผ่อน มีเทคนิคในการสอน ขู่บ้างปลอบบ้าง

คำพูดที่พูดประจำก็คือ

คัดไทย ช่องไฟต้องพอดี หัวทอทหารต้องกลมอย่าให้บอด”

ห้าคูณเจ็ดเป็นเท่าไร สามสิบห้าหรือสามสิบหก”

ตอนจบแม่ให้ท่องสูตรคูณ ถ้าท่องได้ให้ไปนอน ท่องไม่ได้เอาให้ได้ ตาผมชักลืมไม่ขึ้น แม่ใช้ไม้ตีปับตรงแขน

ท่องไม่ได้ไม่ต้องนอน” แม่สำทับเสียงเข้ม

เสียงย่าที่นั่งอยู่ห่างลอยมาอย่างห่วงใยหลาน

อี่หน้อย แม่ว่าคืนนี้พอก่อน หละอ่อนมันอยากหลับ”

แม่ไม่ต้องให้ท้ายมัน มันจะได้ใจ” แม่ไม่ยอม

พ่อยืนดูห่างๆ เกาหัวที่ตัดผมสั้นยิกๆ บางทีก็เกาหลัง ไม่ได้คันอะไร คงหงุดหงิด ไม่กล้ายุ่งกับแม่


ด้านกิริยามารยาท

แม่บอกว่า แนะนำใครให้รู้จักต้องไหว้ ไหว้นั้นต้องก้มหัวด้วย เดินผ่านผู้ใหญ่ต้องก้มตัว
เวลาผู้ใหญ่คุยกัน ไม่ต้องอ้าปากนั่งฟัง กินอาหารอย่ามูมมาม อย่าซดน้ำแกงดัง พูดกับผู้ใหญ่ต้องมีหางเสียง ครับผม

ด้านการครัว
แม่สอนให้ขูดมะพร้าว ตอนแรกผมคิดว่าง่าย ถ้าขูดไม่เป็นกะลามะพร้าว มันจะไม่เคลื่อนที่ ถ้าขูดเป็นมันจะขยับไปมามีจังหวะ การหุงข้าวก็เช่นกัน ยุคนั้นไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้า แม่บอกว่า ต้องหมั่นคนข้าว ตักเมล็ดขึ้นมาดูว่าสุกไหม รอให้มันเป็นเม็ดขาวๆ ที่ปลายข้าว แล้วจึงรินน้ำ ตั้งไฟอีกครู่หนึ่งแล้วยกลง ผมหุงข้าวอีกหลายครั้งจึงเริ่มใช้ได้


สอนให้ทันคน

แม่บอกว่า คนแปลกหน้าให้ขนมไม่ต้องกิน อาจมียาพิษ มีคนมาหาที่บ้าน บอกลูกว่า แม่ให้มาเอาของนั้นของนี้ แม่ไม่ได้สั่งไว้อย่าให้ ถ้าแม่สั่งต้องมีจดหมาย


ด้านอื่นๆ

แม่ช่วยพ่อหารายได้ ทำกระทงขายวันลอยกระทง ทำว่าวขาย บางทีทำข้าวเงี้ยว หาบขายไปทั่ว สงกรานต์ก็ขายอุปกรณ์เล่นน้ำ ปลาในน้ำแม่ข่า ยุคนั้นมีปลาชุกชุม แม่ตกเบ็ด ยกยอ มาเลี้ยงครอบครัว สารพัดแม่ทำเพื่อครอบครัว แม่ขยันมาก เป็นหญิงแกร่ง เก่ง เวลาทะเลาะกับใคร ไม่ตบใช้ต่อย ไม่กลัวใคร

ลึกๆ ในใจ แม่ขี้สงสารคน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ยามปลอดโปร่ง แม่จะนั่งดีดซึงเพลงพื้นเมือง แม่ชอบอ่านหนังสือต่อสู้ เช่น เสือใบเสือดำ ของ ป.อินทรปาลิต แม่ชอบบันทึกในสมุด ลูกชายเกิดมาสองคน วันแต่งงาน พ่อสารภาพรักอย่างไร บันทึกเรื่องราวไว้หมด


แม่เสียชีวิต

เมื่อห้าปีที่ผ่านมา วันแม่แห่งชาติที่ 12 สิงหาคมนี้ ทุกท่านที่ยังมีแม่ให้กราบ ให้กอด ดูแลท่านให้ดี ขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ พูดคุยกับท่านบ้าง คนแก่มักเหงา ว้าเหว่
ผมไม่มีโอกาส ไม่มีเท้าแม่ให้กราบ มีเพียงรูปถ่าย...ในมโนภาพ เห็นแม่นั่งดีดซึงเพลง “ปราสาทไหว” เพียงลำพัง

เสียงซึง หวาน เศร้า เหมือนดังมาจากที่แสนไกล...อีกโลกหนึ่ง...

แม่ครับ...ผมคิดถึงแม่จริงๆนะ...”

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ระยะนี้ผมเป็นทุกข์กังวล เกี่ยวกับการเรียนต่อระดับปริญญาตรีของลูกชาย สถานที่เข้าเรียนเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ค่าเล่าเรียนภาคเรียนละสี่หมื่นบาท ผมจะหาเงินจากที่ไหน ปีหนึ่งเกือบแสนบาท จะกู้เงินเพื่อการศึกษาได้นั้น ผู้ปกครองต้องมีเงินได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี รายได้ผมเกินไปเล็กน้อย กลางคืนผมนอนหลับๆ ตื่นๆ ลูกชายมีอาการหงุดหงิดกลัวไม่ได้เรียน ตัวผมผู้เป็นพ่อยิ่งกังวลใจมากกว่าลูก สุขและทุกข์ของลูก เป็นสุขทุกข์ของพ่อแม่อย่างแท้จริง...  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
อายุมากขึ้น ร่างกายเริ่มโรยรา โรคต่างๆ ก็วิ่งเข้ามาหา เวียนหัว นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ปวดตามส่วนต่างๆ เช่น ข้อมือ ข้อนิ้ว หลัง บั้นเอว ต้นแขน ยามวัยเด็ก วัยหนุ่มสาว ทานอะไรได้หมด ไม่มีปัญหาเจ็บป่วย ทานอร่อยและทานได้มาก ลองคิดทบทวนย้อนหลัง ด้านการใช้ชีวิตและการปฏิบัติงาน ในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาวออกกำลังโดยเล่นกีฬา สู่วัยทำงาน ไม่ได้ออกกำลังกายเลย งดเว้นการวิ่งหรือเดินเสียเฉยๆ ชอบนั่งสังสรรค์ร้องเพลงคาราโอเกะ ด้านการรักษาสุขภาพ เพียงแต่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบัน ที่น่าอายมากคืออารมณ์ทางเพศลดลงแทบหมด เหมือนน้ำมันแห้งขอดถัง...