Skip to main content

ดวงอาทิตย์

คล้อยต่ำใกล้ลับขอบดอย บอกการอำลาท้องฟ้าไปทุกขณะ ช่างเหมือนข้าราชการเกษียณ ที่ต้องอำลาชีวิตราชการในวันนี้ ทุกอย่างมีเริ่มและสิ้นสุด ผู้คนเริ่มทยอยเข้าร้าน “เงาจันทร์” ทุกคนนั่งประจำที่ เครื่องดื่มถูกลำเลียงบริการ ข้าราชการเกษียณนั่งเรียงกันครบ 12 คน อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ ผู้บริหารนั่งกระจายไป หัวหน้าการนั่งประจำหัวโต๊ะ ท่าทางผึ่งผายแย้มยิ้มสำรวม นักร้องครูชายหญิงที่เสียงเพราะพริ้งที่สุด สับเปลี่ยนกันเกริ่นกล่อมบรรยากาศ เสียงหัวเราะหยอกเย้า เสียงชนแก้วเริ่มคึกคัก

 

ชิดชัย

ผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่ม จอดรถจักรยานยนต์ไว้หน้าร้าน โดยหันหน้าขึ้นในตำแหน่งทิศเหนือ ซึ่งบ้านของตนตั้งอยู่ วางแผนว่า วันนี้จะกินเหล้าให้หนำใจ ฉลองให้ผู้บริหารโรงเรียนรุ่นพี่ที่เคารพนับถือกัน

ชิดชัยไม่ค่อยได้กินเหล้าบ่อย นานๆ มีงานสำคัญจะกินสักครั้ง หากเมาได้ที่แล้ว มักคิดอะไรไม่ค่อยออก

ตอนเวลากลับ ติดเครื่องรถได้ขึ้นคร่อม วิ่งไปเรื่อยๆ ตาก็มองดูบ้านทางซ้ายมือ เมาอย่างไรก็ต้องจำบ้านได้

ถึงบ้านแน่นอน ชิดชัยบอกกับตนเอง ชิดชัยกลับเข้าร้าน นั่งประจำที่ใกล้กับกนกศักดิ์และรพีพัตร ผู้บริหารเพื่อนสนิท ดื่มได้สักพัก กนกศักดิ์สะกิดรพีพัตร

พัตร...ไปส่งกันไปห้องน้ำหน่อย ร้านนี้ไม่เคยมา ไปไม่ถูกวะ”

ชัย...กันไปห้องน้ำกับเจ้าโหนกศักดิ์ก่อนนะ...เดี๋ยวมา” รพีพัตรพูดกลั้วหัวเราะกับชิดชัย ที่ได้แหย่เพื่อนว่า “ เจ้าโหนกศักดิ์” เชิงส่องงาสองง่าม

อ้ายโหนก...เร็วๆ หน่อย กันอยากฟังแกร้องเพลงแล้ว” ชิดชัยส่งเสียงตามหลังเพื่อนทั้งคู่

เดินมาได้เล็กน้อย

กนกศักดิ์จับแขนรพีพัตร เดินอ้อมไปโผล่หน้าร้าน กระซิบบอกกันอย่างรู้ใจ ทั้งคู่ช่วยกันขยับรถจักรยานยนต์ของชิดชัย ให้หันหัวรถล่องไปทิศใต้ ตรงข้ามทางไปบ้านชิดชัย

คราวก่อน เจ้าชิดชัยมันเล่นกูแรงเหลือใจ คราวนี้กูบ้าง...ฮึม!” กนกศักดิ์บอกรพีพัตร

จอดรถได้ที่แล้วทั้งคู่ก็ไปห้องน้ำ แล้วเดินกลับมา โอบกอดกันร้องเพลงเบาๆอย่างขันในอารมณ์ ปรับท่าทางให้ปรกติกลับมานั่งข้างชิดชัย

 

ผู้คนเริ่มเมา

เริ่มจับคู่จับกลุ่มเล็กๆ คุยกัน คุยเรื่องเดิมนั่นแหละ สมองมึนคิดเรื่องใหม่ไม่ออก ใครชอบร้องเพลง เริ่มแย่งคิวกันร้อง ใครร้องก็ร้องไป ส่วนใหญ่ไม่ค่อยฟัง เร่งในใจให้เขาร้องจบเร็วๆ ฉันจะได้ร้องบ้าง ให้รู้ว่าใครตัวจริงเสียงจริง
ชิดชัยเริ่มเมาแล้ว เขารู้ตัวดี หากดื่มต่อไปฟุบคาโต๊ะแน่นอน เขาบอกกล่าวลาเพื่อน กนกศักดิ์แหย่ตามหลัง

โชคดีนะเพื่อน...ขับรถรับลมเย็นยามราตรีให้สบายๆ...นะเพื่อน ฮาๆๆ...ถึงแน่...ชัวร์...!”


ชิดชัยนั่งคร่อมรถ ติดเครื่องยกเท้าปัดขาตั้งรถขึ้น “ใช้ได้ สมองยังจำดี” ชิดชัยชมตนเอง ขณะบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์คู่ชีพพุ่งปราดออกไปสู่ถนนใหญ่ เขารู้สึกร้อนวูบวาบที่หน้าและคอ จึงใช้มือข้างหนึ่งคลายกระดุมอกเสื้อออกสองเม็ด และมุ่งหน้าขับรถไปตามทิศทาง ตรงข้ามกับทางกลับบ้านของตัวเองด้วยความมั่นใจ...

 

เกือบเที่ยงคืนแล้ว มันเป็นเวลาดึกสำหรับชนบท นานๆจะมีรถวิ่งไปมาสักคัน ชิดชัยบอกตนเอง อีกสักพัก เมื่อวิ่งผ่านปั๊มน้ำมัน ปั๊มแรกทางซ้ายมือ เลยไปอีกราว 50 เมตรก็ถึงบ้าน ลมเย็นกลางคืนพัดมากระทบกาย ชิดชัยรู้สึกสดชื่น อาการเมาค่อยลดลง เครื่องยนต์คำรามเบาๆ แต่ในความเงียบยามราตรีเหมือนดังกว่าปรกติ

 

ว่ากันว่า คืนนั้น

ชิดชัยขับรถมอเตอร์ไซค์ มองหาปั๊มน้ำมันและทางเข้าบ้าน ที่มีแม่บ้านดุยิ่งกว่าเสือ (โดยเฉพาะเวลากลับบ้านผิดเวลา) รอคอยอยู่ เตลิดเปิดเปิงไปคนเดียวเกือบ 100 กว่ากิโลเมตร และเป็นเวลาเกือบจะรุ่งสาง แต่ก็ยังมองหาปั๊มน้ำมันและทางเข้าบ้านของตัวเองไม่พบ กว่าจะรู้ตัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นไม่ได้ถูกผีอำและฝันไป.

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…