Skip to main content

ในวัยเด็ก

ผมปล้ำเล่นกับน้อง น้องชายอายุ 4 ขวบ ผมอายุ 7 ขวบ ผมปล้ำสู้ไม่ได้ น้องแข็งแรงมาก ผมอดขำหัวเราะไม่ได้ ผมปล้ำเจียนอยู่เจียนแพ้ จึงเปลี่ยนยุทธวีธี ใช้ลำตัวกดทับขาน้องให้แนบพื้นกระดานบ้าน ป้องกันการถีบสกัด ใช้มือทั้งสองจับข้อมือน้องชายกดไว้ น้องสะบัดหน้าไปมา แรงแกสม่ำเสมอ ผมอดหัวเราะไม่ได้ จนเผยอปากอวดฟันหลอ อดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงไปใช้จมูกหอมแก้มซ้าย 1 ฟอด น้องส่ายหน้าไปมาคงเขิน ผมหัวเราะชอบใจพูดว่า เก่งนักหรือ หอมแก้มขวาอีกฟอดแล้วปล่อย น้องลุกขึ้นยืนถ่างขา มือน้อยๆ กำเป็นรูปกำปั้นเตรียมสู้ต่อ แม่ทำอาหารหันมาเอ็ดว่า ทำอะไรกันเสียงดังลั่น ผมออกปากยอมแพ้แกจึงหยุด ยืนทำหน้าขึงขังอยู่ที่เดิม


โตขึ้น

ผมอายุราว 9 ขวบ เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผมประกวดร้องเพลงที่เวทีหน้าโรงหนัง “ศรีนครพิงค์”

จำได้ว่าชื่อเพลง “สามหัวใจ” ขึ้นต้นเนื้อเพลงว่า สาปแล้วไม่ขอรักใครใฝ่ปอง...ปรากฎว่า ผมตกรอบแรก

มีเพื่อนๆ ของน้องวิจารณ์ว่า พี่เอ็งร้องเพลงไม่เพราะเลย เสียงแหลมแสบหูเหลือเกิน น้องไม่พอใจ จะต่อยกับพวกนั้น


ช่วงผมเรียน

มัธยมตอนปลาย น้องเรียนต่อโรงเรียน “สิริกร” ด้านศิลปะ ฐานะทางบ้านเราไม่ค่อยดี น้องชายยอมเสียสละ บอกพ่อแม่ว่า ไม่เรียนแล้วจะหางานทำ ให้พ่อแม่ส่งพี่เรียนต่อก็แล้วกัน ผมยืนฟังห่างๆ อย่างไม่ตั้งใจ อึดอัดสับสนไปหมด ผมหายใจขัดๆ ไม่รู้จะพูดอะไร เข้านอนครุ่นคิดตามลำพัง คิดและคิดจนเพลียม่อยหลับไป เคยต่อยน้องครั้งหนึ่ง สาเหตุน้องแอบนำรองเท้ากีฬาสีขาวของผมไปใส่เที่ยว วันต่อมา ผมนำมาสวมแล้วรองเท้าหลวมกว่าปรกติ เท้าน้องใหญ่กว่าผม ผมโกรธมากต่อยสั่งสอนไป 2 หมัด น้องร้องไห้โฮ ชาวบ้านข้างเคียงต่างหันมามองดู นึกถึงครั้งคราใด อยากทุบมือตัวเอง ทำร้ายน้องได้อย่างไร

ส่วนน้องนั้นไม่เคยทำร้ายผมเลยตลอดชีวิต


งานลอยกระทง

คืนแรกของงาน น้องไปต่อยมวย เวทีมวยอยู่ในโรงเรียนช่องฟ้า ปัจจุบันคือย่านไนท์บาร์ซ่า ย่านขายของดังยามราตรีของเชียงใหม่ เวทีมวยที่ว่านี้จะอยู่ด้านตะวันตกของถนนช้างคลาน ตอนหัวค่ำคืนถัดมา ผมกำลังสวมรองเท้า จะลงบ้านไปเที่ยวงานลอยกระทงคืนที่สอง น้องเข้ามานั่งใกล้ผม เทเหรียญบาทลงบนพื้นกระดานบ้านช้าๆ คงราว 20 กว่าบาท ยุคเมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมา เป็นเงินไม่น้อยเลย น้องบอกผมว่า เอาเงินไปเที่ยวนะ บางส่วนได้ให้แม่ไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ผมมองเหรียญบาทที่กระจายอยู่ข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย ปากถูกปิดสนิทด้วยคุณธรรมคำพูดของน้อง ร่างกายเหมือนถูกสะกดนิ่งสนิทไปครู่หนึ่ง จึงค่อยหยิบเหรียญบาทใส่กระเป๋า ลงบันไดบ้านพร้อมกับภาพการชกเมื่อคืนนี้ เท้าขวาของคู่ต่อสู้ วาดพับหมายก้านคอของน้องที่มือตกลงข้างตัวอย่างหมดแรง ผมยืนมองใจเย็นวาบไปทั้งอก เหมือนคอตนเองจะถูกเตะไปด้วย จังหวะนั้น น้องยืนโอนเอนไปมาแล้วหล่นโครมกองกับพื้น เท้าขวามหาโหดจึงผ่านวืดไปในอากาศแทน...

พอกันทีอ้ายน้องชาย ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย เกิดมายังไม่เคยต่อยมวยสักครั้ง เอาฟันฟางร่างกายเข้าเสี่ยง ถ้ารู้ว่าต่อยมวย พี่จะไม่ให้ต่อยเด็ดขาด มือผมล้วงลงในกระเป๋ากำเหรียญบาทอย่างเจ็บปวดรวดร้าว


น้องเป็นคนเฮฮา สนุกสนาน รูปร่างบึกบึนแข็งแรง แต่มักใจน้อย ร้องไห้ง่าย แก่จนจะเกษียณในอีก 2-3 ปี แม่ต่อว่าอะไรนิดหน่อยก็ร้องไห้ง่ายๆ น้องเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ต้องปฏิบัติหน้าที่ชายแดน ระยะนั้นมีข่าวปะทะกองคาราวานยาเสพติดเป็นระยะ มีข่าวครั้งใด ผมใจไม่ดีทุกที ต้องคอยตรวจข่าว น้องเราเป็นอะไรหรือเปล่า อึดอัดใจและหายใจโล่งอกเดินเคียงคู่เข้ามาด้วยกัน เมื่อได้ย้ายมาเป็นตำรวจภูธร ผมจึงโล่งอก หมดความห่วงใยเสียที...เมื่อพ่อตายและแม่ตายตาม น้องบอกว่าต่อไป คงเรียกผมว่า อ้าย (พี่) แทนคำว่า คิง (มึง) และนับถือผมเป็นพ่อแทน ได้ยินคำพูดนี้ ผมชักร้อนที่ตา น้ำอุ่นเอ่อขึ้นมา น้ำตาจะหยดรำไร อ้ายน้องห่ามๆ น้อยใจอะไรร้องไห้ทุกที มันพูดกินใจเสียจริง …และแล้วน้องผมก็จากไปอีกคน น้องเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายกะทันหัน อายุเพียง 58 ปี ผมซึมไปหมด ทำใจรับไม่ค่อยได้เลย


ผู้หญิงรักใคร

ชอบใคร คิดถึงกัน เมื่อพบก็โผกอดกัน ละล่ำละลักพูดกัน น้ำตาไหล รักก็บอกว่ารัก ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ผู้ชายรักกัน ห่วงใยกัน พบกันไม่กอดกัน อย่างมากตบไหล่กัน ตบหัวกัน เตะก้นกัน ยิ้มและใช้สายตาบอก ผมกับน้องพูดกันแบบนี้


ใส่เสื้อเกราะตอนลาดตระเวนด้วยเน้อ” ผมบอก

เสื้อมันหนักมาก” น้องบอก

มันหนัก ก็ทนเอา มันปลอดภัยโว้ย” ผมชักไม่พอใจ

ดูแลสุขภาพด้วยเน้อ อ้ายเฒ่า” น้องบอกความห่วงใยพี่บ้าง


เราไม่เคยบอกว่ารักกัน...แต่หัวใจมันพูดว่ารัก



บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ตัดผมสั้นเกรียน ไม่พูดไม่จา มือถือเอ็ม 16 มาดมั่น พร้อมจะปล่อยกระสุนเหล็กออกลำกล้องทุกวินาที ทหารพรานนี้จะมีกำลังทั้งหมดเท่าไร ไม่อาจทราบได้ เวลาพักจะเห็นนอนในเปลญวน ที่ผูกกับต้นไม้ตามป่าริมถนน ในเครื่องแบบที่พร้อมปฏิบัติการทุกวินาทีทีเดียว ทั้งสองคนทราบเพียงว่า กำลังทั้งหมดของทหารพราน ตั้งค่ายบนเนินดอยที่ห่างออกไปจากหมู่บ้านเล็กน้อย นอกจากนั้นก็มีทหารหน่วย ฉก.327(หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจที่ 327) ตั้งหน่วยอยู่ใกล้กับโรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ในด้านตำรวจภูธร มีสถานีตำรวจอยู่ใกล้ที่ว่าการอำเภอ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    อำเภอเวียงแหง เป็นอำเภอชายแดน ติดกับพม่าในเขตตำบลเปียงหลวง ประชาชนเป็นชาวจีนและไทยใหญ่(เงี้ยว) อำเภอนี้เล่าลือกันว่า เป็นที่พักยาเสพติด บ้างว่าเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ได้ถูกกวาดล้างครั้งใหญ่ก่อนปี พ.ศ. 2528 อาจารย์ “ศักดิ์รพี” และอาจารย์ “เพชร” เป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งสองเป็นข้าราชการบรรจุใหม่ในปี พ.ศ. 2529 ที่โรงเรียนบ้านเวียงแหง และสอนได้ 3 ปีแล้ว ในการประชุมใหญ่ ที่ห้องประชุมโรงเรียนบ้านเวียงแหง เพื่อชี้แจงข้อราชการและนโยบายในการทำงาน คณะครูทั้งหมดในอำเภอจำนวน 80 คน ได้เดินทางมาประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  วันที่โรงเรียนปิด ได้ไปหาหมอทองรัก เป็นคลินิกอยู่ตึกแถวห่างจากย่านไนท์บาร์ซ่าราว 100 เมตร หมอฟังอาการจากคนไข้ แล้วบอกนอนบนเตียงคนไข้ หมอใช้มือกดกลางท้อง แล้วย้ายมาใช้นิ้วเคาะท้องด้านข้างเสียงดังปุๆ หมอลงความเห็นว่า ไม่เป็นโรคร้ายแรง เพียงแต่ลำไส้ย่อยเร็วเกินไป ผมโล่งอกรับยาหมอมากิน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผู้มีหน้าที่สอนเด็ก ที่เรียกว่า “ครู” มักได้รับการเปรียบเทียบว่าเป็นเสมือนเรือจ้าง คนโดยสารก็คือนักเรียน พานักเรียนจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่ง เสร็จแล้วก็รับเด็กรุ่นต่อไปสู่ฝั่งอีก เด็กจะรู้ถึงคุณค่าของเรือหรือไม่ เรือจ้างมิได้เรียกร้องโอดครวญ ยังพาเด็กสู่เป้าหมาย สู่ความสำเร็จ วันสู่วัน เดือนสู่ปี
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เธอเริ่มแซะซอกเล็บ ด้านข้างซ้ายนิ้วโป้ง ครู่เดียวจริงๆเธอบอกว่าเสร็จแล้ว ผมลุกขึ้นเห็นนิ้วโป้งเท้าซ้าย พันผ้าขาวปิดพลาสเตอร์เรียบร้อย เธอทำงานคล่องมาก อัธยาศัยดี ไว้ผมสั้น ดูเป็นคนเปิดเผยไม่เรื่องมาก เธอบอกว่า “พ่อ มาล้างแผลทุกวันเน้อ จนครบเจ็ดวันอย่าขาด เวลาอาบน้ำอย่าให้เท้าถูกน้ำนะ ถ้าถูกน้ำแผลจะหายช้า ” “ครับ ขอบคุณครับ ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ร่างกายเริ่มร่วงโรย มีโรคความดันเข้ามาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ตามด้วยต่อมลูกหมากอักเสบ นอกนั้นปรกติ มีอีกอย่าง เป็นอาการเล็กน้อยแต่น่ารำคาญ คือโรคเล็บขบ เนื้อเล็บเป็นขุย ตรงนิ้วโป้งทั้งเท้าซ้ายขวา มันเป็นร่องเล็กๆจากปลายเล็บรุกเข้าไปใกล้โคนเล็บ ใช้มีดปลายแหลมแหย่เข้าไปแล้วเขี่ยออก มันเป็นขุยๆคล้ายมอดกินไม้ไผ่ ไม่เจ็บแต่ทำให้เล็บไม่สวย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมเคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ พระพิฆเนศหลายครั้ง  ครั้งแรกตื่นเต้น  เจ้าของพิพิธภัณฑ์เปิดให้ชมโดยไม่เก็บเงิน  ผมเดินชมเป็นจุดๆ  ตามลำดับที่พิพิธภัณฑ์กำหนด  ตื่นตาตื่นใจเหมือนกัน  ต่อมาไปเที่ยวอีกหลายครั้ง  พาเด็กๆไปบ้าง คนรู้จักคุ้นเคยบ้างไปชม  สถานที่สงบ  สะอาด  เป็นระเบียบ  มีเทวาลัย สถานที่แสดงรูปพระพิฆเนศที่เรียกว่าพิพิธภัณฑ์  สถานที่นี้ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด  สถานที่อื่นๆถ่ายได้  ห้องน้ำสะอาดเหมือนโรงแรม  แยกชายหญิง  ต้องเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้าห้องน้ำ
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ได้ดูรายการ “ไทยมุง” นำเสนอเรื่องอาชีพทำกุญแจทางไทยทีวี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2552 เวลาประมาณ 8.30 น. เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ อาชีพที่กระตุกความสนใจของผม ในเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินเป็นอันดับแรก อยากรู้วิธีไขกุญแจของคนร้ายที่รวดเร็ว เช่น การขโมยรถยนต์ จักรยายยนต์ ไขกุญแจบ้าน การเปิดตู้เซฟที่แสนง่าย การไขประตูรถที่เด็กถูกขังไว้ในรถ ช่วยไขประตูกรณีเจ้าของบ้านลืมกุญแจไว้ในบ้าน หรือลืมกุญแจไว้ในรถ การเปิดประตูต่างๆดังกล่าว น่าจะเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งทีเดียว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมซื้อหนังสือพิมพ์ “ไทย เรด นิวส์” และ “ ความจริงวันนี้” ติดต่อกัน รวม 7 ฉบับ ราคาเล่มละ 20 บาท หนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการ” 1 ฉบับ ราคาฉบับละ 25 บาท ซื้อเดลินิวส์อ่านบ้าง ยังไม่พอจะซื้อหนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการ” อีกราว 6 ฉบับ หนังสือพิมพ์ “มติชน” เป็นบางฉบับ เพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้าน ค้นหาข่าวทางอินเตอร์เน็ตเพิ่มเติม ฟังข่าวการเมืองที่พิธีกรนำมาจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ มาเล่าให้ฟัง บางวันฟังข่าวการเมืองแล้วมันเครีย สับสนไปหมด บางทีไม่เข้าใจ เช่น ในการประชุมเลือกตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ นายกรัฐมนตรีผู้เป็นประธานฯ ไม่สามารถเสนอชื่อให้ที่ประชุม ก.ต.ช. (คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ) ยอมรับได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรก ที่พูดว่า “ การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ” ผมรับรู้ครั้งแรกด้วยความสนใจ ผมเข้าใจเพียงว่า การเมืองเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบรรดา ส.ส.ของพรรคการเมืองต่างๆ ที่จับมือกันร่วมเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ นำพาประเทศไปสู่ความเจริญมั่งคั่ง ประชาชนอยู่ดีกินดี รัฐบาลนั้นเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศและองคาพยพไปสู่อนาคตที่ดี เราจึงต้องสนใจการเมือง สนใจข่าวสาร ต้องติดตามเหตุการณ์ วันนี้ท่านนายกฯไปไหน พูดอะไร คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดอะไรเกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง วางมาตรการอะไร จะมีประกาศพระราชบัญญัติอะไรไหม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เรื่องที่สอง เกิดขึ้นก่อนอาหารเที่ยงของผมและเพื่อนๆ คณะของเรามักแสวงหาร้านอาหารที่อร่อยลือชื่อ บรรยากาศที่หลากหลาย บางวันเป็นร้านดังในตัวเมือง บางทีเป็นสวนอาหาร บางทีริมดอย ร้านชื่อ “ดอยล้อม” วันนี้เป็นร้านอาหารป่า อาหารป่านั้นผมไม่กินเลย แต่ไม่อยากขัดคอใครทำนองเป็นคนเรื่องมาก เขาสั่งมาผมก็แกล้งตักกินพอเป็นพิธี ทำหน้าให้ปรกติ อาหารบนโต๊ะยังมีอาหารอื่นๆอีก เราก็กินพวกนี้ให้มาก ต่างคนต่างกินไม่มีใครสังเกตอะไรใคร ร้านอาหารที่เราไปกินวันนี้ ต้องเข้าทางถนนเลี่ยงเมือง จากฝางสู่แม่อาย เรานั่งรถคันเดียวไปด้วยกัน เรากินไปด้วยคุยไปด้วย ได้ยินเสียงหัวเราะเป็นระยะ มีชายหนุ่มและหญิงสาว…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ดูข่าวจากโทรทัศน์ ตอนเช้าวันนี้(20 ส.ค.52) ข่าวคนชอบสัตว์ นำหมีมาเลี้ยงโดยขังในกรง มันอยู่รวมกันหลายตัวต่อสู้กัน เจ้าของจับถอดเล็บ ป้องกันมันทำร้ายกัน บางตัวตัดขาออกข้างหนึ่งเหลือเพียงสามขา ฟังข่าวไม่ทัน ตัดขาเพราะอะไร ยังไม่พอ เจ้าของทอดทิ้งปล่อยมันผจญชีวิตเองตามยถากรรม มันถูกถอดเล็บ ไม่มีอวัยวะสำคัญในการดำรงชีวิต เกาะขึ้นต้นไม้ไม่ได้ หาอาหารเองไม่ได้ ปล่อยสู่ธรรมชาติไม่ได้ ขาดเล็บอาวุธป้องกันตัว หมีตอนเล็กๆ รูปร่างอ้วนๆ ป้อมๆ คงน่ารักมาก