Skip to main content

สว่างแล้ว
ผมค่อยเปิดหน้าต่างห้องนอน ซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้านเช่า ลมเย็นสะอาดพัดเข้ามา ผมรู้สึกสดชื่น ปอดขยายตัวเต็มที่ สูดหายใจเข้าไปเต็มปอด รู้สึกปลอดโปร่งกระปรี้กระเปร่า เป็นลมพัดจากทุ่งนากว้างข้างบ้าน มองเห็นนาข้าวผืนใหญ่ จากทิศใต้หักมุมฉากทอดไปทิศตะวันตก ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นไทยใหญ่ มีบ้างเป็นคนไทย อาชีพก็ทำนาทำสวน ไม่กี่รายมีอาชีพค้าขาย ทางซ้ายมือผมเป็นถนนดิน พุ่งตรงไปทิศใต้ของหมู่บ้านเวียงแหง มีบ้านปลูกเรียงรายไปตามถนน สูงขึ้นไปเป็นดอยซ้อนๆ กัน ยอดดอยสูงสุดเป็นดอยสามหมื่น แนวดอยนี้อ้อมโค้งไปทางซ้ายและขวาเป็นวงกลม หมู่บ้านเวียงแหง เหมือนถูกล้อมด้วยดอยสลับซับซ้อน ในหมู่บ้านก็มีต้นไม้กระจายปะปนไปกับชุมชน ต้นไม้เหล่านี้เอง ที่ผลิตออกซิเจนให้แก่พื้นที่โดยรวม มลพิษจากควันเสียของรถมีน้อยมาก แสงแดดเริ่มสาดแสงผ่านสันดอยสู่หมู่บ้าน ก่อให้เกิดการหมุนเวียนวัฏจักรชีวิต เกิดความสมดุลแก่ระบบนิเวศอย่างต่อเนื่อง และดำเนินต่อไป

ชีวิตผู้คน
ในอำเภอเวียงแหง ดำเนินไปอย่างราบเรียบ ไร้ความฟุ่มเฟือย ไร้สถานที่ท่องเที่ยวยามกลางคืน ยุคนั้นยังไม่มีคาราโอเกะ ร้านขายของชำมีเพียงร้านเดียว เป็นขนมสำหรับเด็กๆ แต่ธรรมชาติก็ได้แบ่งปันความสุขแก่มนุษย์เสมอ คืนใดไร้แสงจันทร์ ท้องฟ้าดำเหมือนหมึก จะปรากฏดวงดาว ส่องแสงพร่างพราว ดารดาษเต็มท้องฟ้า บางดวงกะพริบยะยิบเหมือนเพชรล้อแสงไฟ บางดวงเปล่งแสงมาหาเหมือนทักทาย ลมเย็นพัดมาอย่างอ้อยสร้อย ชวนให้จิตใจล่องลอยเพ้อฝัน บางคืนเดือนเพ็ญ แสงนวลเย็นของจันทร์ กระจ่างทั่วทุ่ง อาบไล้ไปทั้งขุนเขา ความงดงามนี้ยากจะหาได้ในตัวเมืองใหญ่

เดือนตุลาคมมาถึง
โรงเรียนในสังกัด ปิดภาคเรียนแรก ครูทยอยเดินทางกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม แต่ครูหนุ่มชื่อ “เผด็จ” ไม่กลับบ้านที่แพร่ เขามีรายการจะไปล่าสัตว์กับเพื่อนครูที่สนิทสนมกัน โดยชวนหนุ่มในหมู่บ้าน ที่ชมชอบการผจญภัยในป่าไปด้วยกัน กลุ่มของเผด็จมี 6 คน สถานที่ล่าสัตว์เป็นแนวตะเข็บชายแดนพม่ากับไทย ซึ่งเป็นแถบที่มีสัตว์ป่าชุกชุม เขตชายแดนนี้อยู่ในตำบลเปียงหลวงของอำเภอเวียงแหง เมื่อเตรียมปืน สัมภาระ อาหารที่พอกินได้นาน 3-4 วันเรียบร้อยแล้ว คณะนักล่าสัตว์ก็ออกเดินทาง โดยต้องค้างคืนในป่าหลายคืน เผด็จนั้นเป็นนักล่าสัตว์มือฉมังนัก ยิงปืนแม่น ตามรอยสัตว์ตัวใดแล้วไม่มีการพลาด เป็นมือระดับเพชฌฆาตของสัตว์ป่าทีเดียว มีครั้งหนึ่งเขาติดไข้มาเลเรียจากป่า เกือบตายมาครั้งหนึ่งแล้ว

คณะของเผด็จ
หายเข้าไปในป่าได้ 4 คืนก็กลับมา ผลงานบรรลุตามเป้าหมาย แต่สถานการณ์ไม่ดีนัก สมาชิกของคณะ 2 คน ช่วยกันหามหมูป่าตัวเขื่องมา 1 ตัว แต่ก็ต้องหามเผด็จออกป่ามาด้วย เผด็จเป็นไข้มาเลเรีย ต้องนำส่งโรงพยาบาลเวียงแหงอย่างเร่งด่วน แต่อาการไม่ดีขึ้น ครอบครัวของเผด็จที่แพร่ได้ข่าว ด้วยความเป็นห่วงมาก จึงขอร้องให้คณะครูที่ไปล่าสัตว์ด้วยกัน ได้นำเผด็จส่งโรงพยาบาลแพร่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเผด็จ ครูทุกคนรอฟังข่าวอยู่ที่เวียงแหงอย่างกระวนกระวายใจ ต่อมาผู้บริหารโรงเรียนที่เผด็จสอนหนังสือ ได้รับโทรเลขด่วนแจ้งว่า

“ 8 พ.ย. เผด็จเสียชีวิต 13 พ.ย.ประชุมเพลิง ”
ลงชื่อภรรยา

ข่าวแพร่กระจายไปทั่ว คณะครูที่กลับบ้านช่วงปิดภาคต้น ได้ทราบข่าวด้วยความตกใจและสลดหดหู่ ทุกคนทำใจไม่ค่อยได้ แต่ก็พากันไปร่วมงานศพที่แพร่ ครูหญิงครูชายที่เป็นเพื่อนสนิทร้องไห้ฟูมฟาย ผมติดประชุมที่จังหวัดไม่ได้ไปงานศพ เสียใจจนวันนี้...แต่ยังจำหน้าตาที่คมเข้ม ลีลาว่องไวในการเล่นฟุตบอล กิริยาที่เรียบร้อย ...แม้ผ่านมาได้ 24 ปี

“ พี่ยังจำหน้าตา ท่าทางเผด็จได้เสมอ ขอให้ไปอยู่ที่ดีๆ และจงเป็นสุขๆ เถิด ”

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…