Skip to main content

หัวมะพร้าวถูกมีดสับเป็นฝาเล็กๆ
เราใช้มือง้างออก เสียบหลอดดูดจากแม่ค้าลงไป กลิ่นหอมมะพร้าวเผาเข้าจมูกขณะเราก้มลงดูดน้ำมะพร้าวแสนหอมและหวาน เราแบ่งกันดูด พอน้ำหมด เราจะใช้นิ้วมือหยักเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆมาชิมก่อน จับมะพร้าวทั้งลูกทุบลงกับพื้นหินผ่าเสียงดังโป๊ะๆ จนกะลาแตก เราใช้มือทั้งสองดึงง้างให้กะลาแยกเป็นสองส่วน เนื้อมะพร้าวที่ล่อนไม่ติดกับผิวข้างใน จะปรากฏเป็นผลกลมให้เราได้ลองลิ้ม เนื้อมันมันนุ่มหอมเหมือนน้ำมะพร้าว ถ้าเป็นมะพร้าวแก่เนื้อจะหนา เนื้อจะบางถ้ามะพร้าวหนุ่ม กะลาที่กินหมดแล้วเราโยนเข้าป่าเพราะไม่มีถังขยะ ในน้ำใสยังมีกะลาถูกทิ้งลงไปหลายแห่ง รับรองได้ว่าไม่ใช่พวกเรา ใครที่มาเที่ยวห้วยแก้วต้องซื้อมะพร้าวเผากิน ไม่มีขายทั่วไป พอนานเข้า พวกพ่อค้าแม่ค้าไม่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ได้ใช้วิธีต้มมะพร้าวแทนการเผา พอได้ที่ดีแล้วนำมะพร้าวที่ต้มมาทำการเผาเปลือก พอให้ดำเล็กน้อยแล้วนำมาขาย ลูกค้าถามก็โกหกว่าเป็นมะพร้าวเผาไม่ใช่ต้ม ลูกค้าลองกินดูจึงรู้ว่าเป็นมะพร้าวต้ม เพราะรสชาติผิดไปจากเดิม มะพร้าวต้มขนานแท้รสชาติจะหอมและเนื้อหนุ่มกว่า เวลาต่อมา การซื้อกินมะพร้าวเผาลดความนิยมและหายไป คงเป็นเช่นเดียวกับข้าวหลามเผาแล้วบอกเป็นข้าวหลามต้มอย่างนั้น

 

 

โรงเรียนปิดเทอมใหญ่มาถึง
เป็นปลายเดือนมีนาคม กลุ่มพวกเรานัดกันไปเที่ยวสวนสัตว์และสวนรุกขชาติ สวนสัตว์เชียงใหม่อยู่ตีนดอยสุเทพ บริเวณสวนสัตว์จึงมีต้นไม้ร่มรื่น กรงสัตว์แทรกตัวตามร่มไม้ กระจายเป็นรูปวงกลม มีถนนทอดตัววนเวียนไปหากรงสัตว์ทุกชนิด บางตอนมีทางลัดข้างทาง พวกเราต่างเคยมาเที่ยวกันคนละหลายครั้ง มากับผู้ปกครองบ้าง ในวาระต่างๆกัน วันนี้เราพากันมาเที่ยวตามประสาเด็กวันรุ่น พอเดินเข้าประตูสวนสัตว์ ย่างเท้าเข้าเขตกรงสัตว์ เสียงชะนีร้องระงมต้อนรับเรา สอดสลับเสียงนกมากมายหลายชนิด ผมไม่เคยได้ยินเสียงสิงโตร้อง มีครั้งหนึ่งได้ยินมันร้อง เสียงมันดังมากและมีอำนาจ ถ้าได้ยินในป่าจริงๆ ขนเราคงลุกเกลียวด้วยความกลัวสุดขีด ยุคนั้นสัตว์ที่เป็นดาราไม่พ้น สิงโต เสือ งู จระเข้ ลิง ช้าง นกนานาชนิด ยังไม่มียีราฟ ฮิปโปโปเตมัส ไม่มีหมีแพนด้า
(พ่อช่วงช่วง แม่หลินฮุย ลูกหลินปิง)จากเมืองจีน ไม่มีอควาเลี่ยม เดินมาถึงกรงงู มันดูน่ากลัวขยะแขยง ใจผมนั้นกลัวงูที่สุด เห็นในหนังเรื่อง “ทาร์ซาร์”(Tarzan) ที่แสดงนำโดย จอนนี่ ไวสมูลเลอร์ อดีตแชมป์ว่ายน้ำฟรีไสต์ 100 เมตรของโอลิมปิกถึง 2 สมัยซ้อน ( เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องที่เขียนขึ้นโดย Edgar Burroughs พิมพ์ครั้งแรก ค..1914) ถูกงูเหลือมทิ้งตัวจากกิ่งไม้ ลงมาทับตัวแล้วรัดคอกับลำตัว กว่าพระเอกจะฆ่ามันได้ ทำเอาผู้ชมหายใจอึดอัดทั้งโรงหนัง ส่วนฮิบโปโปเตมัส ช้าง เพิ่งนำเข้าภายหลัง พวกเราเที่ยวกันทั่วแล้วพากันมาเดินชมสวนรุกขชาติ มันร่มรื่นด้วยต้นไม้ หญ้าถูกตัดเตียนเรียบเขียวชวนนั่ง เห็นหนุ่มสาวนั่งคุยกันตามม้าหินอ่อน ตามโคนต้นไม้ พวกเรานอนเล่นตามสนามหญ้าเขียวใต้ต้นไม้ เพื่อนบางคนแกล้งหลับ สวนนี้เคยมีวงดนตรี เดอะ อิมโพสซิเบิ้ล(Tmpossible) แชมป์วงสตริง 3 ปีซ้อนมาแสดง ยังจำท่าทางเป่าทรัมเป็ตของคุณเต๋อ(เรวัติ พุทธินันท์)ได้ เป็นนักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด...จนเย็นเราจึงพากันกลับ โดยรถเมล์สีเหลืองสาย 3 พาหนะประจำของพวกเรา

 

ที่ดอยสะเก็ด
มีที่เที่ยวอีกแห่งหนึ่ง เรียกว่าหนองบัว มีนกกินปลาเดินไปมา น้ำแห้งลงทุกปี สถานที่ทรุดโทรมขาดการดูแล ไม่ค่อยมีคนไปเที่ยว ดูบรรยากาศเงียบเหงา นานวันไปจึงหายไปจากการกล่าวถึง ปัจจุบันไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ที่เที่ยวของพวกเราก็มีงานวัด งานปอยหลวง ต้องเป็นวัดใกล้บ้าน และเป็นช่วงปิดเทอม พวกเราจึงไปเที่ยวกันได้ บางงานเราไปเที่ยวกันครบทีม บางงานไปเพียง
2 คน ที่เที่ยวอีกแห่งเป็นจุดที่รถขายยาฉายหนัง โดยตอนเย็นรถขายยา จะตระเวนเชิญชวนคนไปหนัง รถจะวิ่งช้าๆไปตามถนนสายต่างๆในตัวเมือง เด็กๆวิ่งตามรถ ส่งเสียงยินดีปรีดา รถขายยาจะไปกางจอหนังตามจุดที่มีผู้คนอยู่กันหนาแน่น เช่นที่ว่างๆแถวประตูช้างเผือก โรงเรียนวัดเชียงยืน วัดต่างๆ เวลาหนึ่งทุ่มเศษฉายหนังทันที สลับการขายยาดมยาหม่อง ยาแก้ปวด ยาเสริมพลังเพศชาย ฯลฯ จำได้ว่า ผมเดินจากบ้านซอย 3 ถนนราชวงค์ ไปกับเพื่อนสองคน เดินเลียบคูเมืองไปเรื่อยแบบสบายอารมณ์ หนังฉายเรื่อง “ไอ้แก่น” นำแสดงโดยพระเอกลักยิ้ม คุณลือชัย นฤนาท (ได้ตุ๊กตาทองแสดงนำชายจากเรื่อง ‘เล็บครุฑ’) คุณรัตนาภรณ์ อินทรกำแหง เป็นนางเอก

 

ผมไปเที่ยวน้ำตกห้วยแก้ว
ครั้งสุดท้าย พ
.. 2511 และว่างเว้นไม่ได้กลับไปเที่ยวอีกเลย นับเวลาได้ 41 ปี จนกระทั่งเมื่อวันพุธที่ 11 .. 2552 ผมชวนลูกชายคนเล็ก พาพ่อปีนป่ายไปดูน้ำตกห้วยแก้วอีกสักครา ให้ลูกเดินเคียงอยู่ใกล้ หากเราลื่นหกล้มจะได้ช่วยเหลือทัน ที่กลับไปดูน้ำตกห้วยแก้วเพราะ ช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา ได้ทราบข่าวน่าตกใจว่า น้ำตกห้วยแก้วเริ่มแห้ง ไม่มีน้ำไหลใสเย็น น้ำแห้งแล้งนั้นสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะ น้ำในห้วยแก้วถูกดูดไปใช้ในสวนสัตว์ และสถานที่สำคัญๆรอบห้วยแก้ว ผมจึงเดินทางไปพิสูจน์ดูกับลูกชาย ขับรถยนต์ไปจอดลานใกล้อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เดินไปตามถนนที่ชันเล็กน้อย ไปทางทิศตะวันตก ผ่านร้านอาหารนานาชนิดทางซ้ายมือ ร้านเหล่านี้ปลูกริมขอบของสายน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกห้วยแก้ว ทางเดินเป็นถนนคอนกรีต เดินมาจนถึงตู้ยาม ยิ้มให้ยามชายหญิงคู่หนึ่ง ทางเดินราบเรียบไปตามขอบสายน้ำคดเคี้ยว ถนนปูด้วยหินผาที่เชื่อมกันด้วยซีเมนต์ ถนนทอดตัวเข้าไปหาแอ่งน้ำ โดยไม่ทำให้เสียความเป็นธรรมชาติ แต่เป็นการผสมผสานกันระหว่างธรรมชาติกับฝีมือเสริมสร้างของมนุษย์ มีป้ายบอกทางไปผาเงิบ ผมกับลูกเดินข้ามสะพานไป มีป้ายชี้ไปยังตำแหน่งน้ำตกห้วยแก้ว สังเกตดูน้ำยังไหลเล็กน้อยตามปรกติ แหงนมองสูงไปตามหน้าผาและแมกไม้ น้ำตกห้วยแก้วที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ไหลลงสู่หินผาข้างล่าง มี 3 ชั้น มองดูเหมือนผ้าบางสีขาวสะอาดตา หูได้ยินน้ำตกไหลดังซู่ซ่า อดไม่ได้ให้ลูกชายไต่ขึ้นไปดู พยายามให้อยู่ใกล้น้ำตกมากที่สุด แต่ไม่วายห่วงลูกชายกลัวลื่นหกล้ม ลูกได้ถ่ายไว้หลายภาพ พอลงมาผมก็ถ่ายสายน้ำโขดหินอีกหลายภาพ กลับลงมา ถามยามที่นั่งในตู้ยาม เขาบอกว่า ฤดูแล้งยังมีน้ำไหล แต่อาจน้อยกว่าฤดูฝน ขณะนี้กำลังปรับปรุงน้ำตกห้วยแก้วให้สมบูรณ์ดังเดิม

 

นอกจากนั้นเป็นงานใหญ่ประจำปี
เช่น งานสงกรานต์ในเดือนเมษายน มีผู้คนมาเล่นน้ำที่ “สะพานนวรัฐ” กันมากมาย และยาวตลอดถนนท่าแพ ไม่มีเล่นน้ำรอบคูเมืองที่หนาแน่นดังปัจจุบัน วนมาอีกรอบ เป็นงานเดินขึ้นดอยสุเทพในวันวิสาขบูชา งานลอยกระทงในแม่น้ำปิง งานฤดูหนาวเชียงใหม่ งานวันเด็ก งานเหล่านี้เป็นงานที่ผมได้เที่ยวในวัยเด็ก ไม่มีห้างสรรพสินค้า
(แมคโคร โลตัส คาร์ฟูร์ เทสโก้ กาดสวนแก้ว) ไม่มีร้านเกม ไม่มีร้านอินเตอร์เน็ต ดังปัจจุบัน.

 


 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เป็นเวลายามเย็นแล้ว ผมยืนบนฝั่งริมตลิ่งแม่น้ำปิง ปัจจุบันเป็นทางเท้า มือจับราวเหล็กที่กั้นไว้ ทอดสายตาดูลำน้ำแม่ปิง เข้าสู่กลางเดือนมีนาคม ระดับน้ำลดลง ไหลราบเรียบ สายน้ำนี้มีตำนาน มีเรื่องราวเล่าขานมากมาย ผมเหลียวดูทางซ้าย เจดีย์ขาวอยู่ห่างไปราว 10 เมตร ยังทาองค์เป็นสีขาว รถราวิ่งวนรอบ องค์เจดีย์ขาวนี้ ถ้ามองจากระเบียงชมวิว ด้านตะวันออกของวัดพระธาตุดอยสุเทพ มองไกลออกไปไกลทางทิศตะวันออก ถ้าไม่มีหมอกควัน ไม่มีเมฆบัง จะเห็นเจดีย์ขาวชัดเจนทีเดียว ถัดไปอีกเล็กน้อย จะเป็นหน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ ข้างตลิ่งมีทางขึ้นลง พลันภาพในวัยเด็กอายุราว 10-…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เช้าตื่นขึ้นมา ราว 5 นาฬิกาเศษ เดินบริหารร่างกายลงบันได 10 ครั้ง ขึ้นบันไดโดยหลับตาอีก 10 ครั้ง ร่างกายรายงานว่า แสบจมูก แสบตา มองไปที่โค้งฟ้าทิศตะวันออก เป็นทุ่งนา สูงขึ้นไปอีกนิดเป็นถนนโค้งสายเชียงใหม่-สันป่าตอง ท้องฟ้าขมุกขมัว (ฟ้าหลัว)ไปทั่ว มันเป็นหมอกควันผสมฝุ่น สาเหตุมาจาก การเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเกษตรในฤดูฝน เผาเศษใบไม้กิ่งไม้ เผาขยะมูลฝอย ส่วนการเผาป่านั้น ต้องมีคนเผา คงไม่เกิดไฟลุกเองได้ อีกสาเหตุหนึ่ง คนเผาป่าเพราะเข้าใจว่า ถ้าไม่เผาผักหวานก็จะไม่แตกยอด เห็ดถอบ (เห็ดเผาะ) ก็จะไม่ได้กิน การเผาทุกชนิด ทำให้เกิดอากาศเสีย เรียกให้เป็นทางการว่า " มลพิษทางอากาศ "…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ปีแรกที่เป็นข้าราชการครู ผ่านมาได้ 30 ปีเศษ ได้ซื้อจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าขนาด 90 ซี.ซี.คันหนึ่ง สีแดงสดใหม่เอี่ยม นำออกจากร้านวันอังคาร โหราศาสตร์ถือว่าวันแรงไม่ดี ผมไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไร ขับไปให้พระผูกสายสิญจน์ที่วัดดับภัยกับน้อง ผูกเสร็จลองขับดู รถแฉลบกองทรายวัดเล็กน้อย น้องพูดว่า ไม่เป็นไรขับขี่ปลอดภัย พระก็สวดแล้ว สบายใจได้ ผมไม่ได้ซื้อเงินสด ต้องผ่อนรายเดือน ขับขี่โฉบเฉี่ยวได้ 22 วัน จำได้แม่นยำ เพราะรถถูกจี้บนดอยบ้านปง อำเภอแม่แตง จากปากทางเขื่อนแม่งัดเข้าไปราว 3 กิโลเมตร คนจี้ผิวขาว ตัดผมสั้นเกรียน ผ้าขาวม้าลายคลุมไหล่ รถผมกำลังลงดอย ต้องเบรกรถเล็กน้อย โดยวิ่งชิดทางด้ายซ้าย…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นึกถึงอำเภอ ที่เคยทำงาน มีเหตุใดให้ระทึก น่าจดจำ มองไปที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ก่อนแห่งอื่น ดินแดนแห่งสวนส้มสายน้ำผึ้ง ที่ลือชื่อระดับประเทศ เข้าตัวอำเภอมองไปทางทิศตะวันตก จะเห็นสวนส้มปลูกเป็นแถวเขียวไปทั้งดอย สวนส้มที่มีมากบอกถึงปริมาณยาที่ต้องใช้ฉีด พื้นที่อยู่ใกล้เคียงสวนส้ม เช่น โรงเรียน บ้านที่อยู่อาศัย คงต้องระมัดระวัง อำเภอฝางมีร้านอาหาร สถานบันเทิงมากมาย พื้นที่กว้างขวาง ประชากรมาก แต่ยังคงเป็นอำเภอ ไม่ได้เป็นจังหวัดจนบัดนี้ มีแม่น้ำฝางไหลขึ้นทิศเหนือ ผิดแผกแม่น้ำทั่วไปที่ไหลล่องใต้ แม่น้ำฝางไหลไปพบกับแม่น้ำกก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
จากนั้นเขาจะกลับลำเรือ กลางน้ำที่เชี่ยวจัด ช่วงนี้สำคัญ ต้องอาศัยความชำนาญ ให้กระแสน้ำปะทะข้างกราบเรือ โดยให้สัมพันธ์กับมุมเรือเลี้ยวกลับ รวมทั้งความเร็วการใช้พายบังคับเรือให้กลับตัว ไม่อย่างนั้นแล้วเรือจะพลิกคว่ำได้ จากนั้นล่องเรือตามกระป๋องล่าปลาที่ตัวโตและราคาดีที่สุดของแม่น้ำนี้ กระป๋องใดจมๆโผล่ๆ นั่นปลากินเบ็ดแล้ว รีบพายเรือไปคว้าขึ้นมา ปลาเต๊าะตัวโตเนื้อหนุ่มจะติดขึ้นมา ปลานี้แกงส้มผักบุ้งอร่อยมาก ได้มาก็นำมากินมาขาย ให้พ่อค้าแม่ค้าตลาดต้นลำไยข้างลำน้ำแม่ปิงนั่นเอง บางทีเขาก็มาซื้อที่บ้านพรานนักล่าปลา บางคนก็ทอดแหยามน้ำแห้ง บางคนใช้เศษไม้กิ่งไม้ มากองรวมกันในน้ำริมตลิ่ง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ย่างเข้าเดือนมีนาคม น้ำแม่ข่าเริ่มแห้งแล้ว สามารถกระโดดข้ามไปได้ น้ำกินน้ำใช้ที่อาศัยบ่อน้ำในหมู่บ้าน เริ่มแห้งเช่นกัน ถ้าตักน้ำบ่อใช้มากๆ มันจะแห้งเกือบขอดก้น
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมย้าย จากโรงเรียนในป่าในดอย มาอยู่โรงเรียนขนาดใหญ่ประจำอำเภอ จากโรงเรียนขนาดเล็ก 1 ชั้นมี 1 ห้อง มาเป็น 1 ชั้นมี 5 ห้อง นักเรียนโรงเรียนใหม่มีจำนวน 1,500 คน เกือบเต็มสนามฟุตบอลทีเดียว ครูมีถึง 30 กว่าคน มากคนก็มากเรื่อง เพียงเข้าประชุมโรงเรียนครั้งแรก ได้พบการประคารมระหว่างครูด้วยกัน 2 กลุ่ม และครูกับผู้บริหาร มันช่างดุเด็ดเผ็ดร้อน เหมือนขบพริกขี้หนูแตกถูกลิ้นสัก 4-5 เม็ด มีรสชาติจริงๆ ผมเป็นผู้มาใหม่ จึงได้เพียงฟัง เก็บข้อมูล ครูแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นฝ่ายอาจารย์ใหญ่ อีกกลุ่มค้านอาจารย์ใหญ่ ในเวลาต่อมา มีตัวแทนสองกลุ่มมาพูดคุยกับผม ด้วยอัธยาศัยที่ดี ชักชวนเข้ากลุ่ม…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ในปี 2546ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานที่ผมทำงานครั้งสำคัญ ซึ่งตรงกับรัฐบาลอดีตนายกฯทักษิณ (พ.ศ.2544-2548) มีการพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน ในระดับสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ เปลี่ยนจากการใช้เครื่องพิมพ์ดีด มาใช้คอมพิวเตอร์แทน บุคลากรในฝ่ายงานต่างๆ เช่น การเงิน หน่วยศึกษานิเทศก์ ต่างก็ยกเครื่องพิมพ์ดีดไปไว้ในห้องพัสดุบ้าง วางไว้บนตู้บ้าง ใครมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ก็ใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์หนังสือ เก็บข้อมูล ใช้ข้อมูล ใครใช้ไม่เป็นก็ต้องไปเรียน หรือเข้าอบรมตามโปรแกรมที่ต้องใช้ในการทำงาน เรียนจากเอกชนบ้าง เข้าอบรมตามโครงการของหน่วยราชการบ้าง มีเพียง 2-3 คนยังใช้เครื่องพิมพ์ดีด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
กุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก รอทักทายอยู่ข้างหน้า กลิ่นหอมของดอกกุหลาบสีสวยสด รวยรินชวนให้สัมผัส โลกคงอบอวลด้วยกลิ่นจรุงใจของเจ้า ใยหอมชื่นเพียงไม่กี่วันคืนเล่า นี่คือวันแห่งความรัก อยากรู้นัก รักคืออะไร
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ก่อนนอน ย่าผมจะเล่านิทานให้ฟังแทบทุกคืน บางครั้งท่านก็คงจะเบื่อที่เล่าเรื่อง “เสือเย็น” ซ้ำๆ กัน แต่ทนเสียงรบเร้าของผมไม่ไหว ก็เรื่องมันสนุกตื่นเต้นนี่ครับ เรื่อง “เสือเย็น” เกิดขึ้นที่วัดหมื่นสาร ในวัยเด็ก ผมอยากทราบเหมือนกันว่า วัดนี้อยู่ที่ใด มีวัดนี้จริงไหม แต่ไม่สามารถจะค้นหาได้ ด้วยมีข้อจำกัดหลายประการ เมื่อย่าเสีย เรื่อง “เสือเย็น” เริ่มจางไปจากความทรงจำ วัยมากขึ้นก็คิดถึงเรื่องอื่นสารพัด จนกระทั่งผมเกษียณ วันหนึ่งตรงกับวันที่ 3 มกราคม 2552 ผมขับรถผ่านวัดหมื่นสาร ย่านประตูหายยา จังหวัดเชียงใหม่ เห็นมีป้ายชื่อวัด ใต้ป้ายมีรูปปั้นวัวสีขาวตั้งอยู่ ขับรถเข้าไปในวัด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ย่านั่งบนพื้นบ้าน ซึ่งเป็นไม้ ใกล้กับหลายชายวัย 10 ขวบ เปลวไฟสีส้มจากโคมตีนสูง ส่องแสงให้เห็นลังสบู่ซันไลท์เปล่าวางอยู่ข้างหน้า “ย่าหาลังเปล่ามาให้แล้ว เห็นบ่นอยากได้นัก” “ย่าไปเอาที่ไหนมาล่ะ” ผมถาม ตามองดูลังไม้ที่ทำจากต้นจามจุรีวางตะแคง หันหน้าเข้าหาอย่างพอใจเต็มที่ ข้างในมันถูกแบ่งเป็นสองชั้น “ก็ไปขอร้านขายของปากซอยมา” ผมเปิดกระเป๋าหนังสือ หยิบหนังสือเรียนมาวางแถวล่าง สมุดแถวบน นี่ละตู้หนังสือชั้นดีของผม “รักจะเอาไว้หนังสือเรียน จะจัดหนังสือ สมุดตามตารางสอน ใส่กระเป๋าเป็นวันๆ สะพายมันจะได้เบาๆ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ในวัยเด็ก ผมปล้ำเล่นกับน้อง น้องชายอายุ 4 ขวบ ผมอายุ 7 ขวบ ผมปล้ำสู้ไม่ได้ น้องแข็งแรงมาก ผมอดขำหัวเราะไม่ได้ ผมปล้ำเจียนอยู่เจียนแพ้ จึงเปลี่ยนยุทธวีธี ใช้ลำตัวกดทับขาน้องให้แนบพื้นกระดานบ้าน ป้องกันการถีบสกัด ใช้มือทั้งสองจับข้อมือน้องชายกดไว้ น้องสะบัดหน้าไปมา แรงแกสม่ำเสมอ ผมอดหัวเราะไม่ได้ จนเผยอปากอวดฟันหลอ อดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงไปใช้จมูกหอมแก้มซ้าย 1 ฟอด น้องส่ายหน้าไปมาคงเขิน ผมหัวเราะชอบใจพูดว่า เก่งนักหรือ หอมแก้มขวาอีกฟอดแล้วปล่อย น้องลุกขึ้นยืนถ่างขา มือน้อยๆ กำเป็นรูปกำปั้นเตรียมสู้ต่อ แม่ทำอาหารหันมาเอ็ดว่า ทำอะไรกันเสียงดังลั่น ผมออกปากยอมแพ้แกจึงหยุด…