Skip to main content

เวลา 13.00 . เศษ
ผมจำได้ว่าเป็นวัน “มาฆบูชา” เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โรงเรียนปิด ผมไม่ได้ไปฝึกสอนที่โรงเรียนเทศบาลวัดเชียงยืน บอกก่อนว่า ผมเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครูเชียงใหม่
(มหาวิทยาลัยราชภัฏในปัจจุบัน) กำลังศึกษาในระดับ ป..(ประโยคครูประถม) หลักสูตรเรียน 1 ปี ขณะนี้อยู่ระยะฝึกสอน


ในช่วงภาคปลายปีการศึกษา หากฝึกสอนเสร็จก็จบการศึกษา ผมจำเพิ่มอีกว่า เป็น พ.. 2511 วันนั้นและเวลาดังที่กล่าวมา ผมกำลังเดินหิ้วก่องข้าวเหนียวด้วยมือขวา มือซ้ายถือถ้วยน้ำพริกแมงดาของโปรด มาวางบนเติ๋น (ห้องโถง) ฝาห้องด้านข้างเป็นลูกกรงโปร่งที่เป็นไม้ระแนง ตีพาดกันไปมาแนวตั้งและแนวนอนเป็นตารางรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดห้าคูณห้านิ้ว สามารถมองไปถนนหน้าบ้านได้เต็มที่ เห็นทุ่งหญ้าและหนองน้ำข้างถนน ไกลออกไปจากทุ่งหญ้า เห็นหลังคาสังกะสีของห้องแถวให้เช่า ยาวในแนวเหนือใต้ เหนือหลังคาห้องแถวเห็นฟ้าสีน้ำเงินสดใส ผมเดินไปห้องครัว มือถือขวดน้ำปลา ห่อข้าวเกรียบกุ้งแสนอร่อย กลับออกมาวางใกล้ก่องข้าว นั่งขัดสมาธิ เทน้ำปลาของชอบลงในถ้วยน้ำพริกแมงดาของโปรดอีกอย่าง ใช้ช้อนสังกะสีคนละเมียดละไมให้เข้ากัน น้ำลายในปากมีมากขึ้น ขยับปากกลืนน้ำลาย ตามองออกไปที่ท้องฟ้าเหนือหลังคาสังกะสีห้องแถวบ้านเช่า ฟ้ายังสดใสเป็นสีน้ำเงินดังเดิม ปั้นข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกแมงดา ตามด้วยข้าวเกรียบกุ้ง แคบหมูกรอบ มันอร่อยจริงๆ

ผมกินอย่างมีความสุขจนเกือบจะอิ่ม สายตามองไปข้างหน้า เห็นคนในหย่อมบ้านทำนั่นทำนี่ไปตามปรกติ บ้างยืนคุยกัน บ้างเดินไปปากซอยสู่ถนนราชวงศ์ ผมมองไปที่หลังคาห้องแถวบ้านเช่าอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ เห็นควันเป็นทางยาวลอยเหนือหลังคา ควันสีดำจางๆ ลอยทาบฟ้าสีน้ำเงินเห็นชัดเจน กะด้วยตาควันนี้ต้องอยู่ไกลมาก อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณโรงหนังศรีนครพิงค์ หรือไฟคงไหม้ที่ไหนสักแห่ง อาจเป็นโรงหนังศรีนครพิงค์ดังที่คิด สักครู่คงได้ยินหวอรถดับเพลิงวิ่งไปดับไฟ คงไม่มีอะไรร้ายแรง
...

พักหนึ่งมีคนที่ไปตลาดหรือผ่านย่านนั้น มายืนที่ถนนหน้าบ้านผม ส่งเสียงบอกคนที่รู้จักว่า “ไฟไหม้กาดหลวงๆ !” ประสาทผมตื่นตัวขึ้นมาทันที ตาเบิกมองไปที่ขอบฟ้า ควันไฟที่ท้องฟ้าเป็นสีดำเข้มหนาขึ้น มันลอยขึ้นรวดเร็วกว่าเดิม มีคนทยอยมาบอกข่าวไฟไหม้กาดหลวงอีกหลายคน ผมทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว เรียกหาพ่อ

ป้อ ! รักไปดูไฟไหม้ก่อนเน้อ !”

พ่อพยักหน้า กำชับอย่าดูให้ใกล้เกินไป ผมแต่งกายลวกๆ เดินสลับวิ่งไปกาดหลวงอย่างตื่นเต้นสุดขีด

 


ตั้งแต่ผมเกิดมา ไม่มีไฟไหม้กาดหลวง กาดหลวงเป็นกาดหลักที่ใหญ่ที่สุดของเชียงใหม่ ผมมาถึงประตูทางเข้าโรงหนังศรีนครพิงค์แล้ว ถนนช้างม่อยทอดผ่านไปยังกาดหลวง เจ้าของร้านสองฝั่งถนนกำลังตื่นตระหนกกับไฟที่กำลังลุกไหม้ คาดเดาไม่ถูกว่ามันจะลุกลามมาถึงร้านตน หรือถูกรถดับเพลิงฉีดน้ำดับไฟลงได้ก่อน ผมเดินไปตามทางเท้าของถนนช้างม่อย ไปทางทิศตะวันออกมุ่งสู่กาดหลวง ผมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ถนนสายนี้จะเลี้ยวขวา แล้วทอดยาวไปถึงสี่แยกอุปคุต และถนนนี้ยังอยู่กลางระหว่างกาดหลวงกับกาดต้นลำไย มีเชือกกั้นขวางถนน แสดงเขตบุคคลทั่วไปห้ามเข้า กลางถนนมีร่องรอยฉีดน้ำของรถดับเพลิง ผู้คนเดินกันไปมาพลุกพล่าน เห็นรถดับเพลิงคันหนึ่งจอดหน้าร้านอุดมผล เป็นร้านขายเครื่องเขียน พนักงานรถดับเพลิงช่วยกันถือสายฉีดน้ำ ฉีดน้ำพุ่งสูงขึ้นไปยังอาคารต้นเพลิง ที่อยู่ใกล้ร้านอุดมผลในตำแหน่งทิศใต้ ไฟลุกลามรวดเร็ว สายน้ำที่พุ่งจากรถดับเพลิงคันเดียว ไม่สามารถสกัดเปลวไฟสีส้มจัดที่ลุกลามรวดเร็วได้ ไฟลามไปตามอาคารร้านค้าที่อยู่ติดกัน และรุกไปยังด้านหลังของกาดต้นลำไย เสียงเปลวไฟลุกไหม้กลืนเชื้อไฟ เหมือนเสียงคำรามที่น่าหวาดหวั่น ผมไปยืนที่ขัวแตะใกล้ร้านวิศาลบรรณาคาร
(ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในปัจจุบัน) เสียงไฟไหม้ดังเปรี๊ยะๆ อย่างน่ากลัว มันลามขยายพื้นที่มาด้านหลังกาดต้นลำไย ถ้าไฟไหม้มักมีลมพัดเข้ามาผสม ทำให้ไฟลุกมากขึ้น พร้อมกับควันและสะเก็ดไฟ สังกะสีปลิวลอยในอากาศเหมือนแผ่นกระดาษบางเบา ผมขยับตัวกลัวมันจะบินมาทำอันตราย ย้ายมายืนตรงมุมถนน ตรงข้ามร้านวิศาลบรรณาคาร หูได้ยินเสียงไฟปะทุ เสียงขยับตัวของแผ่นสังกะสีแกรกกรากยามโดนไฟแผดเผา เสียงผู้คนเสียงพนักงานดับเพลิง เปลวไฟลามเลียตวัดไปมาเหมือนมีชีวิต รถดับเพลิงวิ่งเข้ามาเพิ่มอีกหลายคัน แต่สายไปเสียแล้ว สายน้ำที่ฉีดแรงเป็นลำยาว ไม่ทำให้เปลวไฟลดระดับลงเลย สายน้ำที่กระโจนเข้ากองไฟ มันพุ่งเข้าไปแล้วหายเงียบ มันเหมือนปืนฉีดน้ำเด็กเล่นยามสงกรานต์เช่นนั้น เปลวไฟฝั่งกาดต้นลำไยตรงจุดต้นเพลิง เอนข้ามฝั่งไปหาอาคารฝั่งกาดหลวง เปลวไปลามเลียเหมือนสัตว์ร้าย ไฟลามติดกรอบหน้าต่างที่เป็นไม้ก่อน แล้วจึงลามไปส่วนอื่น พนักงานดับเพลิงพยายามฉีดน้ำสกัด แต่ต้านไม่ไหว ร้านขายสินค้าที่อยู่ใกล้ ต่างพากันขนของหนีไฟอย่างตื่นตระหนก มีคนเข้ามาช่วยขนของทั้งหวังดีและหวังร้าย

 


หวังดีโดยช่วยขนของอย่างไม่ฉกฉวยขโมยของ บางรายได้โอกาสขโมยของไปด้วย เช่น ร้านทอง ร้านแขกขายผ้า สี่ล้อ สามล้อ ฯลฯ นายห้างจ้างสามล้อถีบขนผ้าที่เป็นพับไปส่งที่บ้านหรือโกดัง ขึ้นรถสามล้อ 3 คัน ลูกเจ้าของร้านนั่งไปด้วยหนึ่งคัน รถสามล้อส่งถึงที่ 2 คัน หายไร้ร่องรอย 1 คัน ร้านทองมีคนเข้าไปจะช่วยขน ขณะที่เถ้าแก่เจ้าของร้าน ลูกชายลูกสาว กำลังช่วยกันขนสร้อยแหวน กำไล


ไม่ต้องช่วยขนๆ ! อั้วกับลูกๆ ช่วยกันได้ !” เถ้าแก่ส่งเสียงโล้งเล้งพร้อมกับโบกไล่มือคนที่ฮือเข้าไปช่วย ตาแกกวาดไปมาอย่างหวาดระแวง

เตี่ย ! เอาของใส่ถุงแล้วจะเอาไปไว้ไหน ?”ลูกชายวัยหนุ่มถาม

เอาไปฝากตำรวจแม่ปิงไว้ก่อน เร็วๆ หน่อยโว้ย” เถ้าแก่เร่งมือขนสินค้ามูลค่าสูงของแก

ใส่ถุงแล้ว ลื้อกับหมวย ขนของไปโรงพักแม่ปิง ให้หมวยมันเฝ้าไว้ ส่วนลื้อกลับมาช่วยเตี่ย เข้าใจไหม ?”

 


ทองที่ขนไม่ทันถูกไฟเผาไหม้ละลายปนไปกับเศษขี้เถ้า ร้านอื่นก็เช่นกัน ไฟยังคงคุอยู่ ไม่ดับสนิทเสียทีเดียว

ได้ยินเสียงเครื่องบิน บินผ่านเหนือกองไฟที่กำลังเผาผลาญกาดหลวง กาดเก่าแก่ของเชียงใหม่ ทราบข่าวจากปากต่อปาก เครื่องบินจะทิ้งระเบิดเคมีเพื่อดับไฟ แต่เกรงประชาชนที่กำลังโกลาหล จะได้รับอันตราย จึงได้เลิกล้มไป ไฟกลับลุกไหม้ขึ้นมาอีก รถดับเพลิงต้องคอยฉีดน้ำเลี้ยงไว้เตลอดเวลา น่าแปลกใจ ไฟไม่ได้ลุกลามข้าม “ตรอกเล่าโจ๊ว” (ตรอกข่วงเมรุ) ไปเผาไหม้ “ศาลเจ้าพ่อกวนอู” ได้เลย ยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ มีคนไปกราบไหว้สักการะมากขึ้น

 

หนังสือพิมพ์คนเมือง

ราคาฉบับละ 1 บาท รายงานว่า ไฟไหม้กาดหลวงเสียหายประมาณ 100 กว่าล้านบาท พ...นิรันดร ชัยนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ขณะนั้นแจ้งว่า ต้องสร้างตลาดใหม่โดยเร็ว ผมตรวจดูจากปฏิทิน 100 ปี ได้พบหลักฐานระบุว่า ไฟไหม้กาดหลวง (ตลาดวโรรส) ตรงกับวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2511 เป็นวันมาฆบูชา เวลาราว 13.00 .

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อบิดาสาวทราบ จึงมอบไข่จำนวนหนึ่งให้ชายหนุ่ม และให้รีบกลับบ้านโดยเร็ว ทันใดนั้น ได้ยินเสียงม้าวิ่งดังก้องมาแต่ไกล เป็นเสียงผีม้าบ้อง ซึ่งได้ไปเลียซากหัวควาย จึงได้ลิ้มรสพริกแต้อันเผ็ดร้อน มันจึงรู้ว่าเพื่อนแกล้ง ชายหนุ่มรีบลงเรือนสาว วิ่งกลับบ้านโดยเร็ว โดยมีผีม้าบ้องวิ่งไล่ตามไปติดๆ เมื่อเกือบทัน ชายหนุ่มก็โยนไข่ให้ 1 ฟอง ผีม้าบ้องก็หยุดเลียกินไข่ที่ตกแตกบนพื้นดิน ชายหนุ่มก็วิ่งห่างออกไป เหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ทุกระยะ เมื่อไข่หมดก็ถึงบ้านพอดี วิ่งขึ้นบ้านแล้วก็กลับบันได ตามคำแนะนำของบิดาสาว ผีม้าบ้องมาถึง มันพูดว่า ‘ เรือนใช่ บันไดบ่ะใจ่…’ ชายหนุ่มได้ยินเสียงม้าร้อง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ครูที่เราเคารพศรัทธา มีตั้งแต่อนุบาลถึงมหาวิทยาลัย ท่านเป็นครูทั้งการสอนและความประพฤติ ใครหนอเป็นครูคนแรก ตอบได้เลยว่าพ่อแม่ พ่อแม่บางคนทันสมัย ได้ทราบถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวว่า เด็กสามารถเรียนรู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา มีการอ่านหนังสือให้เด็กฟังขณะอยู่ในท้องแม่ เป็นการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เด็กจะมีการพัฒนา เช่น ด้านภาษา กล้ามเนื้อ อารมณ์ ฯลฯ
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ควันจะฟังรู้เรื่องหรือไม่มิอาจยืนยันได้ แต่เด็กๆอย่างพวกเรา มักจะพูดอย่างนี้ทุกคน มันได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง บางครั้งว่าแก้เคล็ดแล้ว ย้ายที่นั่งผิงแล้ว ไฟยังตามรังควานไม่เลิก แสบจนต้องหลิวตาเบนหน้าหนี ยุคสมัยนั้น แต่ละบ้านจะมีการนั่งผิงไฟยามกลางคืน ส่วนใหญ่หย่อมบ้านยังใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด โทรทัศน์วิทยุยังไม่มี บ้านใครมีวิทยุใช้ถ่าน ถือว่าเยี่ยมยอด ทันสมัย ดังและเท่ ใครมักพูดถึงเสมอ วิทยุต้องใช้ถ่านเป็นลังทีเดียว วิทยุนี้จะมีหลอดตัวเร่งเสียงให้ดัง จึงได้เกิดสำนวนเปรียบเปรยคนพูดเสียงดังว่า “อู้ดังเหมือนวิทยุ 8 หลอด”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ใกล้ประตูบ้านอู๊ด เห็น “อุ๊ยลอย” ยายของอุ๊ด กำลังใช้ปลายนิ้วหมุนกระบอกข้าวหลาม กลับไปมาตามราวเหล็กเหนือกองถ่านแดง ราวเหล็กสำหรับผิงกระบอกข้าวหลามมีสองด้านขนานกัน ถ่านแดงๆกองอยู่ระหว่างราวทั้งสองนี้ กองถ่านแดงๆจะส่งความร้อนให้กระบอกข้าวหลามทั้งสองแถว แม่ของอุ๊ดเป็นลูกสาวของอุ๊ยลอย อุ๊ยลอยอายุ 60 กว่าปีไล่เลี่ยกับอุ๊ยคำของผม แต่ก็ยังขายข้าวหลามเลี้ยงตนเอง ผมวิ่งขึ้นบันไดไปหาอุ๊ยคำ กอดเอวอุ๊ยแล้วเหนี่ยวไหล่ลงมา กระซิบที่หูของตังค์ 1 บาท บอกจะไปซื้อข้าวหลาม “กิ๋นข้าวเจ้าแล้ว ยังบ่ะอิ่มเตี้ยกา ?” อุ๊ยบ่นแต่มือล้วงเข้าไปใต้เสื้อกันหนาว…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ทำตามอุ๊ยบอก เดินลงบันได สวมรองเท้าแตะที่เย็นเล็กน้อยมานั่งก้อม (ม้านั่งเตี้ย) ข้างกองไฟ เจ้านากคงนอนต่อไป ปีกจมูกสีดำชื้นๆขยับขึ้นลง แสงแดดอ่อน ค่อยสาดส่องลอดใบไม้กิ่งไม้สู่ลานบ้าน ความหนาวเยือกถูกเทพแห่งความร้อนรุกไล่ เสียงอุ๊ยตะโกนจากบนบ้าน ให้ผมปัดกวาดสาดแหย่ง (เสื่อที่ทอจากผิวคล้า คือกกชนิดหนึ่ง) ที่ปูบนตั่ง (ที่สำหรับนั่ง ไม่มีพนัก อาจมีขาหรือไม่มีขาก็ได้) ให้สะอาด ตั่งนี้อยู่ข้างรั้ว ห่างจากกองไฟเล็กน้อย สักครู่อุ้ยถือถ้วยมายืนที่ตีนบันได เรียกผมให้ไปรับ ผมสาวเท้าไปหา อุ๊ยบอกว่า “แกงผักขี้หูด” ใส่ปลาแห้งมันร้อน ให้ถือย่างระมัดระวัง อีกถ้วยใส่แคบหมูกรอบๆขนาดชิ้นละคำน่ากิน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ปีนี้หนาวเหน็บจนคางสั่น ฟันกระทบกันดังกึกๆ วิทยุรายงานว่า หนาวที่สุดในรอบ 30 ปี ผมวัย 10 ขวบกับอุ๊ยคำ (มารดาของพ่อหรือแม่)เข้านอนแต่หัวค่ำ ไม่ได้มาหิง(ผิง)ไฟข้างรั้วเหมือนทุกคืน พ่อแม่ผมที่อยู่อีกหลังหนึ่ง มานั่งหิงไฟสักพัก พ่อได้ส่งเสียงถามอุ๊ย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เวลา 13.00 น. เศษ ผมจำได้ว่าเป็นวัน “มาฆบูชา” เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โรงเรียนปิด ผมไม่ได้ไปฝึกสอนที่โรงเรียนเทศบาลวัดเชียงยืน บอกก่อนว่า ผมเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครูเชียงใหม่ (มหาวิทยาลัยราชภัฏในปัจจุบัน) กำลังศึกษาในระดับ ป.ป.(ประโยคครูประถม) หลักสูตรเรียน 1 ปี ขณะนี้อยู่ระยะฝึกสอน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อาจารย์ชูชัย อธิบายตัวอย่างพีชคณิตบนกระดานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ท่านหันมามองพวกเราสลับกับการบอกความเป็นมา เมื่อได้คำตอบของโจทย์แล้ว ท่านโยนเศษชอล์กกะให้ลงในกล่อง มันลงกล่องได้พอดิบพอดี เป็นครั้งแรกในการโยนราวสิบกว่าครั้ง ท่านยิ้มพอใจในผลงาน ขยับแว่นตานิดหนึ่ง หันมามองพวกเราอีกครั้ง “แค่นี้แหละ...เข้าใจไหม ? ใครไม่เข้าใจตรงไหนถามได้”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
หัวมะพร้าวถูกมีดสับเป็นฝาเล็กๆ เราใช้มือง้างออก เสียบหลอดดูดจากแม่ค้าลงไป กลิ่นหอมมะพร้าวเผาเข้าจมูกขณะเราก้มลงดูดน้ำมะพร้าวแสนหอมและหวาน เราแบ่งกันดูด พอน้ำหมด เราจะใช้นิ้วมือหยักเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆมาชิมก่อน จับมะพร้าวทั้งลูกทุบลงกับพื้นหินผ่าเสียงดังโป๊ะๆ จนกะลาแตก เราใช้มือทั้งสองดึงง้างให้กะลาแยกเป็นสองส่วน เนื้อมะพร้าวที่ล่อนไม่ติดกับผิวข้างใน จะปรากฏเป็นผลกลมให้เราได้ลองลิ้ม เนื้อมันมันนุ่มหอมเหมือนน้ำมะพร้าว ถ้าเป็นมะพร้าวแก่เนื้อจะหนา เนื้อจะบางถ้ามะพร้าวหนุ่ม กะลาที่กินหมดแล้วเราโยนเข้าป่าเพราะไม่มีถังขยะ ในน้ำใสยังมีกะลาถูกทิ้งลงไปหลายแห่ง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าร้านนี้ ผมกินประจำ จะปั่นรถถีบ “ราเล่ห์” (RALEIGH) สีเขียวคู่ใจมาซื้อกินเสมอมา ซื้อไปกินกับข้าวเหนียวที่บ้านอร่อยมากครับ ไม่ใช่กินแบบประหยัด สาเหตุหนึ่งคงมาจากถูกสอน อะไรๆก็กินกับข้าวเหนียว เราเดินผ่านร้านนี้มาแล้ว แต่เสียงตะหลิวสัมผัสกระทะขณะผัดก๋วยเตี๋ยว ยังดังตามหลังเรามาแล้วห่างหายไป แต่ภาพเส้นราดหน้าขนาดขนาดใหญ่ ที่ถูกจับวางบนแผ่นวัสดุใส่ ซึ่งรองด้วยกระดาษหนังสือชั้นล่างสุด เจ้าตี๋คนผัดฝีมืออันดับหนึ่งของร้าน ใช้กระบวยตักน้ำราดหน้า ที่มีเนื้อหมูชิ้นหวาน คละเคล้าผักคะน้าคลุกน้ำขุ่นข้น ถูกเทราดลงบนเส้น…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ห้างตันตราภัณฑ์ เป็นร้านขายของที่ดังที่สุดของเชียงใหม่ขณะนั้น ใครซื้อสินค้าจากร้านนี้ถือว่าคุณภาพเยี่ยมแต่ราคาค่อนข้างแพง สินค้าขายมีนานาชนิด เช่น เสื้อกันหนาว เสื้อ กางเกง รองเท้า น้ำหอม เครื่องใช้ไฟฟ้า นาฬิกา แว่นตา ของเล่นเด็ก ฯลฯ พวกเราเดินกันไปจนสุดถนนท่าแพ มองข้ามถนนไปตรงหน้า จะเห็นประตูท่าแพ พวกเรานักเที่ยววัยรุ่นผู้ชอบเที่ยวแบบประหยัด เลี้ยวซ้ายตามกันไปเป็นพรวน เดินไปไม่กี่ก้าวจะถึงโรงหนังสุริวงค์ พาเหรดเข้าไปในโรงหนัง กระจายกันดูหนังแผ่นตามแผงที่ติดรูป โดยมีกระจกปิดอีกชั้น เป็นภาพโปรแกรมหนังที่ฉายในวันนี้ และโปรแกรมต่อไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา “เจียงใหม่” ครั้งกระนั้นเป็นอย่างไร อยากฉายภาพให้คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันได้รับรู้ อยากเล่าเรื่องราวที่ผมได้พบเห็น ได้โลดแล่นบนแผ่นดินนี้ ได้เดินไปมาบนถนน ได้หายใจได้สัมผัส และยังเหลือร่องรอยเค้าเดิม มากบ้างน้อยบ้าง ให้ผู้คนในวันนี้ได้มองเห็นบ้านเรือน ถนนหนทาง สะพานนวรัฐ เจดีย์กิ๋ว เจดีย์หลวง ประตูท่าแพ ดอยสุเทพ ห้วยแก้ว ฯลฯ วัฒนธรรมอันดีงามของคนเมือง ทั้งยังสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่นานกับปัจจุบันได้ โดยสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ สิ่งตีพิมพ์เก่าได้ไม่ยากนัก