Skip to main content

 

 

ควันจะฟังรู้เรื่องหรือไม่มิอาจยืนยันได้

แต่เด็กๆอย่างพวกเรา มักจะพูดอย่างนี้ทุกคน มันได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง บางครั้งว่าแก้เคล็ดแล้ว ย้ายที่นั่งผิงแล้ว ไฟยังตามรังควานไม่เลิก แสบจนต้องหลิวตาเบนหน้าหนี ยุคสมัยนั้น แต่ละบ้านจะมีการนั่งผิงไฟยามกลางคืน ส่วนใหญ่หย่อมบ้านยังใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด โทรทัศน์วิทยุยังไม่มี บ้านใครมีวิทยุใช้ถ่าน ถือว่าเยี่ยมยอด ทันสมัย ดังและเท่ ใครมักพูดถึงเสมอ วิทยุต้องใช้ถ่านเป็นลังทีเดียว วิทยุนี้จะมีหลอดตัวเร่งเสียงให้ดัง จึงได้เกิดสำนวนเปรียบเปรยคนพูดเสียงดังว่า “อู้ดังเหมือนวิทยุ 8 หลอด”

ความมืดโรยตัวครอบคลุมหย่อมบ้าน

เห็นแต่เปลวไฟสีเหลืองในความมืด ที่บ้านนั้นบ้านนี้ บ้านพ่อหน้อยหลังถัดไปทางทิศตะวันตก เห็นยืนเปิดผ้าขาวม้าที่นุ่งแทนกางเกง ให้ความร้อนแผ่เข้าไปใต้ร่มผ้า ครู่หนึ่งได้ยินเสียงไอโขลกๆขึ้นบ้านไป แว่วเสียงคนเดินผ่านกอง(ซอย) ข้างบ้าน เป็น “น้าสม” หลานของพ่อหน้อย อุ๊ยส่งเสียงทักทาย


ไปไหนมา? แวะมาหิงไฟก่อนก่า”

ไปแอ่วหาไอ่ทอนมาครับอุ๊ย” น้าสมเดินย้อนเข้าบ้านมาหา

จวนกั๋นไปไหนกา ไอ่สม?” คำว่า “ไอ่” นั้นเป็นภาษาภาคเหนือ เป็นคำนำหน้าชื่อที่ผู้มีอายุมากกว่า ใช้เรียกผู้ที่อายุอ่อนกว่า

ก็...จะจวนมันไปทอดแห ตี้น้ำแม่ข่า ในวันพรุ่งนี้”

อุ๊ยหยิบก้อมให้อ้ายสมนั่ง พอดีได้ยินเสียงแม่ของอู๊ด แม่ของเพื่อนผม ส่งเสียงตะโกนเรียกดังมาก แหวกอากาศและความมืดจากบ้าน กระจายเสียงไปรอบทิศทาง

ไอ่อู๊ดๆๆๆ...!”

อุ๊ดลุกขึ้น อุ๊ยบอกให้รีบกลับได้แล้ว แม่ของอู๊ดจะมีวิธีตามหาลูก โดยส่งเสียงกระจายรอบทิศทาง

ข้ามบ้าน 3-4 หลังอย่างนี้เสมอ เป็นวิธีการไม่เหมือนใครในหย่อมบ้านนี้ พ่อแม่ผมลงมาสบทบ ผู้ใหญ่คุยกันหลายเรื่อง ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง จนมาถึงเรื่องที่ผมสนใจยิ่ง เพราะฟังครั้งใด มันมีรสชาติ ตื่นเต้นน่ากลัว ระทึกใจแต่ยังชอบฟังทุกครั้ง เฉลยได้เลยเป็นเรื่องผี


อุ๊ยถามน้าสม

เดินไปไหนค่ำๆ มืดๆ บ่ะกลัวผีม้าบ้องกา?”

ก็...กลัวเหมือนกั๋น แม่คำ อู้ไอ่ทอน 2-3 คำ ผมก็ฟั่งปิกบ้าน” น้าสมบอกความรู้สึก

ผีม้าบ้องเนี่ย เปิ้นเล่ากันว่า มันเป็นบ่าวเฒ่า หรือปู๊จายโสด

เมื่อตายแล้ววิญญาณจะเป็นผีม้าบ้อง” พ่อผมพูดขึ้นบ้าง

สมัยป้ออุ๊ยแม่อุ๊ยของแม่คำ เปิ้นเล่าว่า ผีม้าบ้องเป็นคนธรรมดานี่เอง แต่ถูกวิญญาณม้าเข้าสิง ในเวลากลางคืนจึงแปลงเป็นม้า ใกล้แจ้งก็กลายเป็นคน” อุ๊ยคำเพิ่มเติม


คนเฒ่าคนแก่เล่าต่อกันมาว่า ผีม้าบ้องมีรูปร่างเหมือนม้า ชอบออกหากินเวลากลางคืน โดยชอบขโมยไข่ไก่ไข่เป็ดของชาวบ้าน บางทีก็หากินซากสัตว์ตามทุ่งนา มันชอบซากสัตว์แห้ง มีกลิ่นเหม็นสาบ หัวควายแห้งชอบเป็นพิเศษ ถ้าพบมันจะเข้าไปเลียและแทะกินเนื้อ” แม่ผมเผยเรื่องราวที่ได้ยินมาให้ฟังบ้าง

รูปร่างมันเป็นอย่างใด แม่ ?” แม่ผมถามอุ๊ยคำบ้าง

เปิ้นว่า มันเป็นคนครึ่งม้า...มันเป็นอย่างนั้นแต้กา? ไอ่สม” อุ๊ยคำไม่แน่ใจ

ผมก็ได้ยินป้ออุ๊ย (บิดาของพ่อหรือแม่) ผมบอกอย่างนั้น ป้ออุ๊ยว่า ตัวมันเป็นคน หัวเป็นม้า...มันเล่าต่อๆกั๋นมา มีหลายแบบ ป้ออุ๊ยยังบอกวิธีช่วยตัวเอง เวลาผีม้าบ้องมันไล่ตามหลัง”

เอ่อๆ...ลองเล่าหื้อแม่คำฟังหน้อยเต้อะ”

ป้ออุ๊ยเล่าว่า มีชาย 2 คนเป็นเพื่อนกัน คนหนึ่งเป็นผีม้าบ้อง อีกคนเป็นคนปรกติ ทั้งสองชอบไปแอ่วอู้สาว (เกี้ยวสาว) ด้วยกันในเวลากลางคืน บ้านหนึ่งมีลูกสาวสวย ทั้งสองจะพากันไปแอ่วอู้สาวทุกคืน การเดินไปมักจะต้องผ่านทุ่งนาเสมอ มีคนเอาซากหัวควายแห้งไปทิ้งไว้ เมื่อทั้งสองเดินผ่านทุ่งนา ชายที่เป็นผีม้าบ้อง จะขอแวะปัสสาวะตรงที่มีซากหัวควายแห้งทุกครั้ง และบอกให้เพื่อนเดินล่วงหน้าไปก่อนเสมอ ทำให้ชายคนธรรมดาสงสัย จึงแอบดูถึงที่ พบว่าเพื่อนของตนกำลังเลียซากหัวควายและแทะกิน คืนต่อมาชายคนธรรมดาได้เอาพริกแต้ (ขี้หนู) ตำแล้วไปทาซากหัวควายไว้ล่วงหน้า เพื่อพิสูจน์ว่า เพื่อนเป็นผีม้าบ้องหรือไม่ ต่อจากนั้นได้ไปรอเพื่อนที่บ้านสาว และได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้บิดาสาวฟัง

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
                                                            
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง