ภรรยาบอกว่า
ควรใช้แผนสอง หาผู้มาปราบมัน ก็ต้องหาแมวมาปราบหนู ศัตรูคู่อาฆาตแห่งเผ่าพันธุ์ ผมไม่ตอบรับแผนนี้ เพราะไม่ชอบแมว ไม่ชอบมากเสียด้วย แต่เจ้าหนูที่แสดงการคุกคามรบกวนทุกๆคืน ทำให้ผมต้องเงียบไม่คัดค้าน เมื่อภรรยานำลูกแมวสีดำอกขาว เท้าขาวทั้งสี่เท้า เหมือนสวมถุงเท้าขาวไม่เท่ากัน เธอนำมาเลี้ยงข้างห้องครัว ขังมันไว้ในบ้าน เธอหากะละมังสีดำมาใบหนึ่ง รองก้นกะละมังด้วยทราย ทำไว้ให้แมวถ่าย อาหารวางไว้ใกล้ แมวโตวันโตคืน กลิ่นฉุนจากปัสสาวะอุจจาจาระแมวรุนแรงขึ้นทุกวัน รบกวนผมเล็กน้อยจนผมบ่น ภรรยาจัดการย้ายกะละมังไปไว้ในห้องครัว เกิดปัญหากับการประกอบอาหาร ผมจึงยอมให้ย้ายมาอยู่ที่เดิม
แมวโตขึ้นอีก
คงราวเด็กวัยรุ่น มันคงเล็กเกินจะจับหนู เสียงหนูกุกกักเริ่มเบาบาง ผมคิดใคร่ควาญ หรือมันได้กลิ่นแมว หรือมันเห็นแมวจึงหลบลี้หนีหายเพราะกลัว ผมเริ่มมองมันด้วยสายตาเป็นมิตรมากขึ้น เจ้าเหมียวเริ่มแสดงผลงาน จากงานเล็กๆไต่ขึ้นสู่งานใหญ่ตามลำดับ เริ่มจากจับแมลงสาบตัวเล็กๆก่อน เลื่อนขั้นไปจับจิ้งจกตามฝาผนัง พื้นห้อง ฝาห้อง เพดาน ผมบันทึกผลงานของมันในใจอย่างสม่ำเสมอ และรอคอยผลงานชิ้นสำคัญที่จะมีให้ได้ยิ้ม
อีกนั่นแหล่ะ
เจ้าเหมียวก็มีเส้นทางชีวิตของมัน มันเริ่มเป็นหนุ่ม มักออกเที่ยวกลางคืนไกลบ้าน ไปในที่มีตัวเมียอยู่ หายตัวไปแทบทุกคืน เริ่มแรกไปไม่นานก็กลับ ต่อมาหายไป 2 วัน 2 คืน ภรรยามีความผูกพันกับมันมากขึ้น เพราะเลี้ยงมันตั้งแต่เล็กๆ เธอจะบ่นหามัน มีอาการเหงาเมื่อเจ้าเหมียวหายไปนาน เธอตามหามันไปทั่วหมู่บ้าน ผมพลอยช่วยตามหาไปด้วย ยามมันอยู่ผมก็เฉยๆ พอไม่เห็นมันก็คิดถึง เป็นห่วง เกรงมันจะได้รับอันตราย อาจถูกทำร้าย ถูกฟันหรือถูกวางยา บอกภรรยาว่า หากมันไม่กลับมาในเย็นวันที่ 2 ให้ตัดใจได้ว่ามันถูกฆ่าแน่นอน หาลูกแมวตัวใหม่มาเลี้ยงได้...ที่สุดมันก็กลับมาท่าทางอ่อนเพลียหิวโซ ภรรยารีบเข้าอุ้มดีอกดีใจ หาอาหารให้มันกิน เช่น ปลาหมึก ปลากระป๋อง อาหารเม็ด พูดลูกๆแม่ๆเสียงสั่นกับมัน
อีกไม่นาน
มันหายไปอีก คราวนี้หายไป 3 วัน 3 คืน แต่มันก็กลับมา ผมกับภรรยาหารือกันว่า ต้องแก้ไขเรื่องนี้ โดยป้องกันก่อนมันจะหายไปนานกว่านี้ หรือหายจ้อยไม่กลับมาเลย...จับมันใส่ถุงแล้วรูดเชือกปิดปาก หิ้วไปหาสัตวแพทย์ที่คลินิกสันป่าตอง ถ้าอุ้มไปมันตื่นคนตื่นรถ มันอาจอาจจะข่วนเราได้ เป็นการทำตามกูรูเกี่ยวกับแมวแนะนำ บอกหมอให้ตอนมันซะเลย ค่าตอน 500 บาท ผมอุ้มมันนอนตะแคงบนเตียง หมอฉีดยาสลบเข้าตรงสีข้าง มันร้องเหมียวดิ้นแสดงอาการเจ็บ ผมกับภรรยาไม่กล้าดูต่อ มานั่งม้ายาวรอนอกห้องผ่าตัด.
บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
หากไม่ย้ายเมืองหลวง
คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป มาในแนวสู้ไม่ถอย ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท แรงงานว่างงาน 7-9.2 แสนคน และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม ในวงเงินประมาณ 7.56 แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ประเทศแรก
ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ในอดีต
มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค ลองไล่ตามลำดับ
เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486 บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อมาในในสมัยรัฐบาล พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา พอมาถึงยุคท่านสมัคร สุนทรเวช เจ้าของวลีเด็ดๆ เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ อะไรกันนักหนา ฯลฯ” ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
การย้ายเมือง
มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ ดังเช่น เมืองลำพูนในอดีต ในปี พ.ศ. 1490 เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก ผู้คนล้มตายมากมาย ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี” คือเมืองสะเทิม ประเทศรามัญหรือมอญ และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม
เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง
ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้
1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่
2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่
3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…