วันนี้ขับรถยนต์
จากบ้านทุ่งแป้ง อำเภอสันป่าตอง เวลา 7.32 น หมอนัดตรวจตา ที่โรงพยาบาลสวนดอก(มหาราช) เชียงใหม่ เป็นช่วงเวลาเร่งรีบของทุกคน บ้างรีบไปทำงาน บ้างรีบไปเรียนหนังสือ ถนนจึงมากมายด้วยรถรา พอวิ่งเข้าเขตตัวอำเภอสันป่าตอง รถเริ่มติด และติดหนาแน่นขึ้นเมื่อวิ่งเข้าเขตอำเภอหางดง เริ่มเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ รถจักรยานยนต์วิ่งกันหวาดเสียว วิ่งเร็ว แซงซิกแซกซ้ายขวา รถวิ่งเลียบตามคูเมืองด้านนอก ไปช้าๆ ผ่านหน้าโรงพยาบาลสวนดอกแล้ว เคลื่อนตัวช้ามาก ถนนมีเท่าเดิม รถมากขึ้นทุกๆวัน อนาคตพอมองเห็น คงเหมือนกรุงเทพฯแน่นอน
นำรถไปที่จอดรถของโรงพยาบาล ซึ่งอยู่หลังปั้มน้ำมัน รถจอดแน่นเอี๊ยดบนเนื้อที่ราว 7-8ไร่
วิ่งวนหาที่จอด จอดมันกลางแดดเสียเลย วันนี้นับว่าจังหวะดี มีที่ให้จอด ทุกครั้งต้องไปฝากจอดที่โรงแรมม่านรูด ที่อยู่ใกล้ๆ ค่าจอดคันละ 50 บาท ใครๆก็ไปฝากกัน ครั้งนั้น พอผมขับรถแวบเข้าไปจอด โดยมีภรรยานั่งข้างๆ พนักงานวิ่งเข้ามาหารวดเร็ว มือถือขวดน้ำดื่ม
“ ต้องการน้ำดื่มไหมครับ ?”
ผมนิ่งคิดแวบหนึ่ง ตอบไปโดยเร็ว
“ ผมมาหาหมอที่โรงพยาบาล ไม่ได้มาใช้บริการห้องหรอก.”
ผมต่อรถบริการ
ของโรงพยาบาลอีกทอดหนึ่ง เป็นบริการฟรีแก่คนไข้ รถส่งที่ตึกศรีพัฒน์ เราทั้งคู่ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 7 แผนกตา ยื่นบัตรหมอนัดให้นางพยาบาลจุดที่ 1 กวาดตาดูรอบๆห้อง คนนั่งเต็มพรึบ หาที่ว่างแสนยาก สักครู่นางพยาบาลเรียกพบ วันนี้เร็วกว่าทุกครั้ง เธอถามว่า แพ้ยาอะไร ? เป็นโรคประจำตัวไหม ? โรคอะไร ? และใช้สิทธิอะไรเบิก เช่น บัตรทอง หรือเบิกตรง แล้วกรอกข้อมูลในแผ่นเอกสาร ยื่นให้ผมนำไปรอตรวจสายตาในจุดที่ 2 ที่จุดนี้มีแผ่นกระดาษใหญ่ 2 แผ่นติดกับผนังตรงหน้า ห่างออกไปราว 5 เมตร แผ่นซ้ายมือมีตัวเลขเรียงลงมาเป็นบรรทัด จากใหญ่ลงมาเล็ก ทางขวามือเป็นตัวอักษร แบบเดียวกัน คล้ายกับการวัดสายตาก่อนที่ร้านจะตัดแว่นสายตาให้เรา บุรุษพยาบาลกรอกผลการตรวจลงในแผ่นเอกสาร ยื่นคืนให้ ราว 1 นาที่ก็เสร็จ ผมนำแผ่นเอกสารมายื่นให้นางพยาบาลจุดที่ 3 เธอรับไว้ บอกให้ไปนั่งรอที่ม้ายาว ณ บริเวณจุดที่ 4 เพื่อรอเรียกตรวจต่อไป ที่มาตรวจตาเพราะผมมีอาการผิดปรกติ มีแสงแวบๆข้างตาซ้ายในเวลากลางคืน คล้ายประกายฟ้าแลบ มันจะแวบ 2 ครั้ง หากมองดูภาพข้างหน้า เหมือนมีเยื่อบางลอยในกระจกตา ตาสำคัญมากจึงต้องรีบมาตรวจ เหมือนพ่อแม่มักพูดว่า “รักลูกๆหลานๆดังแก้วตาดวงใจ”
นั่งรอหมอเรียกตรวจ
โดยไม่รู้กำหนดว่า จะได้ตรวจช้าหรือเร็ว ภาคเช้าหรือบ่าย ถ้าช่วงบ่าย เป็นบ่ายกี่โมง เป็นการรอคอยที่ยาวนาน รอและรอไปเรื่อยๆ มีคนนั่งรอม้ายาวตรงกลางแน่น หาที่ว่างยากมาก ม้ายาวติดผนังนั่งขาเรียงติดกัน ผมมาตรวจหลายครั้ง พอจะรู้ข้อมูลว่า ผู้ที่นั่งรอหมอตรวจเหล่านี้ จะเป็นคนไข้จริงราว 1 ใน 3 ของทั้งหมด อีก 2 ใน 3 ส่วนเป็นผู้มาส่งคนไข้ มักเป็นลูกหลานมาส่งพ่อแม่ บางทีเป็นพ่อแม่ที่ยังหนุ่มสาวมาส่งลูกเล็กๆ ส่วนใหญ่คนป่วยทางตา มักเป็นคนสูงวัยทั้งหญิงชาย วัยหนุ่มสาวและเด็กมีเหมือนกัน คนแก่บางคนนั่งล้อเข็ญ บ้างมีวงกลมสีขาวมีรูเล็กๆปิดตา ยึดวงกลมนี้ไว้ด้วยพลาสเตอร์.
บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตัดผมสั้นเกรียน
ไม่พูดไม่จา มือถือเอ็ม 16 มาดมั่น พร้อมจะปล่อยกระสุนเหล็กออกลำกล้องทุกวินาที ทหารพรานนี้จะมีกำลังทั้งหมดเท่าไร ไม่อาจทราบได้ เวลาพักจะเห็นนอนในเปลญวน ที่ผูกกับต้นไม้ตามป่าริมถนน ในเครื่องแบบที่พร้อมปฏิบัติการทุกวินาทีทีเดียว ทั้งสองคนทราบเพียงว่า กำลังทั้งหมดของทหารพราน ตั้งค่ายบนเนินดอยที่ห่างออกไปจากหมู่บ้านเล็กน้อย นอกจากนั้นก็มีทหารหน่วย ฉก.327(หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจที่ 327) ตั้งหน่วยอยู่ใกล้กับโรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ในด้านตำรวจภูธร มีสถานีตำรวจอยู่ใกล้ที่ว่าการอำเภอ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
อำเภอเวียงแหง
เป็นอำเภอชายแดน ติดกับพม่าในเขตตำบลเปียงหลวง ประชาชนเป็นชาวจีนและไทยใหญ่(เงี้ยว) อำเภอนี้เล่าลือกันว่า เป็นที่พักยาเสพติด บ้างว่าเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ได้ถูกกวาดล้างครั้งใหญ่ก่อนปี พ.ศ. 2528 อาจารย์ “ศักดิ์รพี” และอาจารย์ “เพชร” เป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งสองเป็นข้าราชการบรรจุใหม่ในปี พ.ศ. 2529 ที่โรงเรียนบ้านเวียงแหง และสอนได้ 3 ปีแล้ว ในการประชุมใหญ่ ที่ห้องประชุมโรงเรียนบ้านเวียงแหง เพื่อชี้แจงข้อราชการและนโยบายในการทำงาน คณะครูทั้งหมดในอำเภอจำนวน 80 คน ได้เดินทางมาประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่โรงเรียนปิด
ได้ไปหาหมอทองรัก เป็นคลินิกอยู่ตึกแถวห่างจากย่านไนท์บาร์ซ่าราว 100 เมตร หมอฟังอาการจากคนไข้ แล้วบอกนอนบนเตียงคนไข้ หมอใช้มือกดกลางท้อง แล้วย้ายมาใช้นิ้วเคาะท้องด้านข้างเสียงดังปุๆ หมอลงความเห็นว่า ไม่เป็นโรคร้ายแรง เพียงแต่ลำไส้ย่อยเร็วเกินไป ผมโล่งอกรับยาหมอมากิน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผู้มีหน้าที่สอนเด็ก
ที่เรียกว่า “ครู” มักได้รับการเปรียบเทียบว่าเป็นเสมือนเรือจ้าง คนโดยสารก็คือนักเรียน พานักเรียนจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่ง เสร็จแล้วก็รับเด็กรุ่นต่อไปสู่ฝั่งอีก เด็กจะรู้ถึงคุณค่าของเรือหรือไม่ เรือจ้างมิได้เรียกร้องโอดครวญ ยังพาเด็กสู่เป้าหมาย สู่ความสำเร็จ วันสู่วัน เดือนสู่ปี
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เธอเริ่มแซะซอกเล็บ
ด้านข้างซ้ายนิ้วโป้ง ครู่เดียวจริงๆเธอบอกว่าเสร็จแล้ว ผมลุกขึ้นเห็นนิ้วโป้งเท้าซ้าย
พันผ้าขาวปิดพลาสเตอร์เรียบร้อย เธอทำงานคล่องมาก อัธยาศัยดี ไว้ผมสั้น ดูเป็นคนเปิดเผยไม่เรื่องมาก เธอบอกว่า
“พ่อ มาล้างแผลทุกวันเน้อ จนครบเจ็ดวันอย่าขาด เวลาอาบน้ำอย่าให้เท้าถูกน้ำนะ ถ้าถูกน้ำแผลจะหายช้า ”
“ครับ ขอบคุณครับ ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ร่างกายเริ่มร่วงโรย
มีโรคความดันเข้ามาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ตามด้วยต่อมลูกหมากอักเสบ นอกนั้นปรกติ มีอีกอย่าง เป็นอาการเล็กน้อยแต่น่ารำคาญ คือโรคเล็บขบ เนื้อเล็บเป็นขุย ตรงนิ้วโป้งทั้งเท้าซ้ายขวา มันเป็นร่องเล็กๆจากปลายเล็บรุกเข้าไปใกล้โคนเล็บ ใช้มีดปลายแหลมแหย่เข้าไปแล้วเขี่ยออก มันเป็นขุยๆคล้ายมอดกินไม้ไผ่ ไม่เจ็บแต่ทำให้เล็บไม่สวย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมเคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์
พระพิฆเนศหลายครั้ง ครั้งแรกตื่นเต้น เจ้าของพิพิธภัณฑ์เปิดให้ชมโดยไม่เก็บเงิน ผมเดินชมเป็นจุดๆ ตามลำดับที่พิพิธภัณฑ์กำหนด ตื่นตาตื่นใจเหมือนกัน ต่อมาไปเที่ยวอีกหลายครั้ง พาเด็กๆไปบ้าง คนรู้จักคุ้นเคยบ้างไปชม สถานที่สงบ สะอาด เป็นระเบียบ มีเทวาลัย สถานที่แสดงรูปพระพิฆเนศที่เรียกว่าพิพิธภัณฑ์ สถานที่นี้ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด สถานที่อื่นๆถ่ายได้ ห้องน้ำสะอาดเหมือนโรงแรม แยกชายหญิง ต้องเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้าห้องน้ำ
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ได้ดูรายการ “ไทยมุง”
นำเสนอเรื่องอาชีพทำกุญแจทางไทยทีวี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2552 เวลาประมาณ 8.30 น. เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ อาชีพที่กระตุกความสนใจของผม ในเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินเป็นอันดับแรก อยากรู้วิธีไขกุญแจของคนร้ายที่รวดเร็ว เช่น การขโมยรถยนต์ จักรยายยนต์ ไขกุญแจบ้าน การเปิดตู้เซฟที่แสนง่าย การไขประตูรถที่เด็กถูกขังไว้ในรถ ช่วยไขประตูกรณีเจ้าของบ้านลืมกุญแจไว้ในบ้าน หรือลืมกุญแจไว้ในรถ การเปิดประตูต่างๆดังกล่าว น่าจะเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งทีเดียว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมซื้อหนังสือพิมพ์
“ไทย เรด นิวส์” และ “ ความจริงวันนี้” ติดต่อกัน รวม 7 ฉบับ ราคาเล่มละ 20 บาท หนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการ” 1 ฉบับ ราคาฉบับละ 25 บาท ซื้อเดลินิวส์อ่านบ้าง ยังไม่พอจะซื้อหนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการ” อีกราว 6 ฉบับ หนังสือพิมพ์ “มติชน” เป็นบางฉบับ เพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้าน ค้นหาข่าวทางอินเตอร์เน็ตเพิ่มเติม ฟังข่าวการเมืองที่พิธีกรนำมาจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ มาเล่าให้ฟัง บางวันฟังข่าวการเมืองแล้วมันเครีย สับสนไปหมด บางทีไม่เข้าใจ เช่น ในการประชุมเลือกตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ นายกรัฐมนตรีผู้เป็นประธานฯ ไม่สามารถเสนอชื่อให้ที่ประชุม ก.ต.ช. (คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ) ยอมรับได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรก ที่พูดว่า “ การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ” ผมรับรู้ครั้งแรกด้วยความสนใจ ผมเข้าใจเพียงว่า การเมืองเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบรรดา ส.ส.ของพรรคการเมืองต่างๆ ที่จับมือกันร่วมเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ นำพาประเทศไปสู่ความเจริญมั่งคั่ง ประชาชนอยู่ดีกินดี รัฐบาลนั้นเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศและองคาพยพไปสู่อนาคตที่ดี เราจึงต้องสนใจการเมือง สนใจข่าวสาร ต้องติดตามเหตุการณ์ วันนี้ท่านนายกฯไปไหน พูดอะไร คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดอะไรเกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง วางมาตรการอะไร จะมีประกาศพระราชบัญญัติอะไรไหม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เรื่องที่สอง
เกิดขึ้นก่อนอาหารเที่ยงของผมและเพื่อนๆ คณะของเรามักแสวงหาร้านอาหารที่อร่อยลือชื่อ บรรยากาศที่หลากหลาย บางวันเป็นร้านดังในตัวเมือง บางทีเป็นสวนอาหาร บางทีริมดอย ร้านชื่อ “ดอยล้อม” วันนี้เป็นร้านอาหารป่า อาหารป่านั้นผมไม่กินเลย แต่ไม่อยากขัดคอใครทำนองเป็นคนเรื่องมาก เขาสั่งมาผมก็แกล้งตักกินพอเป็นพิธี ทำหน้าให้ปรกติ อาหารบนโต๊ะยังมีอาหารอื่นๆอีก เราก็กินพวกนี้ให้มาก ต่างคนต่างกินไม่มีใครสังเกตอะไรใคร ร้านอาหารที่เราไปกินวันนี้ ต้องเข้าทางถนนเลี่ยงเมือง จากฝางสู่แม่อาย เรานั่งรถคันเดียวไปด้วยกัน เรากินไปด้วยคุยไปด้วย ได้ยินเสียงหัวเราะเป็นระยะ มีชายหนุ่มและหญิงสาว…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ดูข่าวจากโทรทัศน์
ตอนเช้าวันนี้(20 ส.ค.52) ข่าวคนชอบสัตว์ นำหมีมาเลี้ยงโดยขังในกรง มันอยู่รวมกันหลายตัวต่อสู้กัน เจ้าของจับถอดเล็บ ป้องกันมันทำร้ายกัน บางตัวตัดขาออกข้างหนึ่งเหลือเพียงสามขา ฟังข่าวไม่ทัน ตัดขาเพราะอะไร ยังไม่พอ เจ้าของทอดทิ้งปล่อยมันผจญชีวิตเองตามยถากรรม มันถูกถอดเล็บ ไม่มีอวัยวะสำคัญในการดำรงชีวิต เกาะขึ้นต้นไม้ไม่ได้ หาอาหารเองไม่ได้ ปล่อยสู่ธรรมชาติไม่ได้ ขาดเล็บอาวุธป้องกันตัว หมีตอนเล็กๆ รูปร่างอ้วนๆ ป้อมๆ คงน่ารักมาก