Skip to main content

ฟ้าเริ่มสาง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก เราเอาผ้ามาห่มให้ถึงกล่องนอน หาเสื้อหนาๆที่วางขายตลาดงัวสันป่าตองมาสวมให้ เออ ! จริงๆนะ มันอาจเข้าใจว่าเราคือคนใช้ก็เป็นได้ มันทำการรุกต่อ ส่งเสียงเหมียวเพื่อเอาชนะ ใครจะนอนต่อได้เล่า มองออกไปทางหน้าต่าง ท้องฟ้าสางแล้ว ได้ยินเสียงจักรยานยนต์วิ่งผ่านหน้าบ้าน ผมไม่ได้โกรธเพียงฉุนเล็กน้อย ลุกมาเปิดประตูห้องนอนก้มดูเจ้าเหมียว ผมไม่เคยทำร้ายมัน ไม่ตีมัน มันมีรูปแบบชีวิตตามเผ่าพันธุ์ของมัน ถ้าเป็นคนก็เรียกว่า Life Style แมวนั้นจะนอนกลางวันยาวไปเลย อาจมีบ้างที่จะตื่นมาซุกซนในกลางวัน กลางคืนมันจะออกเที่ยว ออกล่าตามสัญชาติญาณสัตว์ป่า ผมพูดกับเจ้าเหมียว พ่อยังหนาวอยู่นะ มันมองตาแป๋ว เจ้าเหมียวสวมเสื้อกันหนาวลายสีสดน่าขันน่าเอ็นดู แหงนหน้ามองผม ผมก้มลงอุ้มมัน ยกตัวนิ่มๆมาแนบออก กอดให้ตัวมันอุ่น ผมก้าวออกมานอกห้องนอน นั่งลงใช้ขันโลหะเล็กๆ ตักอาหารเม็ดในถังหน้าห้องนอนให้มัน บอกให้นั่งกินดีๆ มันยอบตัวลงกินอาหารเม็ดสีสวยเสียงดังกุบกับๆ พักหนึ่งจึงหยุดหันหน้าไปมา ใช้ลิ้นเล็กสีชมพูเลียปากทำความสะอาดแผล็บๆ ยามนี้ดูมันน่ารักจริงๆสาบาน

ผมเดินไปดูเทอร์โมมิเตอร์
ที่แขวนข้างเสา วันนี้ 14 มกราคม 2554 อุณหภูมิ 13.3 องศาเซนเซียส นาฬิกาข้างเสาถัดไปบอกเวลา 7.00 น. อากาศหนาวเย็นกว่าวันที่ 15 มกราคม ที่ 18 องศาเซนเซียส และวันที่ 16 มกราคม ที่ 15 องศาเซนเซียส เปิดน้ำก๊อกล้างหน้า น้ำเย็นเหมือนน้ำแข็ง ทำกิจวัตรเสร็จมายืนดูที่หน้าต่างด้านทิศตะวันออก เบื้องหน้าทุ่งนาเนื้อที่ 11 ไร่เศษ ถูกรถเกรดถนนปาดวัชพืชรกทิ้ง กลับกลายเป็นที่ราบเรียบโล่งตา มองดูโปร่งสบายตา ผมหายใจยาวลึกสูดอากาศเย็นสบายเข้าไป รู้สึกเลยว่าสดชื่นขึ้น มองออกไปถึงถนนสายเชียงใหม่-ออด ที่ห่างออกไปราว 1.5 กิโลเมตร ถนนนี้จะเป็นรัศมีโค้ง ท้องฟ้าหม่นขาว หมอกบางเบาลอยนิ่งกลางทุ่ง เวลาค่อยผ่านไป แสงแดดเริ่มปรากฏ แผ่รังสีขับไล่หมอกให้เจือจางหายไป ดวงอาทิตย์เข้ามาผลัดเปลี่ยนดวงจันทร์และดวงดาว ดูแลโลกต่อไป ผมเปลี่ยนมายืนที่ระเบียงบ้าน กวาดตาดูต้นไม้รอบๆ ต้นโพธิ์ใหญ่ที่มุมวัด รวมทั้งต้นลิ้นจี่ในวัด แถวต้นกล้วยที่เรียงแถวข้างถนนสู่บ้านชาวนาคนสุดท้ายกลางทุ่ง ใบไม้แกว่งไกวช้าๆ นกยางฝูงหนึ่งบินผ่านโค้งฟ้าล่องใต้ สุนัขวัดหลายตัววิ่งสู่ทุ่งโล่งเรียบเหมือนเด็กวิ่งเข้าสนามเด็กเล่น ดูแล้วเพลินตา จิตใจสงบ ดังหลุดพ้นจากสิ่งรบกวนทั้งมวล นี่คือธรรมชาติ ความงดงามที่ไม่เสริมแต่งเสแสร้ง นี่คือที่ก่อเกิดความสงบสุข ก่อเกิดปัญญา จินตนาการ

ท่านอาจารย์หมอประเวศ วะสี
บอกว่า ตามธรรมชาติร่างกายจะมีกลไกการหลั่งสารที่ให้ความสุขออกมาอยู่ตลอดเวลา สารที่ทำให้เกิดความสุขนี้คือเอ็นโดฟินส์(Endophins) โดยมนุษย์ต้องทำกิจกรรมดังนี้ เช่น ออกกำลังกาย ทำสมาธิ ดูท้องฟ้า ทะเล ป่าเขาลำเนาไพร มีความเมตตา ช่วยเหลือผู้อื่น ทำบุญ ได้พบกับความงามตามธรรมชาติหรือศิลปะ ได้ทำงานที่ชอบที่สนใจ เป็นต้นว่า เป็นนักกลอนแต่งกลอน เป็นนักวาดวาดรูป หากว่าชอบร้องเพลงก็ร้องไปแม้เสียงไม่เพราะถึงขั้นนักร้อง ฟังเพลงเพราะ จะรู้สึกสบายใจคลายอารมณ์ เข้ากลุ่มอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือความรัก ใครมีรักย่อมยิ้มได้ตลอดเวลาทั้งยามตื่นและหลับ ยกเว้นอกหักรักคุด ดูหนังดูละครดนตรี อ่านนิยายเขียนบทกวี สารเอ็นโดฟินส์จะหลั่ง ทำให้เรามีความสุข การเล่นคลอเคลียกับสัตว์ที่เรารักก็ใช่ และขออภัยแม้การมีปฏิสัมพันธ์ทางเพศกับคนรัก ทำให้สารสารสุขหรือเอ็นดูฟินส์ทำงาน มีเคล็ดลับง่ายๆ เพื่อให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขหรือเอ็นโดฟินส์ เพียงมองโลกในแง่ดี ทำความดี หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ เท่านั้นแหละ พิจารณาปฏิบัติดูซิครับ ขอมอบให้แทนของฝากเนื่องใกล้วันแห่งความรักในเดือนกุมภาพันธ์ 2555.

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ตัดผมสั้นเกรียน ไม่พูดไม่จา มือถือเอ็ม 16 มาดมั่น พร้อมจะปล่อยกระสุนเหล็กออกลำกล้องทุกวินาที ทหารพรานนี้จะมีกำลังทั้งหมดเท่าไร ไม่อาจทราบได้ เวลาพักจะเห็นนอนในเปลญวน ที่ผูกกับต้นไม้ตามป่าริมถนน ในเครื่องแบบที่พร้อมปฏิบัติการทุกวินาทีทีเดียว ทั้งสองคนทราบเพียงว่า กำลังทั้งหมดของทหารพราน ตั้งค่ายบนเนินดอยที่ห่างออกไปจากหมู่บ้านเล็กน้อย นอกจากนั้นก็มีทหารหน่วย ฉก.327(หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจที่ 327) ตั้งหน่วยอยู่ใกล้กับโรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ในด้านตำรวจภูธร มีสถานีตำรวจอยู่ใกล้ที่ว่าการอำเภอ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    อำเภอเวียงแหง เป็นอำเภอชายแดน ติดกับพม่าในเขตตำบลเปียงหลวง ประชาชนเป็นชาวจีนและไทยใหญ่(เงี้ยว) อำเภอนี้เล่าลือกันว่า เป็นที่พักยาเสพติด บ้างว่าเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ได้ถูกกวาดล้างครั้งใหญ่ก่อนปี พ.ศ. 2528 อาจารย์ “ศักดิ์รพี” และอาจารย์ “เพชร” เป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งสองเป็นข้าราชการบรรจุใหม่ในปี พ.ศ. 2529 ที่โรงเรียนบ้านเวียงแหง และสอนได้ 3 ปีแล้ว ในการประชุมใหญ่ ที่ห้องประชุมโรงเรียนบ้านเวียงแหง เพื่อชี้แจงข้อราชการและนโยบายในการทำงาน คณะครูทั้งหมดในอำเภอจำนวน 80 คน ได้เดินทางมาประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  วันที่โรงเรียนปิด ได้ไปหาหมอทองรัก เป็นคลินิกอยู่ตึกแถวห่างจากย่านไนท์บาร์ซ่าราว 100 เมตร หมอฟังอาการจากคนไข้ แล้วบอกนอนบนเตียงคนไข้ หมอใช้มือกดกลางท้อง แล้วย้ายมาใช้นิ้วเคาะท้องด้านข้างเสียงดังปุๆ หมอลงความเห็นว่า ไม่เป็นโรคร้ายแรง เพียงแต่ลำไส้ย่อยเร็วเกินไป ผมโล่งอกรับยาหมอมากิน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผู้มีหน้าที่สอนเด็ก ที่เรียกว่า “ครู” มักได้รับการเปรียบเทียบว่าเป็นเสมือนเรือจ้าง คนโดยสารก็คือนักเรียน พานักเรียนจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่ง เสร็จแล้วก็รับเด็กรุ่นต่อไปสู่ฝั่งอีก เด็กจะรู้ถึงคุณค่าของเรือหรือไม่ เรือจ้างมิได้เรียกร้องโอดครวญ ยังพาเด็กสู่เป้าหมาย สู่ความสำเร็จ วันสู่วัน เดือนสู่ปี
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เธอเริ่มแซะซอกเล็บ ด้านข้างซ้ายนิ้วโป้ง ครู่เดียวจริงๆเธอบอกว่าเสร็จแล้ว ผมลุกขึ้นเห็นนิ้วโป้งเท้าซ้าย พันผ้าขาวปิดพลาสเตอร์เรียบร้อย เธอทำงานคล่องมาก อัธยาศัยดี ไว้ผมสั้น ดูเป็นคนเปิดเผยไม่เรื่องมาก เธอบอกว่า “พ่อ มาล้างแผลทุกวันเน้อ จนครบเจ็ดวันอย่าขาด เวลาอาบน้ำอย่าให้เท้าถูกน้ำนะ ถ้าถูกน้ำแผลจะหายช้า ” “ครับ ขอบคุณครับ ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ร่างกายเริ่มร่วงโรย มีโรคความดันเข้ามาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ตามด้วยต่อมลูกหมากอักเสบ นอกนั้นปรกติ มีอีกอย่าง เป็นอาการเล็กน้อยแต่น่ารำคาญ คือโรคเล็บขบ เนื้อเล็บเป็นขุย ตรงนิ้วโป้งทั้งเท้าซ้ายขวา มันเป็นร่องเล็กๆจากปลายเล็บรุกเข้าไปใกล้โคนเล็บ ใช้มีดปลายแหลมแหย่เข้าไปแล้วเขี่ยออก มันเป็นขุยๆคล้ายมอดกินไม้ไผ่ ไม่เจ็บแต่ทำให้เล็บไม่สวย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมเคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ พระพิฆเนศหลายครั้ง  ครั้งแรกตื่นเต้น  เจ้าของพิพิธภัณฑ์เปิดให้ชมโดยไม่เก็บเงิน  ผมเดินชมเป็นจุดๆ  ตามลำดับที่พิพิธภัณฑ์กำหนด  ตื่นตาตื่นใจเหมือนกัน  ต่อมาไปเที่ยวอีกหลายครั้ง  พาเด็กๆไปบ้าง คนรู้จักคุ้นเคยบ้างไปชม  สถานที่สงบ  สะอาด  เป็นระเบียบ  มีเทวาลัย สถานที่แสดงรูปพระพิฆเนศที่เรียกว่าพิพิธภัณฑ์  สถานที่นี้ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด  สถานที่อื่นๆถ่ายได้  ห้องน้ำสะอาดเหมือนโรงแรม  แยกชายหญิง  ต้องเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้าห้องน้ำ
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ได้ดูรายการ “ไทยมุง” นำเสนอเรื่องอาชีพทำกุญแจทางไทยทีวี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2552 เวลาประมาณ 8.30 น. เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ อาชีพที่กระตุกความสนใจของผม ในเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินเป็นอันดับแรก อยากรู้วิธีไขกุญแจของคนร้ายที่รวดเร็ว เช่น การขโมยรถยนต์ จักรยายยนต์ ไขกุญแจบ้าน การเปิดตู้เซฟที่แสนง่าย การไขประตูรถที่เด็กถูกขังไว้ในรถ ช่วยไขประตูกรณีเจ้าของบ้านลืมกุญแจไว้ในบ้าน หรือลืมกุญแจไว้ในรถ การเปิดประตูต่างๆดังกล่าว น่าจะเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งทีเดียว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมซื้อหนังสือพิมพ์ “ไทย เรด นิวส์” และ “ ความจริงวันนี้” ติดต่อกัน รวม 7 ฉบับ ราคาเล่มละ 20 บาท หนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการ” 1 ฉบับ ราคาฉบับละ 25 บาท ซื้อเดลินิวส์อ่านบ้าง ยังไม่พอจะซื้อหนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการ” อีกราว 6 ฉบับ หนังสือพิมพ์ “มติชน” เป็นบางฉบับ เพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้าน ค้นหาข่าวทางอินเตอร์เน็ตเพิ่มเติม ฟังข่าวการเมืองที่พิธีกรนำมาจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ มาเล่าให้ฟัง บางวันฟังข่าวการเมืองแล้วมันเครีย สับสนไปหมด บางทีไม่เข้าใจ เช่น ในการประชุมเลือกตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ นายกรัฐมนตรีผู้เป็นประธานฯ ไม่สามารถเสนอชื่อให้ที่ประชุม ก.ต.ช. (คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ) ยอมรับได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรก ที่พูดว่า “ การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ” ผมรับรู้ครั้งแรกด้วยความสนใจ ผมเข้าใจเพียงว่า การเมืองเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบรรดา ส.ส.ของพรรคการเมืองต่างๆ ที่จับมือกันร่วมเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ นำพาประเทศไปสู่ความเจริญมั่งคั่ง ประชาชนอยู่ดีกินดี รัฐบาลนั้นเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศและองคาพยพไปสู่อนาคตที่ดี เราจึงต้องสนใจการเมือง สนใจข่าวสาร ต้องติดตามเหตุการณ์ วันนี้ท่านนายกฯไปไหน พูดอะไร คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดอะไรเกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง วางมาตรการอะไร จะมีประกาศพระราชบัญญัติอะไรไหม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เรื่องที่สอง เกิดขึ้นก่อนอาหารเที่ยงของผมและเพื่อนๆ คณะของเรามักแสวงหาร้านอาหารที่อร่อยลือชื่อ บรรยากาศที่หลากหลาย บางวันเป็นร้านดังในตัวเมือง บางทีเป็นสวนอาหาร บางทีริมดอย ร้านชื่อ “ดอยล้อม” วันนี้เป็นร้านอาหารป่า อาหารป่านั้นผมไม่กินเลย แต่ไม่อยากขัดคอใครทำนองเป็นคนเรื่องมาก เขาสั่งมาผมก็แกล้งตักกินพอเป็นพิธี ทำหน้าให้ปรกติ อาหารบนโต๊ะยังมีอาหารอื่นๆอีก เราก็กินพวกนี้ให้มาก ต่างคนต่างกินไม่มีใครสังเกตอะไรใคร ร้านอาหารที่เราไปกินวันนี้ ต้องเข้าทางถนนเลี่ยงเมือง จากฝางสู่แม่อาย เรานั่งรถคันเดียวไปด้วยกัน เรากินไปด้วยคุยไปด้วย ได้ยินเสียงหัวเราะเป็นระยะ มีชายหนุ่มและหญิงสาว…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ดูข่าวจากโทรทัศน์ ตอนเช้าวันนี้(20 ส.ค.52) ข่าวคนชอบสัตว์ นำหมีมาเลี้ยงโดยขังในกรง มันอยู่รวมกันหลายตัวต่อสู้กัน เจ้าของจับถอดเล็บ ป้องกันมันทำร้ายกัน บางตัวตัดขาออกข้างหนึ่งเหลือเพียงสามขา ฟังข่าวไม่ทัน ตัดขาเพราะอะไร ยังไม่พอ เจ้าของทอดทิ้งปล่อยมันผจญชีวิตเองตามยถากรรม มันถูกถอดเล็บ ไม่มีอวัยวะสำคัญในการดำรงชีวิต เกาะขึ้นต้นไม้ไม่ได้ หาอาหารเองไม่ได้ ปล่อยสู่ธรรมชาติไม่ได้ ขาดเล็บอาวุธป้องกันตัว หมีตอนเล็กๆ รูปร่างอ้วนๆ ป้อมๆ คงน่ารักมาก