Skip to main content

ขณะเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
บ่ต้องเลือกผู้แทนเบอร์นี้ มันชอบโกหกตลบตะแลง ก่อนเลือกตั้งพบกันที่ไหน บ่ว่าเป็นไผไหว้ประหลกๆ พูดอ่อนพูดหวานครับๆ รับปากชาวบ้านจะทำนั่นสร้างนี่ มีปัญหาอะไร ไปพบหาที่บ้านได้ทุกเวลา พอเลือกตั้งเสร็จได้เป็นผู้แทนฯ หาตัวยากถึงยากเหลือเกิน ไปหาที่บ้าน คนเฝ้าบ้านบอกว่าท่านผู้แทนฯไปประชุมที่กรุงเทพฯ กลับมาเมื่อไรบ่ฮู้ ความเอือมระอาสะสมในใจผมตั้งแต่นั้น เมื่อเรียนระดับมัธยมฯไม่อยากสนใจการเมือง นักการเมืองมักพูดอย่างทำอย่าง วันนี้จะเอาอย่างนี้ แต่พรุ่งนี้ไม่ใช่ พอผมเป็นข้าราชการครู เริ่มอยากรู้ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านมีนโยบายบริหารประเทศไปทิศทางใด รัฐมนตรีศึกษาธิการชื่ออะไร เน้นนโยบายทางด้านการศึกษาอะไรบ้าง เช่น จะยุบโรงเรียนขนาดเล็กหรือรวมโรงเรียน จะทำอะไรเพื่อนักเรียนตาดำๆแดงๆ จะดูแลบุคลากรทางการศึกษาอย่างไร ปัจจุบันผมเริ่มสนใจการเมือง ติดตามการทำงานของรัฐบาล ติดตามว่าทำตามนโยบายที่หาเสียงไหม ? แล้วประเมินเพื่อดำเนินการทางการเมืองตามบทบาทของประชาชนที่มี 1 เสียง

ปี พ.ศ. 2555
พาเราก้าวไปข้างหน้า และบวกอายุเราเพิ่มอีก 1 ปี ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ถนนชีวิตขยับร่นเข้าหากิโลเมตรสุดท้าย เคยถามตัวเองทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนพุทธศักราช ปีนี้ตั้งเป้าหมายอะไรในชีวิต มีวิธีการทำให้สมหวังอย่างไร บอกตนเองว่า จะพยายามเขียนเรื่องสั้นและเรื่องยาวต่อไป ทุ่มสุดความสามารถ ตามประสารถมือสอง แม้เขียนแล้วต้องอ่านเอง หรือขายเป็นกิโลก็ตาม หวังเพียงให้มีเนื้อหาสาระ มีคนอ่านบ้าง เขียนแล้วจะดังไหมหนอ ? หากเขียนเป็นบทความการเมือง เชียร์ข้างใดข้างหนึ่ง คิดเองนะว่า อาจจะดังตูมหรือดังเกรียวกราวก็สุดแต่ฟ้าลิขิต ทว่าถ้าเขียนเลือกข้างเลือกขั้ว ก็ต้องบอกว่าอีกฝ่ายไม่ถูก เราถูกเสมอ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือเปล่าหนอ ? โดยเนื้อแท้แล้วทุกฝ่ายมีทั้งที่ถูกต้องเป็นจริงและส่วนที่ต้องแก้ไขผิดพลาด...ตบโต๊ะปัง ตัดสินใจเขียนตามแบบของตน ขอเลือกสวมแว่นขาวแบบ 2 เลนซ์ดีกว่า มองใกล้ไกลเห็นจริงตามที่ปรากฏ เมื่อก้มหน้ามองผ่านเลนซ์ขยาย ยอมมองเห็นส่วนย่อยรายละเอียด เนื้อแท้ของเรื่องราวเหตุการณ์ได้ ไม่ดังไม่โด่งช่างมัน อายุปูนนี้แล้ว ขอเลือกสีแห่งความจริง ถูกต้องดีกว่า เราขอเชียร์ขอยกย่องผู้ทำดี ทำประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ แม้ผู้นั้นจะสวมเสื้อสีอะไรไม่ใช่ประเด็น

เมื่อกำหนดที่ยืน
ของตนแล้ว ได้ทำการหาข้อมูลเรื่องราวเพิ่มเติม ทั้งข่าวการเมืองจากสื่อโทรทัศน์เกือบทุกช่อง อ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ทั้งที่เชียร์รัฐบาลและติติงรัฐบาล มีเวลาเพียงพอเพราะเกษียณแล้ว จะซื้อหนังสือพิมพ์รายวันฉบับวันอาทิตย์เสมอ เพราะมีคอลัมน์วิเคราะห์การเมืองให้อ่าน ผมสนใจงานเขียนของคุณ “วาสนา นาน่วม” ที่ข้อมูลเจาะลึกและกว้าง ทราบข้อมูลกล่าวขานว่า เธอเขียนแบบไม่มีขั้วไม่มีข้าง ไม่บิดเบียนเติมสี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จริงหรือไม่ต้องพิสูจน์โดยอ่านหนังสือของเธอ ผมได้อ่านเล่มที่ 1 “ลับ ลวง พราง ภาคพิสดาร” จบแล้ว พอจะเข้าใจความคิดอ่านของเธอได้บ้างแล้ว และกำลังจะอ่านเล่มที่ 2 “ ลับ ลวง พราง ภาค 3 กองทัพต่างสี ศึกสายเลือด จปร.” เล่มที่ 3 “ ลับ ลวง พราง ปฏิวัติปราสาททราย” เล่มที่ 4 “ ลับ ลวง พราง ภาค 2 ซ่อนรูปปฏิวัติ หักเหลี่ยมโหด” อีกเล่มกำลังหาซื้อชื่อ “ อมตะแห่งป๋าเปรม จากปฏิวัติ 19 กันยาฯ ถึงจุดจบทักษิณ” เฉพาะเล่มนี้ราคา 250 บาท

คาดหวังว่า
จะได้ข้อมูลลึกๆ ได้ความกระจ่างในมุมมองของนักข่าวสายทหารและมีความเป็นกลางของคุณ “วาสนา นาน่วม” เพื่อนำข้อมูลที่ได้ส่วนหนึ่งมาประกอบงานเขียนของผม.

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…