Skip to main content

หากใจไม่มีพุทธะ

 
จิตที่ไม่ตื่น คือจิตที่หลับใหล
เผลอไปตามอารมณ์สุขทุกข์ รักชังหลง
หากจิตนั้นตื่นขึ้นมา เข้าใจความจริง
ประจักษ์แจ้ง ในบุคคลนั้นๆ 
ความหลง ความทุกข์ ย่อมไม่สามารถเกิดได้
 
จิตที่ทุกข์ใจ ดีใจเสียใจ มันไม่ได้แยกหรอก
ว่าต้องเป็นของคนชนชาติเผ่าพันธ์ุใด
เพศใด วัยใด อาชีพใด
เพราะความทุกข์ใจ ดีใจ เสียใจ
มันอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกคน
 
สิ่งที่ "พระสมณโคดม" สอนนั้น คือความจริง
เป็นสัจธรรม ที่ไม่ได้แบ่งแยกบุคคล
หากแต่เป็นสิ่งเสมอกันทุกชนชั้นเพศวัยสถานะ
ไม่ว่าคนจะนับถือศาสนา ลัทธิใด
เมื่อมีความทุกข์ใจ ย่อมก็ต้องหาทางดับทุกข์นั้น
 
วิธีของพระพุทธองค์นั้น ท่านมิได้สร้างขึ้น
หากแต่ท่านเป็นผู้ค้นพบ มิใช่หรือ
ความจริง สัจธรรมนั้น มีอยู่เสมอ
ไม่เคยเสื่อมสลายไปไหน
การปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ก็มีอยู่
สภาวะแห่งความไม่ทุกข์ก็มีอยู่
 
นี่ต่างหากคือแก่นแท้ของพุทธะ
คำสอนที่เป็นสากล
ครอบคลุมทุกสรรพชีวิตในโลกนี้
 
หาใช่ใดอื่น
หากเราตื่น รู้สึกตัวทั่วพร้อม
ด้วยสติปัญญาเมตตากรุณาต่อกัน
หมั่นฝึกฝนอบรมตน สอนตน
ไม่ให้หลงยินดียินร้าย
ไม่ให้เผลอไปกับอารมณ์เกิดดับ
 
พุทธะ ย่อมบังเกิด ในปัจจุบันขณะตรงหน้า!
ไม่ต้องบัญญัติคำว่าพุทธศาสนา ไว้ในอักษร
แต่บัญญัติหมุดแห่งพุทธะไว้ในตราจิตตราใจ
 
หากใจไม่มีพุทธะ 
ความเบียดเบียนกัน 
โกรธเกลียดชัง บ่อนทำลายผู้อื่น
ด้วยกายวาใจ ย่อมปรากฏอยู่ร่ำไป
 
ดังนี้แล้ว ใครจะว่าควรมีหรือไม่มีในอักษรบัญญัติ
แต่ความสัจจ์จริงนั้นย่อมมีอยู่เสมอในใจมนุษย์ทุกคน
อยู่ที่ว่า, จะมีใครเห็นไหม?

บล็อกของ thesethings

thesethings
หลวงลุงสุเทพไม่ควรสึก