Skip to main content
 
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับของหมอดูที่ผมรวบรวมมาจากการประสบพบเองบ้าง (ในชีวิตนี้ก็ผ่านการดูหมอมาเยอะ) จากการสังเกตการณ์และนำมาครุ่นคิดเองบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้หมายความถึงหมอดูทุกคน เพราะคงมีจำนวนไม่น้อยที่มีฝีมือจริงๆ  กระนั้นผมเห็นว่าไม่ว่าเก่งหรือไม่เก่ง พวกเขาหรือเธอต้องใช้เคล็ดลับหรือกลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อโปรโมตตัวเองเพราะหมอดูก็คืออาชีพหนึ่งที่ต้องการลูกค้าเป็นจำนวนมากอันจะนำไปสู่ค่าตอบแทนสูงๆ เช่นเดียวกับชื่อเสียงหรือการยอมรับในสังคม 
 
 
1.สถานภาพของหมอดู
 
เคล็ดลับนี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง หากหมอดูคนนั้นสามารถสร้างบุคลิกภาพให้คนเลื่อมใสได้ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าค่อน ไม่ว่าวัย นั่นคือเป็นหมอดูที่สูงวัยจะดูน่าเลื่อมใสกว่าเป็นหนุ่มสาว นอกจากนี้หมอดูควรจะเป็นคนมีลักษณะพิเศษเช่นคนตาบอด พิกลพิการ เป็นพระ หรือแม่ชี เป็นลูกจีนที่ค่อนข้างนิยมความเป็นจีนแล้วเรียกว่าตัวเองเป็นซินแซ วิธีการดูดวงก็หลากหลายไม่ว่า ดูลายมือ ลายเท้า วันเดือนปีเกิด ดูลายเท้า ดูโหงวเห้ง ดูฮวงจุ้ย ฯลฯ หรืออีกขั้วหนึ่งคือทำตัวเป็นชาวไฮโซหรือยับปี้แต่งตัวดี ขับรถเบ็นซ์ ที่ถือว่าการดูดวงเป็นแค่งานอดิเรก  ถ้าเป็นอาชีพนี้วิธีการดู  ดวงที่เหมาะคือ การดูไพ่ยิปซี กากชาหรือใช้คอมพิวเตอร์ช่วย ย่อมดูมีคลาสกว่ามาขีดเขียนบนกระดาษสมุด
 
2.ภาพลักษณ์
 
ข้อ 2  ค่อนข้างคาบเกี่ยวกับข้อแรก การสร้างภาพลักษณ์ให้ลูกค้าเกิดความเลื่อมใส ศรัทธา ตั้งแต่เห็นหน้า จะเป็นการสะกดจิตลูกค้าให้รู้สึกคล้อยตามในภายหลัง หมอดูโดยมากจะอิงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงนิยมบูชาเทพเจ้า บางคนหนักเข้าก็เป็นร่างทรง บางรายออกรายการโทรทัศน์ว่าเคยล้มป่วยเจียนตายจนพบกับเทพและทรงบัญชาให้ตนมาเป็นร่างทรง เวลาท่านเข้าไปในบ้านหรือสถานที่ดูดวง ท่านก็จะเห็นหิ้งพระที่มีแต่รูปของเทพในศาสนาฮินดูกันพรึบเพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนไทยที่รู้จักเทพฮินดูแบบผิวเผิน แต่แน่นอนที่ขาดไม่ได้คือพระพุทธรูป เพราะหมอดูต้องการยืนยันกับท่านว่าเขาหรือหล่อนเป็นคนดีมีศีลธรรม เพราะคนไทยไม่เคยชินกับหลักคำสอนของศาสนาฮินดู การนับถือแต่เทพ อาจทำให้แสดงความเป็นคนดีไม่ชัดเจนจึงต้องพึ่งพระพุทธรูป
 
นอกจากนี้หมอดูก็อาจจะบอกท่านอีกว่า เขาหรือหล่อนจะถือศีล 8 ในวันพระ หรือมีกิจวัตรที่ไม่เหมือนคนทั่วไป นอกจากนี้การโปรโมตตัวเองเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง หมอดูบางคนได้ดิบได้ดีกับการออกรายการและพยายามสร้างโลโก้ให้กับตัวเองให้โดดเด่นเช่นเช่นการฟันธง (โดยให้ตัวเองมีคำว่า"หมอ"หรือ"อาจารย์"นำหน้าทั้งที่ประวัติการศึกษาไม่ชัดเจน)ห รือไปออกรายการดูดวงให้คนโน้นคนนี้แล้วพยายามสร้างกระแสว่าคำทำนายของตัวเองถูกต้องยิ่งดี เงินค่าทำนายก็แล้วแต่กลุ่มเป้าหมาย ถ้าเป็นรากหญ้าก็น้อยหน่อย หวังปริมาณ แต่ไฮโซก็เล่นหนัก ๆ แต่จำนวนของค่าดูต้องลงท้ายด้วยเลข 9  เป็นจิตวิทยาคือทำให้ดูราคาถูกและขลังอย่างบอกไม่ถูก
 
3.การโปรโมต
 
หากเป็นหมอดูระดับประเทศ ที่มีทุนสูง การโปรโมตย่อมผ่านสื่อต่างๆ เช่นหนังสือพิมพ์หัวสี หนังสือเมาท์ดาราที่พวกแม่บ้านชอบอ่านกัน  หรือถ้ายุคใหม่ก็เป็น อินเทอร์เน็ตไม่ว่าเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ฯลฯ แต่ถ้าเป็นหมอดูระดับพื้นๆ แบบชาวบ้าน การโปรโมตที่ดีที่สุดคือผ่านปากต่อปาก เราจึงจะไปดูหมอคนนั้นเพราะได้ยินใครบางคนบอกว่าแม่นเสมอ การพูดกันปากต่อปากนี้สามารถคาดเคลื่อนได้ อาจด้วยความไม่ตั้งใจ ใส่สีใส่ไข่เอง เพื่อการปิดบัง ว่าตัวเองได้เสียท่าไปแล้วของคนบอก หรือที่ร้ายที่สุดหมอดูจ้างให้มาเป็นหน้าม้าอีกที ด้วยสังคมไทยเป็นสังคมตื่นงาย จึงเป็นสังคมแบบยูโทเปียสำหรับอาชีพหมอดูเป็นยิ่งนัก นอกจากนี้คนไทยยังเป็นคนขี้เกรงใจเวลาหมอดูทายผิดมักจะไม่กล้าแสดงออกว่าไม่พอใจหรือโวยวาย ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับตัวหมอเพราะลูกค้าคนอื่นที่มานั่งรอคิวจะไม่รู้ 
 
4.คำทำนาย 
 
ข้อนี้ถือได้ว่าเป็นหัวใจของการเป็นหมอดูจึงขอนำเสนอเป็นข้อ ๆ 
 
4.1 คำทำนายของหมอดูระดับประเทศหรือโหรการเมือง
 
หากใครต้องการโด่งดังเป็นพิเศษ การทำนายดวงบ้านดวงเมืองจึงน่าสนใจเป็นยิ่งนัก ถึงแม้ว่าเรื่องการเมืองไทยจะวุ่นวายสับสนแค่ไหน แต่การสร้างคำทำนายที่กว้าง คลุมไปทั่ว เปิดให้มีการตีความมาก ๆ จะช่วยให้คำทำนายของเขายิ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกมากขึ้น หากบังเอิญถูกก็จะดังระดับชาติไป ถ้าผิดก็จะทำตัวนิ่งเงียบ รอให้สังคมลืมแล้วจึงโปรโมตตัวเองใหม่ผ่านสื่อต่างๆ 
 
ส่วนคำทำนายมักจะเป็นเช่นนี้
 
-ชะตาของเมืองไทยจะน่าเป็นห่วงในปีนี้หรือปีหน้า พระศุกร์จะเข้าพระเสาร์จะแทรกอะไรก็ว่าไป บลาห์ ๆๆ 
 
ก็แน่นอนตลอดประวัติศาสตร์ชาติไทย เคยมียุคไหนที่มีแต่ความสงบสุขดุจดังโลกพระศรีอาริยเมตไตรยบ้าง มันต้องมีความวุ่นวายอยู่บ้างแน่นอน ดังนั้นมีปีไหนที่ไม่น่าห่วงบ้าง ?  ยิ่งสื่อมวลชนปัจจุบันที่เวลาเสนอข่าวการเมือง เศรษฐกิจจะชอบใส่อารมณ์ใส่สีเข้าไปด้วย การทำนายในด้านลบจะมีโอกาสถูกมากว่าด้านบวกเพราะสื่อทำให้คนโดยมากมองสังคมในด้านร้าย เช่นไทยรัฐชอบลงข่าวหน้าหนึ่งคือเรื่องเยาวชนฆ่าข่มขืนกันมากกว่าข่าวเยาวชนไปช่วยทำประโยชน์ให้กับสาธารณะ 
 
-ดาราหรือไฮโซ คนมีชื่อเสียงคู่โน้นคู่นี้จะเลิกกัน ไม่ได้แต่งงานกันหรือแต่งแล้วก็จะหย่า
 
จริงๆ แล้วคู่รัก สามีภรรยาไม่ว่าดังหรือไม่ดัง เป็นคนธรรมดาหรือดาราก็มีแนวโน้มที่จะเลิกกัน (โดยเฉพาะคู่ที่รักกันเฉพาะกิจคือเพื่อโปรโมตตัวเอง) หรือหย่าร้างกันสูงอยู่แล้ว จากสถิติพบว่า 1 ใน 3 คู่ที่จดทะเบียนสมรสกัน (โดยเฉพาะในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา) ได้หย่าร้างกัน ดังนั้นการทำนายเรื่องหย่าร่างจึงมีโอกาสถูกเกินร้อยละ 70  โอกาสที่จะรักกันจนถึงตอนตะบันน้ำหมากกินแบบน้าแอ๊ด สมบัติ เมทะนีก็หาได้ยากยิ่ง ดาราบางคู่ขนาดมีลูก 3 ก็เลิกกันได้ 
 
-เศรษฐกิจไม่ดี
 
มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจของไทยโดยทั่วไปจะไม่ดีโดยเฉพาะในปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยมีการเจริญเติบโตต่ำ และมีแนวโน้มสำหรับผู้ประกอบการทั่วไปที่จะคิดว่าเศรษฐกิจไม่ดี ยกเว้นบางช่วงที่มีภาพเศรษฐกิจดีอย่างชัดเจนเช่นยุคของพลเอกชาติชายและทักษิณ ดังนั้นการเสี่ยงที่จะทำนายเศรษฐกิจในด้านลบจึงมีโอกาสจะตรงกับใจคนฟังมากกว่าและจะนำไปสู่ความวิตกกังวลซึ่งสามารถแก้ไขโดยพิธีกรรมจากตัวหมอดูเองอันนำไปสู่รายได้เพิ่มเติม
 
-จะเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรง 
 
แน่นอนมันมีทุกปีแหละ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภัยแล้ง โรคระบาด ฯลฯ เลือกเอาเลย ไม่มีปีไหนให้เหยียบ มายุคนี้ก็จะเป็นโลกร้อน น้ำท่วมโลก ถ้าเป็นสมัยก่อนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกออกมาเตือนจนกลายเป็นสารคดีดัง  An Inconvenient Truth คงไม่มีหมอดูคนไหนพูดถึงเรื่องโลกร้อนเป็นอันขาด หรือก่อนที่จะเกิดซึนามิทางภาคใต้ของไทยเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ก็ไม่มีใครทำนายเรื่องดังกล่าวมาก่อนเลย 
 
-ระวังการก่อการร้าย
 
เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทั่วโลกที่ตระหนักถึงภัยการก่อการร้ายภัยหลัง เหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเมื่อ 11 กันยายน 2001 หรือการที่หลายแห่งในโลกตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มไอเอส การก่อร้ายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกรูปแบบ น่าตลกว่าอย่างเมืองนอกที่ฝรั่งเองก็คลั่งหมอดูเหมือนกัน ไม่ยักจะมีใครทำนายเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกหรือการก่อการร้ายแบบถี่ยิบเหมือนปีที่แล้วได้ล่วงหน้าเลย มีแต่มาอ้างว่าเคยทำนายทีหลัง
 
- จะมีความวุ่นวายทางการเมือง จะมีการยึดอำนาจ 
 
แน่นอนการเมืองไม่ว่าชาติไหนต้องมีความวุ่นวาย มีเล่นเกมกันทุกเดือนทุกปีแหละ การเมืองไทยกับการรัฐประหารนั้นคู่กันเหมือนกับผีแห้งกับโลงผุมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สักครั้งหนึ่งมันต้องมีการยึดอำนาจ ยิ่งเมืองไทยติดอันดับโลกของความเป็นไปได้ที่จะเกิดรัฐประหารอยู่แล้ว 
 
-บุคคลสำคัญหรือมีชื่อเสียงจะเสียชีวิต
 
แน่นอนว่าเมืองไทยมีคนสำคัญหรือมีชื่อเสียงในวงการต่างๆ เป็นหลายหมื่นหลายแสนคน คงต้องมีการล้มตายบ้างในปีหนึ่งๆ หรืออย่างในเมืองนอกล่าสุด นายคิม จองนัมถูกน้องชายของตนซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือสั่งสังหารก็น่าจะเข้าข่ายดังกล่าว
 
-ผู้นำทางการเมืองอาจถูกลอบสังหาร
 
เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับสื่อโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรชัดเจนเพราะการลอบสังหารก็เหมือนกับการก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  เท่าที่เห็นมาเคยเจอสื่อยี่ห้อหนึ่งซึ่งมีราคาถูกและได้รับความนิยมจากผู้อ่านที่เป็นผู้หญิงมักนำเสนอคำทำนายของหมอดูเช่นในอดีตเคยทำนายว่าผู้นำของคมช. (รัฐประหารปี 2549) จะถูกวางยาพิษ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคสช.จะได้รับคำทำนายเช่นนี้หรือไม่)  ทำให้ผมสงสัยว่าสื่อดังกล่าวลอกเอามาจากข่าวต่างประเทศที่รัสเซียวางยาพิษอดีตเคจีบีที่แปรพักตร์ในอังกฤษหรือเปล่า เพราะเมืองไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยเล่นวิธีการนี้ มีแต่ลอบฆ่าด้วยปืนกับระเบิดกันอย่างเดียว เกิดมีคนมาท้วงในตอนนี้ว่าทำไมไม่ยักกะมีอะไร หมอก็จะแก้ตัวว่าเพราะผู้นำต่างระวังตัว เลยรอดไป 
 
 
-ผู้นำทางการเมืองปัจจุบัน (โดยเฉพาะเผด็จการ) จะดำรงตำแหน่งไปอีกยาวนาน
 
โหรการเมืองที่ทำนายเช่นนี้ย่อมมีจิตใจฝักใฝ่เผด็จการอยู่แล้ว และเผด็จการก็ให้การฝักใฝ่ในตัวเขาเหมือนกัน จึงไม่ต้องสงสัยว่าจะทำให้เขามีอนาคตอันยาวไกลหรือได้ลาภสักการะจากกองทัพโดยเฉพาะนายทหารระดับสูงและภรรยาที่อุปนิสัยคลั่งหมอดู แม้ว่าผู้นำทางการเมืองจะไม่ศรัทธาแต่ก็น่าจะชื่นชอบโหรการเมืองเช่นนี้อยู่ไม่น้อยเพราะเป็นการสร้างเครดิตให้กับตัวเขาในสังคมไทยอันเป็นสังคมที่ปราศจากเหตุผลหรือมีแนวโน้มไปในเรื่องไสยศาสตร์หรือบารมีส่วนบุคคล
 
 
4.2 คำทำนายของหมอดูระดับทั่วไป
 
อันนี้ยกตัวอย่างนะครับเพราะคงเขียนลงในนี้ไม่หมดหรอก
 
-คุณกำลังมีเคราะห์
 
แน่นอน ใครบ้างที่จะที่ไม่มีความทุกข์หรือพบกับความลำบากเลย และยิ่งมีความทุกข์ไม่ว่ามากหรือน้อยก็มีแนวโน้มที่จะมาหาหมอดูมากขึ้น เอ เมื่อกี้เดินเหยียบขี้หมาไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์หรือเปล่า ?
 
-ดวงคุณกำลังจะมีลาภ 
 
โคตรกว้างเลย เก็บเงินได้สัก 10  บาทจะถือเป็นไปได้ตามคำทำนายหรือเปล่านะ ? เคยมีหมอดูบอกผมว่าจะมีลาภ 2 ขามาหา ดีใจรอแทบตายปรากฏว่าไก่หลงเข้ามาในบ้าน 1 ตัว 
 
- คุณเป็นคนดีแต่คนรอบข้างไม่เห็นคุณค่า
 
ก็แน่ล่ะ ใครบ้างจะไม่เห็นว่าตัวเองดีกัน ? อะไรคือเกณฑ์ตัดสินระหว่างดีกับไม่ดี เช่นลูกค้าเป็นเมียน้อย ก็อาจจะเข้าข้างตัวเองว่าเป็นคนดีเพราะช่วยให้คุณผู้ชายได้ระบายความทุกข์จากเมียหลวงปากบรรลัย
 
- งานการของคุณจะหนักหนา เจ้านายไม่รัก
 
คนส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าตัวเองทำงานหนักกันทั้งนั้น นาน ๆ ทีจะมีไฮโซนั่งกินนอนกินไม่ต้องทำอะไรมาดูดวงสักที และส่วนใหญ่ก็คิดว่าเจ้านายไม่เข้าข้างตัวเอง 
 
- จะได้พบเนื้อคู่ผิว...หุ่น... มาจากทิศ...
 
เป็นการสุ่มที่ดี เพราะมีโอกาสถูกสูงมาก ด้วยลักษณะที่ว่าคือ ผิว หุ่น ทิศที่อยู่ ฯลฯของมนุษย์ มันค่อนข้างกว้าง เปิดให้คนที่เชื่อในการคำทำนายตีความเข้าข้างตัวเองได้ เพราะในชีวิตนี้คงจะได้มีโอกาสได้พบกับคนมากมายที่อาจจะเข้าเข้าข่ายที่ว่าพอดี หรืออีกกรณีหนึ่ง สำหรับคนมีแฟนแล้ว หากได้ยินคำทำนายนี้ก็จะตีความให้แฟนของตัวเองเข้าข่ายเนื้อคู่ที่หมอดูว่าอย่างแน่นอน แต่สมมติว่าถ้าไม่ตรงแล้วเราไปเล่นงานหมอดู หมอดูก็บอกว่าคุณเจอแล้วแต่มีบางอย่างเช่นกรรมเก่ามาเบี่ยงเบนไม่ให้เป็นแฟนกัน หรือดวงมันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 
 
-ให้ระวังอุบัติเหตุ 
 
ก็แน่ละ ทุกคนไม่ว่าจะเพศไหน วัยไหนก็ต้องระวังอุบัติเหตุไว้ก่อน ยิ่งลูกค้าขับรถมา หมอดูก็ต้องบอกว่ามีดวงเกี่ยวกับการอุบัติเหตุรถ ซึ่งมันสามารถเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้
 
-ให้ระวังเรื่องสุขภาพ 
 
สำหรับมนุษย์เราสมัยนี้ที่กินอะไรเข้าปากก็มีแต่สารพิษทั้งนั้นก็มีสิทธิล้มป่วยโรคไหนก็ได้ยิ่งลูกค้าเป็นคนอายุมาก ๆ ระบุไปเลยครับ ตับไต หัวใจ ใส้พุง มีสิทธิ์ถูกเข้าทั้งนั้น
 
-จะทะเลาะกับคู่สมรส พูดจาไม่เข้าหูกัน
 
ยิ่งลูกค้าเป็นคนอายุมากๆ การทำนายเช่นนี้มีโอกาสถูกสูงมากเพราะผัวเมียวัยดึกจะพูดจาดีต่อกันได้ตลอดเวลาช่างมีน้อยเต็มประดา แม้แต่หนุ่มสาว โอกาสที่จะทะเลาะกันก็มีมากหากได้ยินคำทำนายเช่นนี้ลูกค้าก็อาจจะตีความเข้าข้างตัวเองก็ได้
 
- พี่น้อง/ลูก/คนรอบข้างพึ่งพาได้หรือไม่ได้
 
อันนี้หมอต้องใช้วินิจฉัยเอาเองจากสภาพของลูกค้า หากลูกค้าดูกังวลใจและดูด้อยทรัพย์ การฟันธงว่าพี่น้องหรือลูกหรือคนรอบข้างพึ่งพาไม่ได้จะมีโอกาสถูกสูงกว่า นอกจากนี้คำว่า "พึ่งพา"ยังเปิดให้มีการตีความเพราะมันมีหลายระดับ อันนี้เจอเข้ากับตัวผมเองเลยครับ ผมพาแม่ไปดูดวง หมอดูก็บอกว่า ลูกคนนี้พึ่งได้ (อ้าวถ้าพึ่งไม่ได้แล้วจะขับรถพาแม่มาดูหมอได้หรือวะ ?)
 
-คุณจะอายุยืน
 
เป็นธรรมดาสำหรับมนุษย์เราที่ต่างปรารถนาจะเสียชีวิตด้วยวัยอันสมควร การทำนายเช่นนี้ย่อมปลอดภัยกว่าการชี้ลงไปชัด ๆ ว่าลูกค้าจะตายเมื่อไร หรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรทำนายว่าให้ระวังอันตรายหรืออุบัติเหตุร้ายแรงในช่วงอายุนั้น ๆ และถ้าลูกค้าดันมาตายก่อนก็คงจะเป็นผีมาเตะหมอดูไม่ได้ หรือญาติคนตายก็คงมัวแต่เศร้าเสียใจไม่ได้มายืนด่าหมอ ที่สำคัญนั่นเป็นแค่ลูกค้ารายหนึ่งเท่านั้น
 
-ถ้าขยันก็จบ
 
อันนี้เจอมากับตัวนะครับ ถามว่าจะเรียนจบเมื่อไร หมอดูที่แสนดีก็ตอบแบบข้างบนนั่นแหละ เล่นเอาหงิกไปเลย พร้อมกับคำถามในใจว่า "แล้วกูจะมาดูหมอทำไมฟะ ?"หรืออย่างดี หมอดูบางคนอาจจะเล่นคำนิดหน่อยเช่น "จบแต่ต้องใช้เวลามากหน่อย" คือแกคงคิดว่าจำนวนของคนขยันที่มาดูหมอน่าจะน้อยกว่าจำนวนคนขี้เกียจที่ไม่แน่ใจผลการเรียนของตัวเอง อย่างนี้แหละปลอดภัยดีแต่ผมละเลิกสนใจดูหมอเลย
 
5.สรุป
 
บางทีมันก็มีนะครับ คือถูกเป๊ะเลยเช่นสามารถทำนายว่าคุณมีลูก 3  คนได้ทั้งที่เพิ่งคุยกันได้แค่ 2-3 คำ แต่อย่าชะล่าใจไปหากท่านไม่ได้เจอหมอดูระดับเทพตัวจริง คำทำนาย 10 ครั้งอาจจะมีถูกแค่ 2 หรือ 3 ครั้ง แต่หากหมอดูสามารถสะกดจิตลูกค้าได้จากกลยุทธทั้ง 3  ข้อแรก เมื่อเจอข้อที่ 4 เข้าซึ่งทั้งหมดเป็นคำทำนายที่ใช้ถ้อยคำคลุมเครือ ลูกค้าก็อาจจะตีความเข้าข้างตัวเอง คำนายก็ถูกเพิ่มขึ้นจนเกือบเต็ม 10  หมอดูจริง ๆ ก็คือคนที่สนใจในสถานการณ์โลกหรือเหตุการณ์บ้านเมือง (จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นนักพยากรณ์ศาสตร์แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน) เช่นเดียวกับการเป็นนักจิตวิทยาที่ดี ทำตัวเป็นมิตร ทำให้ลูกค้าไว้ใจหรือไม่ก็เกรงขาม จนเผลอบอกรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง ทำให้หมอดูสามารถใช้เป็นร่องรอยหรือ clue ในการเดาหรือทำนายชีวิตของคุณได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราควรจะพึงตะหนักไว้ให้ดีเมื่อมาดูหมอ
 

บล็อกของ อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์

อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ตัวละครบางตัวได้แรงบันดาลใจมาจากอิ๊กคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา The Abbot and The Noble           (1) In our village , Abbot Akisada was enormously respected by most of our
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เรื่องความแค้นของผีตายทั้งกลม This (real) horror short story is partly inspired by the ghost tale told by the popular YouTuber like Ajarn Yod. Or it is in fact from the amateurish storytellers participating in Ghost Radio or The Shock more or less.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
My Moment with the Romanov It is based on some historical facts and persons , but it is still fictitious anyways.   Chapter 1 St.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
This is the second play I have written in my entire life. Now I hope some of my styles of language , cheekily imitating the Elizabethan writer I didn't mention the name here before : William Shakespeare, won't disturb you much.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
นวนิยายเรื่องนี้ถูกเขียนประมาณ ปี 2005 หรือ 2006  ผู้เขียนเองก็จำไม่ค่อยได้ ตัวเอกหรือผู้บรรยายเป็นคนไทยแต่ไปสอนวรรณคดีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเบอร์ลินในเยอรมันช่วงที่นาซีกำลังเรืองอำนาจ อนึ่งไม่ได้มีการตรวจสอบภาษาไทยเท่าไรนัก จึงต้อขออภัยหากมีความผิดพลาดทางภาษาเกิดขึ้น&nbs
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
(newly compiled and edited)  This is the first play I have ever written in my entire life.It is a sublime story about ghost, inspired by The Shock , the popular radio program of horror story telling from fan clubs via telephone.  I am also truly impressed wi
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เมื่อประมาณต้นเดือนตุลาคม เกาหลีเหนือได้จัดพิธีเดินสวนสนามของกองทัพเพื่อฉลองครบรอบการก่อตั้งพรรคแรงงานหรือ Worker's Party ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเกาหลีเหนือ (ความจริงยัง
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ทรัมป์ได้สร้างความฮือฮาให้กับคนไทยเพราะเผลอไปเรียก Thailand เป็น Thighland หรือดินแดนแห่ง "ต้นขา" โดยคนไทยทั่วไปไม่ซีเรียส เห็นว่าเป็นเรื่องสนุกสนานไป เพราะรู้มานาน