Skip to main content

นตำราเรียนมักบอกว่าหลังสิ้นสุดสงครามเย็นและการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 มีประเทศที่ยังเป็นคอมมิวนิสต์เหลืออยู่เพียง 5 ประเทศคือจีน เวียดนาม ลาว คิวบาว และเกาหลีเหนือ (ตลกดีมีคนที่ผมรู้จักอย่างน้อย 2 คนคิดว่ารัสเซียยังเป็นคอมมิวนิสต์อยู่) สำหรับเกาหลีเหนือมีข้อถกเถียงกันว่าจริงๆ เกาหลีเหนือเป็นคอมมิวนิสต์หรือไม่ ผมว่าคำตอบนั้นซับซ้อนยิ่งกว่ามีและไม่มี หลายคนบอกว่าเกาหลีเหนือไม่ใช่คอมมิวนิสต์ เพราะนับถือลัทธิจูเช่ (Juche) ซึ่งเน้นเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตัวเอง และระเบียบอำนาจทางสังคมแบบขงจื้อและราชวงศ์ในอดีตเสียยิ่งกว่าลัทธิมาร์กซ์ซึ่งต้องการให้มนุษย์มีความเท่าเทียมกันภายหลังการล่มสลายของระบบทุนนิยมและรัฐ นอกจากนี้เกาหลีเหนือเลิกบอกตัวเองว่าเป็นคอมมิวนิสต์โดยบอกว่าตัวเองเป็นสังคมนิยมและบอกเลิกการยึดถือลัทธิมาร์กซ์ เองเกล และเลนินไปตั้งแต่ทศวรรษที่ 70 เพื่อการเป็นอิสระจากการครอบงำของสหภาพโซเวียต และเป็นการยกย่องลัทธิจูเชซึ่งช่วยยกสถานะของคิม อิลซุงอันช่วยให้เกาหลีเหรือไม่ถูกครอบงำโดยลัทธิเหมาของจีนในช่วงปฏิวัฒนธรรม นอกจากนี้การสืบต่ออำนาจก็ไม่เหมือนพรรคคอมมิวนิสต์ที่จะใช้การเลื่อนตำแหน่งตามองค์กร และการแย่งอำนาจในบรรดาตัวบุคคลและก๊กหรือ faction แต่สำหรับเกาหลีเหนือใช้การสืบทอดทางสายเลือดเหมือนราชวงศ์ จนมีบางแหล่งประดิษฐ์คำใหม่ที่ขัดแย้งในตัวเองนั่นคือบอกว่าเกาหลีเหนือมีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์แบบราชวงศ์

กระนั้นผมยังมองว่าเกาหลีเหนือมีความเป็นคอมมิวนิสต์หลงเหลือด้วยอยู่มากไม่ว่าทางตรงหรือทางพิธีกรรม สัญลักษณ์ ท่าที่หลายประการและคอมมิวนิสต์ที่ว่าก็ไม่ใช่ตามทฤษฏีมาร์กซ์อย่างแท้จริง ด้วยประเทศที่บอกว่าตัวเองเป็นคอมมิวนิสต์ทุกประเทศก็ไม่เคยใช้ทฤษฏีมาร์กซ์เพียงอย่างเดียวโดยจะบอกว่าใช้ทฤษฏีของเลนินมาปนด้วย รวมไปถึงอุดมการณ์อื่น ๆ เช่นลัทธิชาตินิยม ตัวอย่างได้แก่ พรรค Worker's Party ที่ก่อตั้งโดยคิม อิลซุงในปี 1948 น่าจะคงรูปแบบและโครงสร้างที่ได้รับอิทธิพลจากพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตมาไม่มากก็น้อย สำหรับเศรษฐกิจของประเทศยังคงรวมศูนย์อำนาจอย่างสูงมากโดยระบบราชการ เกาหลีเหนือดำเนินตามแบบโซเวียตและจีนคือการให้รัฐควบคุมองค์กรทางเศรษฐกิจและธุรกิจ การพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก การทำนารวมหรือ collectivized farm ซึ่งส่งผลให้เกาหลีเหนือประสบกับการอดยากครั้งรุนแรงจนทำให้คนเกาหลีเหนือเสียชีวิตเป็นล้านๆ เมื่อพบกับภัยธรรมชาติ เข่นเดียวกับจีนและโซเวียต ส่วน การบริการภาครัฐไม่ว่าด้านสาธารณรัฐสุข ขนส่งมวลชน การศึกษาก็ล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ เมื่อรัฐเจ๊ง ระบบราชการล้มเหลว เต็มไปด้วยคอรัปชั่น การบริการเหล่านั้นก็ล้มเหลวไปด้วย อันส่งผลให้คนเกาหลีเหนือส่วนใหญ่เหมือนตกนรกทั้งเป็น แน่นอนว่าเมื่อมีคนไปเที่ยวเกาหลีเหนือ จึงมักถูกจำกัดให้บันทึกภาพของคนและสถานที่เกาหลีเฉพาะในนครเปียงยางและชนชั้นกลาง ฐานะดี สาวแต่งชุดพื้นเมืองสวยๆ เริงระบำเก่งๆ ปนกับภาพคนดื่มเบียร์ สูบบุหรี่ ย่อมเป็นภาพเสี้ยวเดียวที่รัฐบาลต้องการให้โลกเห็น ชาวโลกจึงไม่ค่อยเห็นคนอดอยากหรือถูกบังคับใช้แรงงานจนตาย กลยุทธ์นี้ประเทศคอมมิวนิสต์เกือบทุกประเทศพยายามใช้หลอกลวงชาวโลกซึ่งก็ประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างเช่นจีนยุคเหมา

ส่วนคนที่สุขสบายก็ได้แก่ชนชนชั้นนำและข้าราชการระดับสูงซึ่งยังคงต้องการรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของตนเหมือนประเทศคอมมิวนิสต์เช่นคิวบาและลาวอันเป็นผลให้เกาหลีเหนือไม่มีวันที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจของตนให้เป็นเสรี แม้จะมีการยอมรับโดยกลายๆ ว่าเกาหลีเหนือต้องเป็นทุนนิยมมากขึ้นตามแบบจีน เพื่อความอยู่รอดท่ามกลางการคว่ำบาตรของตะวันตก นอกจากนี้สิทธิการถือครองทรัพย์สินของประชาชนยังขาดความชัดเจน เพราะรัฐยังทรงอิทธิพลอยู่มากในการกำหนดชีวิตของประชาชนในทุกด้าน ตัวอย่างเช่นก่อนหน้าปี 2016 รัฐไม่ยอมรับสิทธิในการครอบครองที่ดินของประชาชน

ในปัจจุบัน แม้เกาหลีเหนือจะไม่ยอมรับสัญลักษณ์ของสตาลินเช่นรูปปั้นและแนวคิดของสตาลินเหมือนกับตอนกำลังก่อตั้งประเทศ เพราะคิม อิลซุงเป็นเด็กสร้างของสตาลิน (แต่ตลกว่าหนังสือประวัติศาสตร์ของเกาหลีเหนือไปเขียนบอกว่าสตาลินยำเกรงและสำนึกในบุญคุญของคิมในการรบเอาชนะญี่ปุ่นช่วงสงครามโลก) แต่เกาหลีเหนือในปัจจุบันยังปกครองประเทศตามแบบสตาลินอยู่ไม่ผิดเพี้ยนเช่นลัทธิเชิดชูบุคคล หรือ cult of personality ซึ่งเกาหลีเหนือลอกมาจากสหภาพโซเวียตและไม่เคยมีมาก่อนในเกาหลีสมัยราชวงศ์ เช่นเดียวกับการประกอบพิธีกรรมเพื่อเชิดชูรัฐและผู้นำโดยการเกณฑ์คนมาแสดงประกอบแสงสีเสียงล้วนเหมือนสหภาพโซเวียตและจีนยุคเหมา เจ๋อตง ส่วนประเทศในยุโรปตะวันออกก็พยายามเหมือนแต่ไม่สำเร็จอย่างเช่นโรมาเนียในยุคเชาเชสกู

นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังเป็น paranoid state ที่ระแวดระวังต่อผู้จะมาโค่นล้มรัฐบาลและนายคิม จองอุนหลานของคิม อิลซุง โดยการมีตำรวจลับ คุกหรือค่ายกักกันซึ่งลอกมาจากกูลักของสตาลิน อันมีสภาพเลวร้ายเหมือนกัน ที่สำคัญคิมผู้หลานยังมีความระแวงว่าจะมีคนจ้องทำร้ายและโค่นล้มอำนาจตน อันผลให้มีการกำจัดหรือ purge เจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เชื่อได้ว่าในประเทศนี้ไม่มีใครเลยรู้สึกปลอดภัย (แม้แต่ตัวคิมเอง) ด้วยความผิดเล็กๆ น้อยๆ เข่นเผลอไปวิจารณ์นโยบายของรัฐ หรือแม้ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่โดยใส่ร้าย เขาหรือเธอและครอบครัวก็อาจเข้าไปเน่าตายในคุก เหตุการณ์ดังกล่าวก็เคยเกิดขึ้นแล้วในโซเวียตยุคสตาลินและจีนยุคปฏิวัติวัฒนธรรม

บทความนี้จบลงโดยการระลึกถึงคุณสุทธิชัย หยุ่นนักข่าวผู้เชี่ยวชาญเรื่องต่างประเทศและคว่ำหวอดในวงการมายาวนาน สุทธิชัยน่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาคนไม่มากที่ยกย่องเกาหลีเหนือว่ามีประชาชนที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักเสียสละตนเพื่อชาติ และเขายังเทิดทูน ยกย่องคิม จองอุนประดุจเจ้าชายน้อยผู้ชาญฉลาดและกล้าหาญในการนำเกาหลีเหนือต่อกรกับประเทศอันธพาลและชั่วร้ายอย่างสหรัฐ (แต่ถ้าถามสุทธิชัยว่าให้เลือกไปใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐฯ หรือเกาหลีเหนือ ก็อยากรู้ว่าเขาจะตอบว่าอย่างไร) อันไม่แตกต่างจากมุมมองที่ปัญญาชนตะวันตกมองประเทศคอมมิวนิสต์ด้วยความหลงไหลเมื่อทศวรรษที่ 50 และ60 เลย

 

 

 

 

                            ในภาพอาจจะมี 15 คน, รวมถึง ทัวร์ สามหกห้า ท่องเที่ยว, คนที่ยิ้ม

บล็อกของ อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์

อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
 
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เข้าใจว่าผลงานของ William Shakespeare ที่คนไทยรู้จักกันดีรองจากเรื่อง Romeo and Julius ก็คือวานิชเวนิส หรือ Merchant of Venice ด้วยเหตุที่ล้นเกล้ารัชกาลที่หกทรงแปลออกมาเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับเด็กนักเรียนได้อ่านกัน และประโยค ๆ หนึ่งกลายเป็นประโยคยอดฮิตที่ยกย่องดนตรีว่า &nbsp
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
หากพูดถึงหนังเพลงหรือ musical ที่มีสีสันมากที่สุดเรื่องหนึ่งในทศวรรษที่ห้าสิบและหกสิบ เราก็คงจะนึกถึงเรื่อง West Side Story เป็นเรื่องแรก ๆ อาจจะก่อน Singin' in The Rain หรือ Sound of Music เสียด้วยซ้ำ ด้วยหนังเรื่องนี้มีจุดเด่นคือเพลงทั้งบรรเลงและเพลงร้องที่แสนไพเราะ ฝีมือการกำกับวงของวาทยากรอ
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
มักเป็นที่เข้าใจว่าอเมริกาเป็นประเทศแห่งความเท่าเทียมกัน อาจด้วยอเมริกานั้นไม่เคยเปลี่ยนผ่านยุคศักดินาเหมือนกับประเทศในเอเชียและยุโรป อเมริกาถึงแม้จะมีชนชั้นกลางมากแต่บรรดาในชนชั้นกลางก็มีการแบ่งแบ่งแยกที่ดีที่สุดคือเงิน รองลงมาก็ได้แก่ฐานะทางสังคม สีผิว เพศ ฯลฯ เอาเข้าจริงๆ ไม่มีสังคมไหนในโลกท
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
    1.นอยด์ เป็นคำแสลงที่ถือกำเนิดได้มานานหลายปีแล้ว มาจากคำว่า noid กร่อน (โดยคนไทยเอง) จากศัพท์อังกฤษ  paranoid ซึ่งแปลว่า ความวิตกกังวลว่าคนอื่นไม่ชอบหรือพยายามจะทำร้ายตัวเองแม้ว
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
                                                                                    &
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ผีเป็นบุคคลที่เราไม่พึงปรารถนาจะพบ แต่เราชอบนินทาพวกเขาแถมยังพยายามเจอบ่อยเหลือเกินในจอภาพยนตร์ ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่ามีตัวตนจริงหรือเปล่า ด้วยส่วนใหญ่ได้ยินกันปากต่อปาก ประสบการณ์ส่วนตัวก็ไม่ชัดเจน อาจเกิดจากความผิดปกติทางประสาทสัมผัส หรือการหลอกตัวเองก็ได้ ยิ่งหนังผีทำได้วิจิตร พิศดารออกมามากเท่า
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
                 แปลและตัดต่อบางส่วนจากบทความ Gustav Mahler : The Austrian composer เขียนโดยเดรีก วี คุก จาก  www.britannica.com
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ทศวรรษที่ 80 ของฝรั่งคือปี 1980-1989  หรือว่าช่วง พ.ศ. 2523  ถึง พ.ศ.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ถึงแม้เบโธเฟน (Ludwig Van Beethoven) จะได้ชื่อว่าเป็น คีตกวีที่แสนเก่งกาจคนหนึ่งในยุคคลาสสิกและโรแมนติก แต่ศิลปะแขนงหนึ่งที่เขาไม่สู้จะถนัดนักคือการเขียนอุปรากร เหมือนกับ โมซาร์ท คาร์ล มาเรีย ฟอน เวเบอร์ หรือ โจอากีโน รอสซีนี  ดังนั้นช่วงชีวิต 50 กว่าปีของเบโธเฟนจึงสามารถสร้างอุปรากรออกมาไ
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ตามความจริง คำว่า Godfather เป็นคำที่ดีมาก หมายถึงพ่อทูนหัว ของศาสนาคริสต์ที่หมายถึงใครสักคนหนึ่งยอมรับเป็นพ่อทูนหัวของเด็กซึ่งเป็นลูกของคนอื่นในพิธีศีลจุ่มหรือ Baptism เขาก็จะเป็นผู้ประกันว่าเด็กคนนั้นจะได้รับการศึกษาทางศาสนาและถ้าพ่อแม่ของเด็กคนนั้นตายก็ต้องรับอุปการะ นอกจากนี้ยังหมายถึงฝ่ายห
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
 visionary ,under the shadow Prayut tries to be the most visionary politician,but he is merely under the shadow of Thacky.&