Skip to main content

นายยืนยง 

  
นิตยสารรายเดือน             :           ควน ป่า นา เล  4 เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์

ตั้งแต่ปลายมีนาคมจนถึงวันนี้ 9 เมษายน ฉันอาศัยทีวีและหนังสือพิมพ์ อันเป็นสื่อกระแสหลักที่นำเสนอข่าวสารที่เป็นกระแสหลัก คือ ข่าวการเมือง เหมือนกับทุกครั้งที่อุณหภูมิการเมืองเดือดขึ้น ฉันดูข่าวเกินพิกัด อ่านหนังสือพิมพ์จนแว่นมัวหมอง ตื่นระทึกไปกับทุกจังหวะก้าวย่างของมวลชนเสื้อแดง

มีอารมณ์ร่วมกับภาคการเมืองส่วนกลางในฐานะผู้เสพข่าวสารเท่านั้นเองจริง ๆ เท่านั้นเองไม่มากกว่านั้น  ในชีวิตหนึ่งกับเป้าหมายของพัฒนาการทางสังคมประชาธิปไตย ฉันมีส่วนร่วมซึ่งเรียกว่าแทบไม่ได้ไปร่วมแรงร่วมใจอะไรเลย เป็นได้เท่านั้น

ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ ฉันอาจหันหลังให้ภาคการเมือง ทำหมันการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของตัวเอง ดำรงตนเหมือนคนที่ในอดีตฉันเคยดูแคลนว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว ไม่สนใจสังคมการเมือง มองเห็นแต่เล็บตีนของตัวเอง เพราะฉันเริ่มเชื่อแล้วละว่า การเมืองต้องแก้ไขด้วยกระบวนการทางการเมือง การลุกขึ้นมาเดินขบวนเรียกร้องความไม่เป็นธรรมนั้น เป็นเพียงตัวกระตุ้นหนึ่งที่อาจมีค่าความสำคัญขึ้นมาก็ต่อเมื่อสำนักข่าวให้ความสนใจจะทำข่าว และฉันเชื่อแล้วว่า การเมืองไม่อาจเยียวยาโรคเรื้อรังที่ลุกลามเป็นปัญหาสังคมได้ ไม่เท่านั้น การเมืองยังทำลายภูมิคุ้มกันของคนในสังคมไปพร้อมกันด้วย

ที่สุดแล้วฉันเลิกเชื่อในสิ่งที่เป็นภาพแบบมหภาค เช่น พวกตัวเลขจีดีพี อัตราการว่างงาน เปอร์เซ็นต์การเติบโตทางธุรกิจ แม้นักวิชาการจะปรารภว่าปัญหาของประเทศเราเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างก็ตาม

ฉันกำลังให้ความสนใจในเรื่องที่เป็นจุลภาค สิ่งเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้มือเรา ไม่ต้องกระเสือกกระสนสร้างภาพให้ดูดีเมื่อมองผ่านกล้องโทรทัศน์ในมุมไกล แต่เราจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า ด้วยตาของเราเอง

เช่นเดียวกับนิตยสาร ควน ป่า นา เล ที่ออกเป็นรายเดือนจากฝีมือกลุ่มศิลปะวรรณกรรมควน ป่า นา เล จังหวัดสงขลา ที่ให้ภาพพจน์สำคัญแก่วิถีชุมชน ภายใต้แนวคิด "โลกทัศน์ชาวบ้าน จิตวิญญาณชุมชน"  ที่ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการพัฒนาแบบจุลภาค ให้ความสำคัญกับสิ่งใกล้ตัว ที่เราผูกพันอยู่ทุกวี่วัน

ควน ป่า นา เล ฉบับที่ 4 นี้ ให้ชื่อว่า "เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์" โดยในบทบรรณาธิการ คุณวัฒนชัย มะโนมะยา

ได้เขียนให้เห็นภาพพจน์ของคำว่า วิถีของเมล็ดพันธุ์ ที่นอกจากมีการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์แล้ว ยังมีอุปสรรคของการหยั่งรากลงดิน ทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องอยู่กับ วิถีชีวิตตามหลักธรรมชาตินิยม

เขาเขียนไว้ว่า
ผมอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างเติบโตตามธรรมชาติ ออกดอกออกผลตามฤดูกาล และแผ่ขยายพันธุ์ออกไปอย่างอุดมสมบูรณ์ โดยมีเงื้อมมือมนุษย์เข้าไปข้องเกี่ยวกับชีวิตมันให้น้อยที่สุด

ขณะเดียวกัน บทความที่เผยแพร่อยู่ในควน ป่า นา เล เล่มนี้ ส่วนใหญ่ยังแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เติบโต แตกหน่อ ผลิใบ หรือแม้แต่กำลังร่วงโรยอยู่ในผืนดินแห่งศตวรรษที่ 21 โดยพยายามให้ความสำคัญของรากเหง้าที่เคยแข็งแกร่งในอดีต และกำลังกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งในปัจจุบัน เห็นได้จากบทสัมภาษณ์ของ อิหม่ามรอหีม สะอุ บุรุษผู้ฟังเสียงปลา หรือ ตังเกหูเรดาร์ ผู้เปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ที่หยั่งรากลึกในผืนดิน เติบโตให้ร่มเงา ดอกผลแก่ผืนดินนั้น

อิหม่ามรอหีม สะอุ เรียนรู้การฟังเสียงปลาในทะเล อันเป็นวิถีชีวิตของชาวประมงมาแต่ครั้งบรรพชน กระทั่งทุกวันนี้ อุปกรณ์หาเลี้ยงชีพของชาวประมงได้พัฒนามาถึงขั้นกวาดล้างทรัพยากรธรรมชาติให้เหี้ยนเตียนไปหมดในคราวเดียวได้ ก็ถึงคราวที่คนในชุมชนจะได้ตระหนักว่า วิถีชีวิตแบบไหนที่ยั่งยืน อย่างไหนเป็นเพียงกระแส โดยอิหม่ามรอหีมได้ยกเอาพระราชดำรัสในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นที่ตั้ง

วิถีพอเพียงนั้นแท้จริงแล้วได้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษที่อยู่อาศัยแบบเกื้อกูลธรรมชาติ เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในกระแสพัฒนาเศรษฐกิจ วิถีชีวิตดั้งเดิมก็ถูกทำลายลง ทั้งคนและธรรมชาติแวดล้อม

การที่จะหวนคืนกลับมาใช้ชีวิตในวิถีดั้งเดิมได้อีกครั้งนั้น จะเริ่มต้นจากจุดไหน หากพึ่งโครงสร้างทางสังคม ซึ่งมีภาคการเมืองแบบองค์รวม ต้องใช้เวลากี่สิบปี ดังนั้นการเริ่มต้นจากจุดเล็กสุดก็ต้องเริ่มด้วยมือเราเอง กล่าวได้ว่า วิธีการแก้ปัญหาที่จะเป็นมรรคผลทั้งต่อตัวเองและสังคมนั้น ต้องเริ่มจากตัวเราเสียก่อน

ยกตัวอย่าง อิหม่านรอหีมที่ปลุกผักปลอดสารพิษไว้กินเอง และขายให้กับโรงพยาบาลหาดใหญ่

สร้างเครือข่ายร่วมกับคนในชุมชน ให้หวนกลับมาดำรงชีวิตด้วยวิถีดั้งเดิม เกื้อกูลธรรมชาติ ถือเป็นกระบวนการเยียวยารักษาโรคเทคโนโลยีเป็นพิษด้วยต้วเอง ไม่ต้องพึ่งนโยบายของรัฐบาล ชุมชนก็สามารถยืนหยัดขึ้นได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ ในควน ป่า นา เล ยังมีบทความน่าสนใจที่เป็นประโยชน์ ให้แง่คิด เกร็ดความรู้ ทั้งในแง่กฎหมายที่ควรรู้ มีภาษาท้องถิ่นแนะนำ รวมทั้งให้น้ำหนักกับงานวรรณกรรม เรื่องสั้น บทกวีอยู่พอสมควร หากแต่ละชุมชนจะมีนิตยสารหรือมีสื่อเป็นของตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นพัฒนาการที่ดีงามของสังคมไม่น้อยไปกว่ามีเงินกองทุนหมู่บ้าน หรือโครงการประชานิยมทั้งหลายแหล่

แม้มีการกล่าวถึงหรือนำเสนอวิถีชีวิตเช่นเดียวกันนี้ในหลายสื่อ มีความพยายามสร้างภาพให้เป็นกระแสหลักอยู่พอสมควร แต่ภาพที่ผ่านกระบวนการตัดต่อโดยองค์กรสื่อจะถือเป็นภาพที่ซื่อสัตย์ได้กี่มากน้อย อย่างมากฉันเห็นเป็นแค่การนำเที่ยวชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงเท่านั้นเอง นี่เป็นข้อแตกต่างระหว่างสื่อกระแสหลักกับสื่อของชุมชนเอง อย่างนิตยสารควน ป่า นา เล ที่เป็นนิตยสารระดับตำบล สร้างสรรค์โดยคนในพื้นที่ที่รู้เห็น เกี่ยวเนื่องผูกพันอยู่จริง ตามที่เขาโปรยหัวนิตยสารไว้ว่า นิตยสารระดับตำบล สำหรับคนทั่วประเทศ

หากถามว่า ตำแหน่งแห่งที่ของชุมชนหรือจุลภาคนั้น เป็นส่วนหนึ่งของประเทศของมหภาคไม่ใช่หรือ ก็แน่นอนว่าใช่ แต่การร่วมมือลงแรงของคนในพื้นที่ด้วยแรงบันดาลใจส่วนตัวย่อมมีพลังอยู่ในตัวเอง

ฉันเห็นว่าสื่อประเภทนี้มีความมั่นคงยั่งยืนในระยะยาว อันนี้ไม่ได้หมายความว่า นิตยสารจะขายดิบดีหรือมีผลกำไรให้สานต่อเป็นรูปเล่มหนังสือ หากแต่ยั่งยืนในแง่ของการพัฒนาสังคม และสร้างสรรค์ให้เกิดคุณภาพชีวิตที่แผ่ขยายออกไปสู่คนรุ่นต่อไปได้ ด้วยแนวคิดหรือด้วยการประสานงานระหว่างคนในชุมชนเอง โดยไม่ต้องรอคอย ฝากความหวังไว้ที่รัฐบาล หรือหน่วยงานราชการแต่อย่างใด

ฉันเชื่อว่าถ้าชุมชนเข้มแข็ง ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง สักวันหนึ่ง คำโฆษณาชวนเชื่อของนักการเมืองจะกลายเป็นแค่ขี้ปากของคนใส่สูทกระจอก ๆ ที่ชวนอ้วก สักวัน เราจะไม่ต้องยืนทำท่าสงบเสงี่ยมเจียมตัว มือกุมเป้ากางเกง อ้อนวอนนักการเมืองขอถนน ขอเงินกองทุนหมู่บ้าน ฉันว่าตอนนั้น คำว่า ประชาธิปไตยคงไม่มีใครพูดถึงให้เปลืองน้ำลาย

ดังนั้นจึงน่าสนับสนุน หากความเข้มแข็งจะดำรงอยู่ในป้จเจกชนคนธรรมดา ในเครือข่ายที่ก่อกำเนิดขึ้นด้วยลำแข้งของตัวเอง

นิตยสาร ควน ป่า นา เล ของชุมชน จึงเป็นพื้นที่เผยแพร่ความเข้มแข็งที่ยั่งยืนให้แก่คนในชุมชนได้มากกว่าที่จะให้เรื่องราวเหล่านี้ไปปรากฏเป็นตัวประกอบให้กับสถานีข่าวกระแสหลัก เพราะแม้แต่สถานีทีวีไทยที่ดำรงนโยบายงี่เง่าแห่งชาติอย่างเหนียวแน่น ก็ทำข่าวชุมชนด้วยอาการดัดจริต ไม่ทราบจะมัวกระดืบคืบคลานเกาะชายกระโปรงรัฐบาลอภิสิทธิ์ไปเพื่ออะไร ไม่เชื่อถามใครที่ดู ทีวีไทย ก็ได้

พอจะมีพิธีทำหน้าที่ได้น่าชื่นใจสักคนหนึ่งก็มันอันต้องดับไปอีก เพราะหล่อนสวมเสื้อตัวในสีแดงทำหน้าที่พิธีกร ไม่ทราบตอนนี้หล่อนระเห็จหายไปจากหน้าที่พิธีกรไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ปล่อยให้เพื่อนร่วมงานพูดผิด ๆ ถูก ๆ ทุก 5 นาที ออกมาเริงร่าแทน เวลาสัมภาษณ์ก็สวมวิญญาณนักศึกษาจดแล็คเชอร์ พยักหน้าค่ะ ๆ อยู่นั่นเอง

แน่นอน เรายังมีสื่อทางเลือกให้สรรหามาเสพตามอัตภาพ แต่สังคมไทย ยังขาดสื่อหลักของชุมชนอันจะเป็นปากเป็นเสียงของคนในชุมชนเอง เพราะขนาดไฟไหม้อยู่หน้าปากซอย เรายังเห็นภาพควันไฟโขมงโฉงเฉงอยู่หน้าจอทีวีก่อนเปิดหน้าต่างมองภาพด้วยตาของตัวเองด้วยซ้ำ นี่ยังไม่เกี่ยวกับ "ความน่าเชื่อถือ" ของสื่ออีกต่างหาก

ดูไปแล้ว กระแสความรับรู้ที่มีต่อสื่อนั้น เราได้ฝากความหวังไว้ที่ "คนอื่น" ซึ่งอยู่ห่างไกลจากเรา และเรามักยอมรับสื่อที่ถูก "ปรุงแต่ง" มาให้พร้อมสรรพ พร้อมบริโภคเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากกว่าเงยหน้าขึ้นมองด้วยตาของตัวเอง ยิ่งถูกสื่อต่าง ๆ ป้อนมาให้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผู้บริโภคอย่างเราแม้อิ่มตื้อแค่ไหนก็ต้องกล้ำกลืนกินเข้าไป เพื่อให้ได้ปริมาณและมีความรอบคอบ หลากหลาย โดยเฉพาะเพื่อแสวงหา "ความเป็นกลาง" หรือ "ความเที่ยงธรรม"

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่มีสื่อใด ๆ จะเป็นกลางสมบูรณ์แบบ ที่เมื่อบริโภคแล้วทำให้รู้รอบ รู้ลึก ดังนั้น เพื่อบรรลุถึงอุดมการณ์ของผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร เราต้องเสพข่าวอย่างหลากหลาย คัดสรรกลั่นกรอง ให้ได้มาซึ่ง "เนื้อหา" ที่เที่ยงธรรมที่สุด แต่ขอโทษที ฉันเหนื่อยปางตาย แทบสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะเมื่อต้องอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน วันละสี่ฉบับ ต้องอ่านนิตยสารรายสัปดาห์ รายเดือน ต้องติดตามดูข่าวต้นชั่วโมง ต้องจ้องหน้าจอเว็บไซต์ ดูคลิปนักการเมืองให้สัมภาษณ์ อ่านข่าวที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในสื่อกระแส วันละสองชั่วโมง

และวันนี้ฉันขอหยุดตัวเองไว้แค่นี้ ปิดหน้าจอ ขี่มอเตอร์ไซด์ พาลูกชายนั่งหน้า ไปตระเวนดูตามศาลากลางจังหวัดที่เมื่อเช้าเห็นแว้บ ๆ มีทหารรักษาความปลอดภัยตั้งซุ้มมือปืน เอ้ย ไม่ใช่ ซุ้มรักษาความปลอดภัยเต็มพรืด ไปนั่งสูบมวนนิโคตินรับลมดูมวลชนเสื้อแดงแถวนั้น ให้เสียงจากลำโพงแหบ ๆ วิ่งผ่าโสตประสาท ถือเป็นการล้างหูไปในตัว เผลอ ๆ อาจต้องวิ่งไปหากระดาษแผ่นใหญ่ เขียนตัวอักษรร่วมสดุดีให้ได้อารมณ์

อำมาตยาธิปไตยจงเจริญ ทุนนิยมสามานย์จงเจริญ สาธุ!.

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
  นายยืนยงชื่อหนังสือ           :           พ.๒๗ สายลับพระปกเกล้าฯ ผู้เขียน               :           อ.ก. ร่งแสง (โพยม โรจนวิภาต)ประเภท              :           สารคดีประวัติศาสตร์          พิมพ์ครั้งที่ 2  พ.ศ.…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ฝรั่งคลั่งผี ผู้เขียน : ไมเคิล ไรท จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก : กรกฎาคม 2550 อ่าน ฝรั่งคลั่งผี ของ ไมเคิล ไรท จบ ฉันลิงโลดเป็นพิเศษ รีบนำมา “เล่าสู่กันฟัง” ทันที จะว่าร้อนวิชาเกินไปหรือก็ไม่ทราบ โปรดให้อภัยฉันเถิด ในเมื่อเขาเขียนดี จะตัดใจได้ลงคอเชียวหรือ
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เด็กบินได้ ผู้เขียน : ศรีดาวเรือง ประเภท : นวนิยายขนาดสั้น พิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2532 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์กำแพง มาอีกแล้ว วรรณกรรมเพื่อชีวิต เขียนถึงบ่อยเหลือเกิน ชื่นชม ตำหนิติเตียนกันไม่เว้นวาย นี่ฉันจะจมอยู่กับปลักเพื่อชีวิตไปอีกกี่ทศวรรษ อันที่จริง เพื่อชีวิต ไม่ใช่ “ปลัก” ในความหมายที่เราชอบกล่าวถึงในแง่ของการย่ำวนอยู่ที่เดิมแบบไร้วัฒนาการไม่ใช่หรือ เพื่อชีวิตเองก็เติบโตมาพร้อมพัฒนาการทางสังคม ปลิดขั้วมาจากวรรณกรรมศักดินาชน เรื่องรักฉันท์หนุ่มสาว เรื่องบันเทิงเริงรมย์…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : คนซื้อฝัน ผู้เขียน : ศุภร บุนนาค ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 2 กรกฎาคม 2537 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เคล็ดไทย ตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะอ่านหนังสือของนักเขียนไทยให้มากกว่าเดิม ฉันดำเนินการแล้วล่ะ อ่านแล้ว อิ่มเอมกับอรรถรสแบบที่หาจากวรรณกรรมแปลไม่ได้ หาจากภาษาของนักเขียนไทยรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยจะได้ จนรู้สึกไปว่า คุณค่าของภาษาได้แกว่งไกวไปกับกาละด้วย
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เพลงกล่อมผี ผู้เขียน : นากิบ มาห์ฟูซ ผู้แปล : แคน สังคีต จาก Wedding Song ภาษาอังกฤษโดย โอลีฟ อี เคนนี ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งแรก มิถุนายน 2534 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์รวมทรรศน์ หนาวลมเหมันต์แห่งพุทธศักราช 2552 เยียบเย็นยิ่งกว่า ผ้าผวยดูไร้ตัวตนไปเลยเมื่อเจอะเข้ากับลมหนาวขณะมกราคมสั่นเทิ้มด้วยคน ฉันขดตัวอยู่ในห้องหลบลมลอดช่องตึกอันทารุณ อ่านหนังสือเก่า ๆ ที่อุดม ไรฝุ่นยั่วอาการภูมิแพ้ โรคประจำศตวรรษที่ใครก็มีประสบการณ์ร่วม อ่านเพลงกล่อมผีของนากิบ มาห์ฟูซ ที่แคน สังคีต ฝากสำนวนแปลไว้อย่างเฟื่องฟุ้งเลยทีเดียว…
สวนหนังสือ
นายยืนยง สวัสดีปี 2552 ขอสรรพสิ่งแห่งสุนทรียะจงจรรโลงหัวใจท่านผู้อ่านประดุจลมเช้าอันอ่อนหวานที่เชยผ่านเข้ามา คำพรคงไม่ล่าเกินไปใช่ไหม ตลอดเวลาที่เขียนบทความใน สวนหนังสือ แห่ง ประชาไท นี้ ความตื่นรู้ ตื่นต่อผัสสะทางวรรณกรรม ปลุกเร้าให้ฉันออกเสาะหาหนังสือที่มีแรงดึงดูดมาอ่าน และเขียนถึง ขณะเดียวกันหนังสืออันท้าทายเหล่านั้นได้สร้างแรงบันดาลใจให้วาวโรจน์ขึ้นกับหัวใจอันมักจะห่อเหี่ยวของฉัน
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ : เงาสีขาวผู้เขียน : แดนอรัญ แสงทองประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2550จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์สามัญชน น้ำเน่าในคลองต่อให้เน่าเหม็นปานใดย่อมระเหยกลายเป็นไออยู่นั่นเอง แต่การระเหิด ไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนกับการระเหย  ระเหย คือ การกลายเป็นไอ จากสถานภาพของของเหลวเปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นก๊าซระเหิด คือ การเปลี่ยนสถานภาพเป็นก๊าซโดยตรงจากของแข็งเป็นก๊าซ โดยไม่ต้องพักเปลี่ยนเป็นสถานภาพของเหลวก่อน ต่างจากการระเหย แต่เหมือนตรงที่ทั้งสองกระบวนการมีปลายทางอยู่ที่สถานภาพของก๊าซสอดคล้องกับความน่าเกลียดที่ระเหิดกลายเป็นไอแห่งความงามได้
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : เงาสีขาว ผู้เขียน : แดนอรัญ แสงทอง ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์สามัญชน ปกติฉันไม่นอนดึกหากไม่จำเป็น และหากจำเป็นก็เนื่องมาจากหนังสือบางเล่มที่อ่านค้างอยู่ มันเป็นเวรกรรมอย่างหนึ่งที่ดุนหลังฉันให้หยิบ เงาสีขาว ขึ้นมาอ่าน เวรกรรมแท้ ๆ เชียว เราไม่น่าพบกันอีกเลย คุณแดนอรัญ แสงทอง ฉันควรรู้จักเขาจาก เรื่องสั้นขนาดยาวนาม อสรพิษ และ นวนิยายสุดโรแมนติกในนามของ เจ้าการะเกด เท่านั้น แต่กับเงาสีขาว มันทำให้ซาบซึ้งว่า กระบือย่อมเป็นกระบืออยู่วันยังค่ำ (เขาชอบประโยคนี้นะ เพราะมันปรากฏอยู่ในหนังสือของเขาตั้งหลายครั้ง)…
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ : นิทานประเทศ ผู้เขียน : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์นาคร
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : นิทานประเทศ ผู้เขียน : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์นาคร   ผลงานของนักเขียนไทยในแนวของเมจิกคัลเรียลลิสม์ หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ หรือสัจนิยมมายา ที่ได้กล่าวถึงเมื่อตอนที่แล้ว ซึ่งจะนำมาเขียนถึงต่อไป เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นถึงข้อเปรียบเทียบระหว่างงานที่แท้กับงานเสแสร้ง เผื่อว่าจะถึงคราวจำเป็นจะต้องเลือกที่รักมักที่ชัง แม้นรู้ดีว่าข้อเขียนนี้เป็นเพียงรสนิยมส่วนบุคคล แต่ฉันคิดว่าบางทีรสนิยมก็น่าจะได้รับคำอธิบายด้วยหลักการได้เช่นเดียวกัน…
สวนหนังสือ
เมจิกคัลเรียลลิสม์ หรือที่แปลเป็นไทยว่า สัจนิยมมายา หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ เป็นแนวการเขียนที่นักเขียนไทยนำมาใช้ในงานเรื่องสั้น นวนิยายกันมากขึ้น ไม่เว้นในกวีนิพนธ์ โดยส่วนใหญ่จะได้แรงบันดาลใจมาจาก ผลงานของกาเบรียล การ์เซีย มาเกซ ซึ่งมาเกซเองก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก ฮวน รุลโฟ (ฆวน รุลโฟ) จากผลงานนวนิยายเรื่อง เปโดร ปาราโม อีกทอดหนึ่ง เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์วรรณกรรมแนวนี้ถูกตัดตอน ขอกล่าวถึงต้นธารของงานสกุลนี้สักเล็กน้อย กล่าวถึงฮวน รุลโฟ ซึ่งจริงๆ แล้วควรเขียนเป็นภาษาไทยว่า ฆวน รุลโฟ ทำให้หวนระลึกถึงผลงานแปลฉบับของ ราอูล ที่ฉันตกระกำลำบากในการอ่านอย่างแสนสาหัส…
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครนA SHORT HISTORY OF TRACTORS IN UKRAINIAN ผู้เขียน : MARINA LEWYCKA ผู้แปล : พรพิสุทธิ์ โอสถานนท์ ประเภท : นวนิยายแปล พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน และแล้วฉันก็ได้อ่านมัน ไอ้เจ้าแทรกเตอร์ฉบับยูเครน เมียงมองอยู่นานสองนานแล้วได้สมใจซะที ซึ่งก็สมใจจริงแท้แน่นอนเพราะได้อ่านรวดเดียวจบ (แบบต่อเนื่องยาวนาน) จบแบบสังขารบอบช้ำเมื่อต่อมขำทำงานหนัก ลามไปถึงปอดที่ถูกเขย่าครั้งแล้วครั้งเล่า ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครน เป็นนวนิยายสมัยใหม่ที่ใช้ภาษาง่าย ๆ แต่ดึงดูดแบบยุคทุนนิยมเสรี…