Skip to main content

นายยืนยง 

  
นิตยสารรายเดือน             :           ควน ป่า นา เล  4 เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์

ตั้งแต่ปลายมีนาคมจนถึงวันนี้ 9 เมษายน ฉันอาศัยทีวีและหนังสือพิมพ์ อันเป็นสื่อกระแสหลักที่นำเสนอข่าวสารที่เป็นกระแสหลัก คือ ข่าวการเมือง เหมือนกับทุกครั้งที่อุณหภูมิการเมืองเดือดขึ้น ฉันดูข่าวเกินพิกัด อ่านหนังสือพิมพ์จนแว่นมัวหมอง ตื่นระทึกไปกับทุกจังหวะก้าวย่างของมวลชนเสื้อแดง

มีอารมณ์ร่วมกับภาคการเมืองส่วนกลางในฐานะผู้เสพข่าวสารเท่านั้นเองจริง ๆ เท่านั้นเองไม่มากกว่านั้น  ในชีวิตหนึ่งกับเป้าหมายของพัฒนาการทางสังคมประชาธิปไตย ฉันมีส่วนร่วมซึ่งเรียกว่าแทบไม่ได้ไปร่วมแรงร่วมใจอะไรเลย เป็นได้เท่านั้น

ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ ฉันอาจหันหลังให้ภาคการเมือง ทำหมันการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของตัวเอง ดำรงตนเหมือนคนที่ในอดีตฉันเคยดูแคลนว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว ไม่สนใจสังคมการเมือง มองเห็นแต่เล็บตีนของตัวเอง เพราะฉันเริ่มเชื่อแล้วละว่า การเมืองต้องแก้ไขด้วยกระบวนการทางการเมือง การลุกขึ้นมาเดินขบวนเรียกร้องความไม่เป็นธรรมนั้น เป็นเพียงตัวกระตุ้นหนึ่งที่อาจมีค่าความสำคัญขึ้นมาก็ต่อเมื่อสำนักข่าวให้ความสนใจจะทำข่าว และฉันเชื่อแล้วว่า การเมืองไม่อาจเยียวยาโรคเรื้อรังที่ลุกลามเป็นปัญหาสังคมได้ ไม่เท่านั้น การเมืองยังทำลายภูมิคุ้มกันของคนในสังคมไปพร้อมกันด้วย

ที่สุดแล้วฉันเลิกเชื่อในสิ่งที่เป็นภาพแบบมหภาค เช่น พวกตัวเลขจีดีพี อัตราการว่างงาน เปอร์เซ็นต์การเติบโตทางธุรกิจ แม้นักวิชาการจะปรารภว่าปัญหาของประเทศเราเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างก็ตาม

ฉันกำลังให้ความสนใจในเรื่องที่เป็นจุลภาค สิ่งเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้มือเรา ไม่ต้องกระเสือกกระสนสร้างภาพให้ดูดีเมื่อมองผ่านกล้องโทรทัศน์ในมุมไกล แต่เราจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า ด้วยตาของเราเอง

เช่นเดียวกับนิตยสาร ควน ป่า นา เล ที่ออกเป็นรายเดือนจากฝีมือกลุ่มศิลปะวรรณกรรมควน ป่า นา เล จังหวัดสงขลา ที่ให้ภาพพจน์สำคัญแก่วิถีชุมชน ภายใต้แนวคิด "โลกทัศน์ชาวบ้าน จิตวิญญาณชุมชน"  ที่ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการพัฒนาแบบจุลภาค ให้ความสำคัญกับสิ่งใกล้ตัว ที่เราผูกพันอยู่ทุกวี่วัน

ควน ป่า นา เล ฉบับที่ 4 นี้ ให้ชื่อว่า "เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์" โดยในบทบรรณาธิการ คุณวัฒนชัย มะโนมะยา

ได้เขียนให้เห็นภาพพจน์ของคำว่า วิถีของเมล็ดพันธุ์ ที่นอกจากมีการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์แล้ว ยังมีอุปสรรคของการหยั่งรากลงดิน ทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องอยู่กับ วิถีชีวิตตามหลักธรรมชาตินิยม

เขาเขียนไว้ว่า
ผมอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างเติบโตตามธรรมชาติ ออกดอกออกผลตามฤดูกาล และแผ่ขยายพันธุ์ออกไปอย่างอุดมสมบูรณ์ โดยมีเงื้อมมือมนุษย์เข้าไปข้องเกี่ยวกับชีวิตมันให้น้อยที่สุด

ขณะเดียวกัน บทความที่เผยแพร่อยู่ในควน ป่า นา เล เล่มนี้ ส่วนใหญ่ยังแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เติบโต แตกหน่อ ผลิใบ หรือแม้แต่กำลังร่วงโรยอยู่ในผืนดินแห่งศตวรรษที่ 21 โดยพยายามให้ความสำคัญของรากเหง้าที่เคยแข็งแกร่งในอดีต และกำลังกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งในปัจจุบัน เห็นได้จากบทสัมภาษณ์ของ อิหม่ามรอหีม สะอุ บุรุษผู้ฟังเสียงปลา หรือ ตังเกหูเรดาร์ ผู้เปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ที่หยั่งรากลึกในผืนดิน เติบโตให้ร่มเงา ดอกผลแก่ผืนดินนั้น

อิหม่ามรอหีม สะอุ เรียนรู้การฟังเสียงปลาในทะเล อันเป็นวิถีชีวิตของชาวประมงมาแต่ครั้งบรรพชน กระทั่งทุกวันนี้ อุปกรณ์หาเลี้ยงชีพของชาวประมงได้พัฒนามาถึงขั้นกวาดล้างทรัพยากรธรรมชาติให้เหี้ยนเตียนไปหมดในคราวเดียวได้ ก็ถึงคราวที่คนในชุมชนจะได้ตระหนักว่า วิถีชีวิตแบบไหนที่ยั่งยืน อย่างไหนเป็นเพียงกระแส โดยอิหม่ามรอหีมได้ยกเอาพระราชดำรัสในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นที่ตั้ง

วิถีพอเพียงนั้นแท้จริงแล้วได้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษที่อยู่อาศัยแบบเกื้อกูลธรรมชาติ เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในกระแสพัฒนาเศรษฐกิจ วิถีชีวิตดั้งเดิมก็ถูกทำลายลง ทั้งคนและธรรมชาติแวดล้อม

การที่จะหวนคืนกลับมาใช้ชีวิตในวิถีดั้งเดิมได้อีกครั้งนั้น จะเริ่มต้นจากจุดไหน หากพึ่งโครงสร้างทางสังคม ซึ่งมีภาคการเมืองแบบองค์รวม ต้องใช้เวลากี่สิบปี ดังนั้นการเริ่มต้นจากจุดเล็กสุดก็ต้องเริ่มด้วยมือเราเอง กล่าวได้ว่า วิธีการแก้ปัญหาที่จะเป็นมรรคผลทั้งต่อตัวเองและสังคมนั้น ต้องเริ่มจากตัวเราเสียก่อน

ยกตัวอย่าง อิหม่านรอหีมที่ปลุกผักปลอดสารพิษไว้กินเอง และขายให้กับโรงพยาบาลหาดใหญ่

สร้างเครือข่ายร่วมกับคนในชุมชน ให้หวนกลับมาดำรงชีวิตด้วยวิถีดั้งเดิม เกื้อกูลธรรมชาติ ถือเป็นกระบวนการเยียวยารักษาโรคเทคโนโลยีเป็นพิษด้วยต้วเอง ไม่ต้องพึ่งนโยบายของรัฐบาล ชุมชนก็สามารถยืนหยัดขึ้นได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ ในควน ป่า นา เล ยังมีบทความน่าสนใจที่เป็นประโยชน์ ให้แง่คิด เกร็ดความรู้ ทั้งในแง่กฎหมายที่ควรรู้ มีภาษาท้องถิ่นแนะนำ รวมทั้งให้น้ำหนักกับงานวรรณกรรม เรื่องสั้น บทกวีอยู่พอสมควร หากแต่ละชุมชนจะมีนิตยสารหรือมีสื่อเป็นของตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นพัฒนาการที่ดีงามของสังคมไม่น้อยไปกว่ามีเงินกองทุนหมู่บ้าน หรือโครงการประชานิยมทั้งหลายแหล่

แม้มีการกล่าวถึงหรือนำเสนอวิถีชีวิตเช่นเดียวกันนี้ในหลายสื่อ มีความพยายามสร้างภาพให้เป็นกระแสหลักอยู่พอสมควร แต่ภาพที่ผ่านกระบวนการตัดต่อโดยองค์กรสื่อจะถือเป็นภาพที่ซื่อสัตย์ได้กี่มากน้อย อย่างมากฉันเห็นเป็นแค่การนำเที่ยวชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงเท่านั้นเอง นี่เป็นข้อแตกต่างระหว่างสื่อกระแสหลักกับสื่อของชุมชนเอง อย่างนิตยสารควน ป่า นา เล ที่เป็นนิตยสารระดับตำบล สร้างสรรค์โดยคนในพื้นที่ที่รู้เห็น เกี่ยวเนื่องผูกพันอยู่จริง ตามที่เขาโปรยหัวนิตยสารไว้ว่า นิตยสารระดับตำบล สำหรับคนทั่วประเทศ

หากถามว่า ตำแหน่งแห่งที่ของชุมชนหรือจุลภาคนั้น เป็นส่วนหนึ่งของประเทศของมหภาคไม่ใช่หรือ ก็แน่นอนว่าใช่ แต่การร่วมมือลงแรงของคนในพื้นที่ด้วยแรงบันดาลใจส่วนตัวย่อมมีพลังอยู่ในตัวเอง

ฉันเห็นว่าสื่อประเภทนี้มีความมั่นคงยั่งยืนในระยะยาว อันนี้ไม่ได้หมายความว่า นิตยสารจะขายดิบดีหรือมีผลกำไรให้สานต่อเป็นรูปเล่มหนังสือ หากแต่ยั่งยืนในแง่ของการพัฒนาสังคม และสร้างสรรค์ให้เกิดคุณภาพชีวิตที่แผ่ขยายออกไปสู่คนรุ่นต่อไปได้ ด้วยแนวคิดหรือด้วยการประสานงานระหว่างคนในชุมชนเอง โดยไม่ต้องรอคอย ฝากความหวังไว้ที่รัฐบาล หรือหน่วยงานราชการแต่อย่างใด

ฉันเชื่อว่าถ้าชุมชนเข้มแข็ง ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง สักวันหนึ่ง คำโฆษณาชวนเชื่อของนักการเมืองจะกลายเป็นแค่ขี้ปากของคนใส่สูทกระจอก ๆ ที่ชวนอ้วก สักวัน เราจะไม่ต้องยืนทำท่าสงบเสงี่ยมเจียมตัว มือกุมเป้ากางเกง อ้อนวอนนักการเมืองขอถนน ขอเงินกองทุนหมู่บ้าน ฉันว่าตอนนั้น คำว่า ประชาธิปไตยคงไม่มีใครพูดถึงให้เปลืองน้ำลาย

ดังนั้นจึงน่าสนับสนุน หากความเข้มแข็งจะดำรงอยู่ในป้จเจกชนคนธรรมดา ในเครือข่ายที่ก่อกำเนิดขึ้นด้วยลำแข้งของตัวเอง

นิตยสาร ควน ป่า นา เล ของชุมชน จึงเป็นพื้นที่เผยแพร่ความเข้มแข็งที่ยั่งยืนให้แก่คนในชุมชนได้มากกว่าที่จะให้เรื่องราวเหล่านี้ไปปรากฏเป็นตัวประกอบให้กับสถานีข่าวกระแสหลัก เพราะแม้แต่สถานีทีวีไทยที่ดำรงนโยบายงี่เง่าแห่งชาติอย่างเหนียวแน่น ก็ทำข่าวชุมชนด้วยอาการดัดจริต ไม่ทราบจะมัวกระดืบคืบคลานเกาะชายกระโปรงรัฐบาลอภิสิทธิ์ไปเพื่ออะไร ไม่เชื่อถามใครที่ดู ทีวีไทย ก็ได้

พอจะมีพิธีทำหน้าที่ได้น่าชื่นใจสักคนหนึ่งก็มันอันต้องดับไปอีก เพราะหล่อนสวมเสื้อตัวในสีแดงทำหน้าที่พิธีกร ไม่ทราบตอนนี้หล่อนระเห็จหายไปจากหน้าที่พิธีกรไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ปล่อยให้เพื่อนร่วมงานพูดผิด ๆ ถูก ๆ ทุก 5 นาที ออกมาเริงร่าแทน เวลาสัมภาษณ์ก็สวมวิญญาณนักศึกษาจดแล็คเชอร์ พยักหน้าค่ะ ๆ อยู่นั่นเอง

แน่นอน เรายังมีสื่อทางเลือกให้สรรหามาเสพตามอัตภาพ แต่สังคมไทย ยังขาดสื่อหลักของชุมชนอันจะเป็นปากเป็นเสียงของคนในชุมชนเอง เพราะขนาดไฟไหม้อยู่หน้าปากซอย เรายังเห็นภาพควันไฟโขมงโฉงเฉงอยู่หน้าจอทีวีก่อนเปิดหน้าต่างมองภาพด้วยตาของตัวเองด้วยซ้ำ นี่ยังไม่เกี่ยวกับ "ความน่าเชื่อถือ" ของสื่ออีกต่างหาก

ดูไปแล้ว กระแสความรับรู้ที่มีต่อสื่อนั้น เราได้ฝากความหวังไว้ที่ "คนอื่น" ซึ่งอยู่ห่างไกลจากเรา และเรามักยอมรับสื่อที่ถูก "ปรุงแต่ง" มาให้พร้อมสรรพ พร้อมบริโภคเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากกว่าเงยหน้าขึ้นมองด้วยตาของตัวเอง ยิ่งถูกสื่อต่าง ๆ ป้อนมาให้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผู้บริโภคอย่างเราแม้อิ่มตื้อแค่ไหนก็ต้องกล้ำกลืนกินเข้าไป เพื่อให้ได้ปริมาณและมีความรอบคอบ หลากหลาย โดยเฉพาะเพื่อแสวงหา "ความเป็นกลาง" หรือ "ความเที่ยงธรรม"

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่มีสื่อใด ๆ จะเป็นกลางสมบูรณ์แบบ ที่เมื่อบริโภคแล้วทำให้รู้รอบ รู้ลึก ดังนั้น เพื่อบรรลุถึงอุดมการณ์ของผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร เราต้องเสพข่าวอย่างหลากหลาย คัดสรรกลั่นกรอง ให้ได้มาซึ่ง "เนื้อหา" ที่เที่ยงธรรมที่สุด แต่ขอโทษที ฉันเหนื่อยปางตาย แทบสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะเมื่อต้องอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน วันละสี่ฉบับ ต้องอ่านนิตยสารรายสัปดาห์ รายเดือน ต้องติดตามดูข่าวต้นชั่วโมง ต้องจ้องหน้าจอเว็บไซต์ ดูคลิปนักการเมืองให้สัมภาษณ์ อ่านข่าวที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในสื่อกระแส วันละสองชั่วโมง

และวันนี้ฉันขอหยุดตัวเองไว้แค่นี้ ปิดหน้าจอ ขี่มอเตอร์ไซด์ พาลูกชายนั่งหน้า ไปตระเวนดูตามศาลากลางจังหวัดที่เมื่อเช้าเห็นแว้บ ๆ มีทหารรักษาความปลอดภัยตั้งซุ้มมือปืน เอ้ย ไม่ใช่ ซุ้มรักษาความปลอดภัยเต็มพรืด ไปนั่งสูบมวนนิโคตินรับลมดูมวลชนเสื้อแดงแถวนั้น ให้เสียงจากลำโพงแหบ ๆ วิ่งผ่าโสตประสาท ถือเป็นการล้างหูไปในตัว เผลอ ๆ อาจต้องวิ่งไปหากระดาษแผ่นใหญ่ เขียนตัวอักษรร่วมสดุดีให้ได้อารมณ์

อำมาตยาธิปไตยจงเจริญ ทุนนิยมสามานย์จงเจริญ สาธุ!.

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…